“ไม่ต้องขอบคุณหรอกที่ฉันทำดีกับเธอก็เป็สิ่งที่สมควรทำอยู่แล้ว” กู้หลานอันอารมณ์ดีจนลักษณะท่าทางที่แสดงต่อสวีย่าก็เปลี่ยนไปหนึ่งร้อยแปดสิบองศาเห็นได้ชัดว่าสวีย่าก็รู้สึกถึงความเข้าใกล้นี้ได้และคิดว่า “ความเสียสละ” ของตัวเองที่ไม่แสดงฉากจูบเพื่อเขาทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจในใจรู้สึกมีความสุขขึ้นมา เธอขยับไปข้างหน้าสองก้าวเพราะอยากใกล้ชิดเขาอีกนิดแต่กู้หลานอันที่มองเจาเยี่ยจนลาลับสายตาไปลุกพรวดขึ้นมาทันใดแล้วพูดกับเธอว่า “ฉันมีธุระต่อ ขอตัวก่อนนะ” พูดจบก็รีบวิ่งออกไปเลยหวังเว่ยรีบตามไปแล้วถามว่า “หลานอัน คุณจะไปไหน? ยังไม่ได้ถอดชุดออกเลย”
“อีกเดี๋ยวผมจะไปถอด คุณไปรอผมที่ห้องแต่งตัวก่อนก็แล้วกัน” กู้หลานอันตอบโดยไม่ได้หันหน้ามา
หวังเว่ย: ฉันคงจะเป็ผู้ช่วยฯ ปลอมๆ คนหนึ่งแน่เลย
ไม่ง่ายเลยที่จะหาตัวเจาเยี่ยเจอ เสียดายมีก้างขวางคอสองคนตามอยู่ด้วยแต่ด้วยความที่เขากำลังอารมณ์ดี กู้หลานอันจึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขานวดใบหน้าแดงซ่านของตัวเอง หลังจากพ่นลมหายใจออกมาจนรู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายลดลงบ้างแล้วเขาก็วิ่งชนเหวินเซินเท่อกับหลี่เสียวเหม่ยที่เดินเคียงข้างเจาเยี่ยออก “เจาเยี่ย! ” ทันทีที่เขามาถึงข้างกายของเจาเยี่ยใบหน้าของเขายิ้มระรื่น เอียงขามาใกล้แล้วกระแทกร่างเจาเยี่ย
“มีเื่อะไรเหรอ? ” เจาเยี่ยชำเลืองดูใบหน้าแดงซ่านของกู้หลานอันแวบหนึ่งแล้วถาม
“เมื่อกี้นายเป็คนเริ่มจูบฉันก่อนใช่รึเปล่า? ” กู้หลานอันพูดหน้าตาย เหวินเซินเท่อและหลี่เสียวเหม่ยตะลึงจนอ้าปากค้างขึ้นมาทันทีแต่ไม่ว่ายังไงเหวินเซินเท่อที่เป็ผู้จัดการมาหลายปีก็คืนสภาพกลับมาวางตัวเฉยได้อย่างรวดเร็วจะเหลือก็แต่หลี่เสียวเหม่ย เหลียวซ้ายมองขวากลัวว่าจะมีคนอื่นอีก
“ไม่ใช่” เจาเยี่ยปฏิเสธอย่างใจเย็น
“ยังบอกว่าไม่ใช่อีก เห็นได้ชัดเลยว่านายจูบฉันริมฝีปากของฉันยังรู้สึกถึงััของนายอยู่เลย”
เจาเยี่ย: คนที่ไร้ยางอายนี่น่ากลัวจริงๆ ...
