“แม่นางเสี่ยวเมิ่ง?”
หยวนจุนมองเสี่ยวเมิ่ง ครั้นเสี่ยวเมิ่งเห็นหยวนจุน ใบหน้างามที่กำลังมีความสุข จู่ๆ ก็แทบหยุดหายใจทันทีที่เห็นสายตาของผู้ที่อยู่ตรงหน้า
เขาเดินตามเสี่ยวเมิ่งเพื่ออยากถามว่านางเห็นหญิงชุดดำผู้นั้นไหม แต่นางกลับส่งสายตาที่แสนเ็ามาให้
“เ้าอยากพบนางเพราะเหตุใด? พอใจนางอย่างนั้นหรือ!?”
หยวนจุนเลียริมฝีปากแห้งอย่างทำตัวไม่ถูก เสี่ยวเมิ่งถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “หึ ไปแค่วันเดียวก็สวมเสื้อคลุมยุทธ์ของตระกูลหลิวแล้ว ทั้งยังเดินเตร่กับหลิวหรูเยียนอีก เ้าคงมีความสุขมากสินะ!”
แม้คำพูดของเสี่ยวเมิ่งจะไม่ได้ใกล้เคียงความจริง แต่หยวนจุนก็ไม่ได้โต้แย้งออกไป
สีหน้าเขาบ่งบอกว่าไม่อยากจะอธิบาย เสี่ยวเมิ่งจึงจ้องเขม็งไปที่หยวนจุน นางที่กำลังโกรธกล่าวว่า “กลับไปทีู่เากับข้าก่อน เื่อื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
ทั้งสองเดินไปที่ป่าไผ่ เสี่ยวเมิ่งเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของนาง และนั่งลงบนก้อนหินอย่างสบายๆ
“เ้าตามหานางเพราะเหตุใด ตอบให้ข้าได้ยินหน่อยสิ? หรือว่าแค่เห็นหน้าหญิงเอวบางร่างน้อย เ้าก็หลงจนเดินไม่ตรงทางแล้ว?”
เมื่อเสี่ยวเมิ่งพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน หยวนจุนจึงนิ่งไปอยู่พักหนึ่ง
“แม่นางเสี่ยวเมิ่งล้อข้าเล่นใช่หรือไม่? ข้ามีเป้าหมายในวันพรุ่งนี้ และไม่สนใจเื่เช่นนี้ ข้าจะสนใจสตรีที่ดูแล้วธรรมดาๆ อย่างนั้นได้อย่างไร!”
“สตรีที่ดูแล้วธรรมดา!?” เสี่ยวเมิ่งลุกขึ้นจากก้อนหิน สองมือเท้าเอว ทำท่าเหมือนจะกลืนกินหยวนจุน
“ข้าล่ะ? ในสายตาเ้าข้าก็เป็สตรีธรรมดาๆ ใช่หรือไม่!?”
หยวนจุนมองเสี่ยวเมิ่งอย่างหวั่นใจ ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เมื่อนางเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้จึงเกือบจะร้องไห้ออกมา แต่แล้วก็เก็บอารมณ์นั้นไว้อย่างรวดเร็วและแตะเบาๆ ที่แหวนมิติ พลันกล่องไม้ที่ใส่กระบี่โหยวหลงก็ตกใส่เท้าของหยวนจุน
“โหยวหลง!”
หยวนจุนมีท่าทีดีใจ กล่องไม้ตกใส่เท้าแล้วแตกออก ทำให้กระบี่โหยวหลงส่งเสียงดังวี้ๆ
เขาไม่รีรอที่จะยื่นมือออกไป กระบี่โหยวหลงน้ำหนักสามพันชั่งนั้น ตอนนี้อยู่ในมือของเขาแล้ว ลวดลายัที่พันอยู่รอบกระบี่สีขาวหยกส่องประกาย
อีกทั้งัสีม่วงที่ขดอยู่บนกระบี่นั้น ก็ดูเหมือนว่ายังมีชีวิต มันสะท้อนแสงเข้ามาในดวงตาเขา หยวนจุนกับกระบี่โหยวหลงได้ผสานจิตใจกัน ดังนั้นเมื่อกระบี่มาอยู่ในมือของเขา มันจึงเบาราวกับขนนก
เขายกกระบี่มาตรงหน้า ทั้งสองเชื่อมโยงกันราวกับเส้นใยแมงมุม มันทำให้หัวใจของเขาหนักขึ้นเล็กน้อย
“แม่นางเสี่ยวเมิ่ง เหตุใดกระบี่โหยวหลงถึงอยู่กับเ้า?”
