ขณะที่ลืมตาขึ้น ร่างกายของหร่านซวี่จือก็เ็ปไปทั้งตัว สิ่งที่เข้าปรากฏในสายตาไม่ใช่ห้องใต้ดินอันมืดมิดและอับชื้นห้องนั้น หากแต่เป็เพดานห้องที่ขาวสว่าง
ลำคอนั้นแห้งผากอย่างรุนแรง เพียงแค่ขยับศีรษะก็ราวกับเหมือนมีคนเอาไม้มาเขี่ยวน มันเ็ปจนอยากจะฆ่าตัวตาย
ต่อมา หร่านซวี่จือก็รู้ตัวว่าตนเองนั้นน่าจะอยู่ในโรงพยาบาล ขณะกำลังจะยันตัวขึ้นกดกริ่งเพื่อถามสถานการณ์ ประตูก็ถูกเปิดออกเสียก่อน
คนที่เข้ามาคือเฉินหนาน
จิตใต้สำนึกในร่างกายของหร่านซวี่จือนั้นเกิดความหวาดกลัวต่อเฉินหนาน เมื่อเห็นเขาก็ย้อนนึกถึงความเ็ปมากมายที่ได้รับ ร่างกายนั้นจึงสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่
เฉินหนานนั่งลงบนเก้าอี้อย่างตามใจพลางช้อนตาขึ้นมองเขา
ผ่านไปเนิ่นนาน เฉินหนานก็เอ่ยปาก “ปิงโหยวจี้ คือใคร? ”
หร่านซวี่จือตะลึง
ทำไมเฉินหนานถึงถามคำถามนี้กับเขา? เฉินหนานรู้จักปิงโหยวจี้ได้อย่างไร? หรือว่าเขาจำได้แล้ว?
ระบบ: “คุณรันครับ คุณเป็คนเอ่ยถึงชื่อนี้หลายครั้งตอนก่อนที่จะหมดสติ เป็การละเมิดกฎอย่างร้ายแรง ระบบทำการหักแต้มของคุณอัตโนมัตินะครับ”
หร่านซวี่จือ: “…”
ขณะเผชิญหน้ากับคำถาม หร่านซวี่จือไม่รู้ว่าควรพูดอะไรจึงได้แต่เอ่ยว่า “ก็คุณไง”
เฉินหนานขมวดคิ้ว “พูดความจริง”
เขารู้สึกแปลกแยกกับชื่อนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็เพราะอะไร ทุกครั้งที่ชื่อนี้ออกมาจากปากของหร่านซวี่จือ ในใจของเขาก็จะเกิดความเ็ปเล็กน้อย
หากจะบอกว่าชื่อนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองเลย เฉินหนานก็คงไม่เชื่อ
แต่สามปีก่อนเขาเคยสูญเสียความทรงจำ ไม่แน่ว่าอาจจะลืมเื่ราวสำคัญบางอย่างไป
ส่วนประวัติที่มาของหร่านซวี่จือนั้น เขาเคยส่งคนไปสืบอย่างละเอียด ปรากฏว่าไม่พบอะไรที่เป็เงื่อนงำที่เกี่ยวข้องกับเื่นี้
“คือคุณจริงๆ ” หร่านซวี่จือท่าทีจริงจัง “คุณยังเคยบอกว่าจะพาผมไปแต่งงาน เพียงแต่ว่าผมไม่ได้สนใจคุณ”
เมื่อเฉินหนานได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกว่าอยากต่อยเขาและขำอย่างเยือกเย็นแล้วเบนหน้าไปอีกทาง ส่วนหร่านซวี่จือนั้นก็ถูกสายตานี้บาดลึกทำให้เขาสะดุ้งจนตัวสั่น และทำได้แค่ปิดปากเงียบ
ความเ็ปสะท้านไปทั้งตัวเพราะก่อนหน้านี้เขากัดปากของตนเองจนเป็แผล จึงได้แต่ปิดปากไว้ รอให้เฉินหนานเอ่ยถามตนเองถึงจะยอมปริปากพูด
เฉินหนานไม่ได้ถามต่อ เขาเพียงแค่ลุกขึ้น ทันใดนั้นหร่านซวี่จือก็เรียก “คุณชายเฉิน...”