“มันจำเป็กับเค้าโครงเื่” เจาเยี่ยตอบหลังจากพูดไม่ออกอยู่นาน
“จำเป็ที่ไหน? ” กู้หลานอันช้อนตาขึ้นมองมุมปากยกสูงขึ้นเล็กน้อย “เค้าโครงเื่คือฉันต้องเป็คนจูบนายชัดๆแต่ว่าเมื่อครู่เห็นอยู่ชัดๆ ว่านายเป็คนเริ่มจูบฉันก่อน แถมยังเอา...” กู้หลานอันไม่ได้พูดออกไป ใบหน้ากลายเป็สีแดงก่ำ นั่นเป็เพราะความลังเลของเขายิ่งทำให้เขาคิดจินตนาการไปไกล
เจาเยี่ยเอามือกุมหน้าผากเพราะกังวลว่าเขาจะพูดต่อ เขาจึงเบี่ยงตัวไปด้านหลังของกู้หลานอันและเอื้อมมือไปปิดปากเขาทันทีแล้วพูดกับเหวินเซินเท่อและหลี่เสียวเหม่ยว่า “ไปรอฉันที่ห้องแต่งตัวก่อน”
พูดจบ ก็ดันกู้หลานอันเดินไปอีกด้านแล้วค่อยปล่อยมือ
“เจาเยี่ย นายปิดปากฉันทำไม นายวางใจได้ฉันไม่พูดจนจบหรอกฉันไม่ทำให้นายขายหน้าแน่นอน” กู้หลานอันมองเจาเยี่ยแล้วตอบอย่างภาคภูมิใจ
เจาเยี่ย: นายพูดจบดีกว่านายไม่พูดเสียอีก
ถอนหายใจแ่เบาอย่างระอา เจาเยี่ยก้มลงมองกู้หลานอันแล้วถามเขาว่า “กู้หลานอันตกลงนายคิดจะทำอะไรกันแน่? ”
“ฉันอะไรคิดจะทำอะไร? ” กู้หลานอันงุนงง
“ทำไมนายต้องพูดเื่ที่ฉันจูบนายต่อหน้าเหวินเซินเท่อและหลี่เสียวเหม่ยด้วย? ” พอเห็นเขาแสร้งทำไม่รู้เื่เจาเยี่ยจึงต้องเผยออกมา
“นายยอมรับว่านายจูบฉันแล้วใช่ไหม?! ” จุดสนใจของกู้หลานอันมักจะไม่อยู่ในเส้นเื่
“นายอย่าสนใจเื่นี้ตอบคำถามฉันมา” เจาเยี่ยกล่าว
“อันนี้เหรอ ก็ไม่ทำไม จริงๆ แล้วฉันแค่อยากจะพูดกับนายแต่พวกเขาบังเอิญอยู่ข้างหลังพอดี ฉันก็เลยถือโอกาสพูดให้พวกเขาได้ยิน” กู้หลานอันพูด พอมองสายตาอันเ็าของเจาเยี่ย เขาก็รีบเสริมอีกว่า “ประจวบเหมาะแก่การกล่าวคำสาบานต่ออธิปไตยการปกครองด้วยนายจะได้ไม่ต้องปฏิบัติต่อพวกเขาดีกว่าฉัน”
“เอ่อ...” นี่เขากำลังหึงใช่ไหม? เจาเยี่ยส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แต่ปากกลับพูดว่า “ฉันไม่ใช่ของของนายนะนายไม่จำเป็ต้องทำพฤติกรรมที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดแบบนี้”
“ใครบอกว่านายไม่ใช่ของของฉัน? ” กู้หลานอันทำปากยื่น กลอกตาแล้วประดับรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มและพูดว่า “เจาเยี่ย เมื่อกี้นายเพิ่งจะยอมรับเองนะว่านายจูบฉันแล้ว ในเมื่อจูบแล้วนายก็ต้องรับผิดชอบต่อฉันด้วย ฉันเป็คนที่ใสบริสุทธิ์เื่ความรักถ้าถูกใครจูบแล้ว ก็จะรักแค่คนนั้น”
“ฉันไม่ได้เต็มใจจะจูบสักหน่อย ทำไมฉันต้องรับผิดชอบต่อนายด้วยถ้าไม่ใช่เพราะนายเอาแต่ถูกสั่งคัทจนทำให้กระบวนการถ่ายทำล่าช้านายนึกว่าฉันจะเต็มใจจูบนายเหรอ? ” คำพูดของเจาเยี่ยค่อนแรงอยู่สักหน่อยหลังจากพูดจบสีหน้าของเขาก็เ็าอยู่สักพัก แต่กู้หลานอันกลับไม่สนใจ เจาเยี่ยจะจูบเขาโดยไม่มีสาเหตุได้อย่างไรเขาไม่มีความมั่นใจขนาดนั้นหรอกส่วนเื่คำพูดที่บาดหมางใจที่เจาเยี่ยอาจจะพูดออกมาเมื่อเขามาหาเจาเยี่ยเขาได้เตรียมใจพร้อมไว้ตั้งนานแล้ว