หยวนจุนยังคงจดจ่ออยู่ที่กระบี่โหยวหลง เขาถามเสี่ยวเมิ่งโดยที่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
หลังจากได้รับคำตอบจากหญิงงาม หยวนจุนถึงกับชะงัก แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ฟังจากน้ำเสียงและท่าทางของเสี่ยวเมิ่งเมื่อครู่นี้ หยวนจุนมั่นใจว่านางคือสตรีชุดดำปกตั้งที่อยู่ในโรงประมูล!
“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นักสร้าง ยามว่างข้าจะไปโรงประมูลเพื่อประมูลอาวุธระดับิญญา คุ้นเคยกับผู้จัดการฉางพอสมควร เพียงแต่ฐานะการเป็นักสร้าง ข้าไม่สามารถบอกให้ผู้อื่นรู้ได้ จึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าท่าทาง ซึ่งเป็เื่ปกติมิใช่หรือ”
แม้ผู้พูดจะกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ แต่ผู้ฟังกลับตั้งใจฟัง หยวนจุนเข้าใจคำพูดของนางทันที
นางปิดบังชื่อเสี่ยวเมิ่ง แล้วมอบอาวุธระดับิญญาทั้งหมดให้โรงประมูลในฐานะนักสร้าง!
กล่าวอีกอย่างคือ โรงประมูลไม่สามารถปิดบังสิ่งใดจากนางได้ เื่ที่จะมีการประมูลกระบี่โหยวหลงนั้น เสี่ยวเมิ่งรู้อยู่ก่อนแล้ว
“แม้กระบี่เล่มนี้จะไม่ใช่อาวุธระดับิญญา แต่วิธีการกลั่นนั้นยอดเยี่ยมมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่มองไม่เห็นในส่วนนี้ แต่สำหรับข้าแล้ว อย่างน้อยมันต้องเป็อาวุธระดับิญญาของยอดฝีมือชั้นสูงแน่นอน!”
แค่เสี่ยวเมิ่งมองก็รู้วิธีกลั่นกระบี่โหยวหลง ทำให้หยวนจุนแปลกใจเป็อย่างมาก นางเป็เพียงนักสร้างขั้นยอด แต่สามารถมองวิธีการสร้างอาวุธระดับาาออก
“ยิ่งกว่านั้น ข้าไม่เคยเห็นวิธีการกลั่นวัตถุแร่ผลึกของกระบี่เช่นนี้ และไม่เคยอ่านเจอในตำราใดด้วย การใช้เงินเพียงไม่กี่ล้านเหรียญทองเพื่อได้มา ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะ!”
เมื่อเห็นท่าทางร่าเริงของเสี่ยวเมิ่ง หยวนจุนแอบอุทานเบาๆ
“แต่กระบี่นี้ยังมีพลังพิเศษหลงเหลืออยู่ แม้จะเลือนรางก็ไม่สามารถรอดพ้นััของนักสร้างได้ หากมิใช่เพราะรู้สึกว่าพลังของมันคล้ายกับพลังปราณของเ้า ข้าคงไม่ซื้อมันมาให้เ้าหรอก”
ครั้นพูดจบเสี่ยวเมิ่งก็เบ้ปากเหลือบมองหยวนจุน เห็นได้ชัดว่านางยังไม่หายโกรธที่หยวนจุนกล่าวหาว่านางแต่งตัวเหมือนสตรีธรรมดาๆ
“ให้ข้า? เ้าว่ากระบี่นี้เ้าซื้อให้ข้าหรือ?!”