เฉินหนานไม่ได้สนใจเขา แต่กลับเปิดประตูแล้วจากไป
หร่านซวี่จือได้รับความทุกข์ทนขมขื่นเต็มที ในที่สุดก็ได้กลับคฤหาสน์ ขณะที่เข้าบ้านมาก็รีบคว้าตัวบัตเลอร์มาถาม “ขอถามหน่อย เ้าขนทองตัวนั้นของคุณชายเฉิน…”
บัตเลอร์ยืนงงไปชั่วครู่ เหมือนจะไม่ทันตั้งตัว
อาม๋าเห็นเข้าพอดีจึงรีบก้าวเท้าเข้ามาแล้วดึงตัวหร่านซวี่จือไปมุมหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ย “คุณชาย ซาจือถูกคุณชายเฉินพาตัวไปแล้วค่ะ”
ม่านตาของหร่านซวี่จือหดเล็กลง พลันก็กำเสื้อตรงหน้าอกของตนเองไว้แน่น
ซาจือไม่อยู่แล้วจริงๆ ด้วย
พอตกกลางคืน หร่านซวี่จือเดินไปที่สวนตรงนั้น เขาเดินไปเดินมาอยู่นาน แต่ก็ยังคงไม่เห็นเ้าขนสีทองที่คุ้นเคย
หากไม่ใช่เพราะตนเองหันไปมองประตูบานนั้นบ่อยๆ ซาจือก็คงไม่คิดหาหนทางไปช่วยเอาเอกสารนั้นมาให้กับตนเอง
เป็ความผิดของเขาเอง
หร่านซวี่จือนั่งอยู่ตรงบันไดในสวนเหมือนิญญาหลุดจากร่าง
จู่ๆ ด้านหลังก็มีตัวสีดำอะไรบางอย่างพรวดพราดออกมาทำให้หร่านซวี่จือไม่ทันหลบและรีบยื่นแขนไปบัง พริบตาเดียวก็โดนกัดเข้าที่แขนจนเป็แผล
“ซี้ด” ด้วยความที่อาการาเ็ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ทันหายดี หร่านซวี่จือเจ็บจนสูดหายใจลึก อาศัยแสงจันทร์ถึงจะเห็นชัดว่าเป็เ้าเยอรมันเชพเพิร์ดสุดโปรดของเฉินหนาน
หร่านซวี่จือโมโหแทบตาย อยากใช้มืองัดปากของมันออก แต่ยิ่งออกแรงมันก็ยิ่งกัดแน่นจนเืไหลออกมาจากแขนและซึมผ่านเสื้อผ้า
“แกกัดเลย! เก่งจริงก็กัดฉันให้ตาย! ” หร่านซวี่จือเอ่ยด้วยความโมโหแล้วปล่อยแขนออกอย่างยอมจำนน
เ้าหิมะกัดมือของหร่านซวี่จือ ดวงตาสีดำเป็ประกายคู่นั้นกลอกไปมาราวกับได้ใจ
ขณะที่หร่านซวี่จือทั้งเจ็บ ทั้งเหนื่อย ทั้งหิวและหงุดหงิด หากไม่ใช่เพราะเ้าหิมะเป็หมาของเฉินหนาน เขาคงหยิบก้อนหินข้างตัวมากระแทกใส่ศีรษะเ้าสุนัขนี่ไปแล้ว
“เ้าหิมะ มานี่” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังหร่านซวี่จือ
เ้าหิมะกัดแขนของหร่านซวี่จือแล้วส่ายศีรษะ ท่าทางไม่พอใจอย่างมาก
“เชื่อฟัง” เสียงนั้นค่อยๆ เยือกเย็นลง เ้าหิมะเหมือนจะกลัวเล็กน้อย ได้แต่ปล่อยปากด้วยความจำยอม
หร่านซวี่จือรีบดูาแของตนเอง ก็เห็นว่ามีรอยแผลสองรูอยู่บนแขน ไม่รู้จะได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือเปล่า
“เ้าหิมะบ้านเราแข็งแรงมาก” เฉินหนานเอ่ยเสียงเยือกเย็น
เ้าเยอรมันเชพเพิร์ดจ้องหร่านซวี่จืออยู่ด้านหลัง มันจ้องเขาพร้อมกับน้ำลายที่ไหลยืดไม่หยุด หร่านซวี่จือก็เลยสงสัยว่าเ้าหมาตัวนี้คงเห็นเขาเป็อาหารไปเสียแล้ว
พูดถึงก็น่าแปลก เ้าหิมะนั้นนอกจากเฉินหนานแล้ว มันก็จะไม่สนใจใครเลย มีแค่เพียงหร่านซวี่จือ พอมันเห็นเขาก็เหมือนกับเืในตัวของมันพลุ่งพล่าน อยากจะพุ่งตัวไปกัดเขาเสียให้ได้