หยวนจุนคิดว่าตนเองหูฝาดจึงรีบถามกลับไป
เมื่อเสี่ยวเมิ่งพยักหน้ายอมรับ หยวนจุนจึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง การได้กลับมาอยู่กับกระบี่โหยวหลงอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ทุกสิ่งแปรเปลี่ยน เขามิใช่หยวนจุนคนก่อนหน้านี้อีกแล้ว และกระบี่โหยวหลงก็มิใช่กระบี่โหยวหลงเล่มเดิมอีกแล้ว
เขายกกระบี่ขึ้นเหนือศีรษะ ร่างกายสั่นสะท้านด้วยปราณดาราที่หลั่งไหลเข้ามา ลวดลายับนกระบี่แปรปรวนมากขึ้น ดูแปลกตาไปอย่างเห็นได้ชัด
“ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เ้าคือกระบี่หยวนจุน! จดจำความอัปยศของข้าไว้ให้ดี! แล้ววันหนึ่ง ข้ากับเ้าจะกลับไปฆ่าอีกครั้ง!”
เมื่อเห็นหยวนจุนมีท่าทีตื่นเต้นดีใจ เสี่ยวเมิ่งจึงไม่ลืมที่จะเตือน “ตัวกระบี่นี้มีรอยร้าว ใช้สู้กับอาวุธระดับิญญาไม่ได้ หาก้าเลื่อนเป็อาวุธระดับิญญาขั้นหนึ่ง ต้องหาโอกาสกระตุ้นพลังของมัน!”
“ข้าเห็นว่าเ้ากับกระบี่นี้มีวาสนาต่อกัน แต่เมื่อครู่นี้เ้าบอกว่าจะกลับไปฆ่า? กลับไปที่ใด?”
หยวนจุนมิได้ตอบคำถาม แม้เสี่ยวเมิ่งจะใช้เงินหลายล้านเหรียญทองช่วยนำกระบี่หยวนจุนกลับมา แต่เขานั้นมิอาจบอกความลับทั้งหมดได้
เมื่อเห็นเขาเลี่ยงที่จะตอบ เสี่ยวเมิ่งจึงลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเ้าไม่อยากพูดข้าก็จะไม่บังคับเ้า แต่ข้าอยากถามเ้าอีกประโยค ตอนนี้เ้ายังรู้สึกว่าข้าเป็สตรีธรรมดาๆ อีกหรือไม่?”
ประโยคที่หยวนจุนพูดโดยไม่ใส่ใจเพื่อเบี่ยงเบนความสงสัยของเสี่ยวเมิ่ง คิดไม่ถึงว่านางจะนำมาใส่ใจถึงเพียงนี้
ไม่ว่าจะใส่ชุดโบราณประณีต หรือแต่งหน้ามีเสน่ห์ ก็ไม่สามารถปกปิดความงามและนิสัยของเสี่ยวเมิ่งได้ อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็ข้อดี อยากทำสิ่งใดก็ทำได้ มิต้องเหนียมอาย
ว่าไปแล้ว ยิ่งหยวนจุนเห็นนางเป็เช่นนี้ เขาก็ยิ่งชอบนางมากขึ้น
“น่ารำคาญเสียจริง มีพวกแมลงวันตามมารังควานอีกแล้ว!” เสี่ยวเมิ่งหันหลังกลับแล้วส่งสายตาเตือน
“หึ บุรุษและสตรีมาซ่อนตัวในป่าไผ่ กระซิบกระซาบ ทำเื่บัดสี หากเื่นี้แพร่งพรายออกไป พวกเ้าไม่กลัวว่าชื่อเสียงจะเสียหายบ้างหรือ?”
เมื่อหานจิ้นพูดจบ ด้านหลังของหยวนจุนก็มีนักยุทธ์วงแหวนใหญ่ขั้นสามจำนวนหกคนพุ่งเข้ามา!
นักยุทธ์พวกนั้นไม่รอช้า นำอาวุธสังหารเข้าโจมตีที่คอของหยวนจุนทันที
“ย๊าก ย๊าก”
หยวนจุนเหวี่ยงกระบี่ยาวในมือไปด้านหลัง คมกระบี่ปะทะแสกหน้าทั้งหกคนที่กำลังเข้ามาจนเกิดเป็เสียงดังก้อง นักยุทธ์ทั้งหกกระเด็นออกไปแล้วกระอักเื ทุกข์ทรมานกับพลังมืดที่ได้รับ
ขณะที่กำลังฝืนยืนขึ้น พวกเขาเห็นมีดใหญ่ในมือนั้นหักกลาง ทั้งหมดเหงื่อตกและใจสั่นด้วยความกลัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้