หร่านซวี่จือปวดสุดขีด เขาจ้องมองเฉินหนานด้วยความน่าเวทนา
ขณะที่แพทย์ประจำตัวทำแผลให้ เขาก็อุทานเสียง “จึ๊ๆ” “ถูกหมากัดแบบนี้หน้ายังไม่เปลี่ยนสี คุณชายนี่เหนือคนจริงๆ เลยนะครับ”
“ก็ใช่ครับ” หร่านซวี่จือได้ใจ
หร่านซวี่จือไม่สามารถขยับแขนขวาได้แต่เขาก็ยังลาดตระเวนไปทั่ว ส่วนอีกสี่คนในวังหลังนั้น วันๆ ก็เอาแต่คิดว่าจะหาหนทางเข้าใกล้สนิทสนมกับเฉินหนานได้อย่างไร หร่านซวี่จือเห็นว่าร่างกายของตนเองในตอนนี้ยังไม่อาจทำอะไรได้ ที่ทำได้ก็แค่เพียงรักษาตัว
ในสวนมีคนใช้กำลังทำงานอยู่ หร่านซวี่จือก็นั่งอยู่อีกฟาก บางทีก็ไปถามเื่นั่นนี่บ้างหรือช่วยทำงานบ้าง เหล่าคนรับใช้รู้สึกใที่ได้รับความเมตตาเพราะถึงอย่างไรคุณชายทั้งหลายที่เฉินหนานเลี้ยงดูล้วนเป็พวกสูงส่งและก็ไม่มีทางมาสนใจพวกเขาอย่างแน่นอน
ตอนที่หร่านซวี่จือเพิ่งเข้ามานั้น เขายังเป็โฮสต์อยู่จึงไม่มีใครให้ค่า แต่คนรับใช้ในคฤหาสน์นั้นต่างก็ชื่นชอบเขา เพราะเขาเป็เด็กหนุ่มที่ทั้งตรงไปตรงมาและร่าเริง จึงยากที่จะหาเหตุผลไม่ชอบได้
อิงซางเองก็มาเยี่ยมหร่านซวี่จือ พร้อมกับถือเค้กที่ตนเองทำมาด้วย จังหวะที่เดินกลับออกจากห้องของหร่านซวี่จือ บังเอิญเจอเฉินหนานพอดี เขาจึงสะดุ้ง “คุณชายเฉิน? ”
เฉินหนานมองต่ำเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับอิงซาง “นายมาที่นี่ทำไม? ”
“เอ่อ” อิงซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเล “ผมมาเที่ยวเล่นน่ะ”
การที่หร่านซวี่จือผูกมิตรกับคนรับใช้ในบ้านไปทั่วนั้นอยู่ในสายตาของเฉินหนานหมด แต่คิดไม่ถึงว่าอิงซางเองก็จะลดค่าตนเองด้วย เขาจึงขมวดคิ้ว “ต่อไปก็อย่าเข้าใกล้เขามากนัก”
อิงซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ “คือว่า...ผมรู้สึกว่าอาหร่านซวี่จือเขาก็...ใช้ได้”
หร่านซวี่จือคงได้ยินเสียงที่ตรงประตูจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเปิดประตูยื่นศีรษะออกไป เขาก็สบตากับเฉินหนานเข้าพอดีทำให้ใจนตัวสั่นเล็กน้อย “เอ่อ มีเื่อะไรครับ? ”
“กลับไปเสีย”
“อย่าเพิ่งสิ” หร่านซวี่จือยิ้มแหย “ไหนๆ ก็มาแล้ว มาเล่นกับฉันก่อน ฉัน...อ๊าก!!! ”
ก้นของเขาถูกเ้าบางตัวมางับไว้ หร่านซวี่จือแทบไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็เ้าหิมะ
เ้าหิมะเดินตามเฉินหนาน เดาว่าจังหวะที่หร่านซวี่จือเปิดประตูก็แอบย่องไปกัดเขา
สีหน้าของเฉินหนานนั้นมืดมนอย่างบอกไม่ถูก สุนัขของเขา เขาย่อมเข้าใจมันดี เ้าหิมะนั้นโดยทั่วไปหากได้ชอบอะไรเข้าก็มักจะไปก่อกวนสิ่งนั้นเสมอ การที่มันตอแยหร่านซวี่จือไม่เลิกก็คงเป็เพราะชอบเขามากเท่านั้นเอง
คนคนนี้มีเสน่ห์ตรงไหนกัน? ทำไมใครๆ ก็ชอบเขา?