“ไม่ว่านายจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม แต่ที่นายจูบฉันก็เป็ความจริง ยังไงนายก็ต้องรับผิดชอบต่อฉัน” กู้หลานอันมือเท้าสะเอว ตาจ้องเขาเขม็ง ท่าทางเหมือนหญิงปากร้าย “ถ้านายไม่รับผิดชอบ ฉันก็จะเอาเื่ที่นายจูบฉันประกาศให้สาธารณชนรู้”
“ไปสิ” เจาเยี่ยยิ้มอย่างขบขันคิดว่ากู้หลานอันคงไม่มีทางปฏิบัติกับเขาแบบนี้แน่ ดังนั้นคำขู่แบบนี้แทบจะไม่มีความสำคัญอะไรเลยสำหรับเขา
“หืม?” คิดไม่ถึงเลยว่าเจาเยี่ยจะไม่หลงกลอุบายกู้หลานอันมองเขาอย่างเสียใจอยู่นานแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ไปฉันไม่มีวันทำเื่ที่ไม่เกิดประโยชน์กับนายหรอก”
“แล้วแต่นาย ฉันไปก่อนนะ” หลังจากเจาเยี่ยพูดจบกำลังจะไปขาของเขากลับหนักจนยกไม่ขึ้น ก้มศีรษะลงไปก็เห็นกู้หลานอันกำลังกอดขาตัวเองและเงยหน้าขึ้นมองตัวเองอยู่ชำเลืองดูบริเวณโดยรอบแวบหนึ่งว่าไม่มีผู้คนแล้วเจาเยี่ยก็ไม่ได้ผลักกู้หลานอันออก เพียงแต่มองไปยังใครสักคนที่แปลงร่างเป็สลอธแล้วถามเขาว่า “กู้หลานอัน อยู่ในที่สาธารณะ ไม่ว่ายังไงนายก็เป็บุคคลสาธารณะคนหนึ่งมากอดต้นขาคนอื่นแบบนี้ นายคิดจะทำอะไรกันแน่? ”
“ไม่ได้คิดจะทำอะไร ฉันแค่อยากจะขอให้นายรับผิดชอบต่อฉัน” กู้หลานอันพูดพลางกะพริบตาอย่างน่าสงสารหลังจากนั้นก็พูดอย่างแข็งกร้าวขึ้นมาอีกว่า “ถ้านายไม่รับผิดชอบต่อฉันฉันก็จะไม่คลายมือออก จะไม่ให้นายได้กินข้าว จะไม่ให้นายได้ถ่ายละครจะจมปลักอยู่กับนายที่นี่แหละ”
“กู้หลานอัน แล้วความหยิ่งในศักดิ์ศรีของนายล่ะ? ” ในที่สุดเจาเยี่ยก็ถามถึงข้อสงสัยที่ซ่อนอยู่ในใจเขามาอย่างเนิ่นนานออกมา
“ฉันไม่มีศักดิ์ศรี ถึงมีก็ให้นายไปหมดแล้ว” กู้หลานอันพูดอย่างมีเหตุผลและหนักแน่น
“...” เจาเยี่ยไร้คำพูดที่จะตอบ เขาถอนหายใจ เงียบอยู่สักครู่ก็เห็นคนเดินมาทางพวกเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ลุกขึ้นมาก่อน ฉันรับปากที่จะรับผิดชอบต่อนายก็ได้”
“เจาเยี่ย นายเยี่ยมที่สุดเลย” กู้หลานอันลุกขึ้นอย่างช้าๆ
เจาเยี่ยมองท่าทางของเขาแล้วก็ถอนหายใจออกมา ถามเขาว่า “พูดมาเลย จะให้รับผิดชอบนายยังไง? ”
“เื่นี้เหรอ? ง่ายมาก ตบแต่งฉันเข้าบ้าน” กู้หลานอันมุมปากโค้งขึ้นอย่างยั่วยวน ดวงตากะพริบแวววาว
“ลาก่อน” เจาเยี่ยตอบทันทีและหมุนตัวจากไป
“ไม่ๆๆ......" กู้หลานอันดึงเขาไว้อย่างร้อนรน “เจาเยี่ยทำไมนายเป็คนไม่รักษาคำพูดแบบนี้ล่ะ? เมื่อกี้นายพูดอยู่ชัดๆว่าจะรับผิดชอบต่อฉัน”
“นายก็ต้องดูด้วยว่าเื่อะไร แต่งนายเข้าบ้าน? ” เจาเยี่ยลู่ตาต่ำลง แล้วค่อยๆ ลืมขึ้น “เป็ไปไม่ได้”
“ตอนนี้เป็ไปไม่ได้” กู้หลานอันเพิ่มคำเข้าไปสองคำ “งั้นเปลี่ยนเป็? ”
“เป็แฟนกับฉัน? ”
เจาเยี่ยส่ายหัว
“คบกับฉันหนึ่งเดือน? ”
ส่ายหัว
“อยู่ในห้องกับฉันหนึ่งวันหนึ่งคืน? ”
ส่ายหัว
“ไปหาพ่อกับแม่ฉัน? ”
ส่ายหัว
“กู้หลานอัน นายพูดให้มันสอดคล้องกับความเป็จริงหน่อยได้ไหม? ” เจาเยี่ยจ้องเบาๆไปยังกู้หลานอันที่ยิ่งถามก็ยิ่งคึกคักและยิ่งไม่น่าไว้ใจมากขึ้น
“ก็ได้ ยกโทษให้ฉันนะ” เมื่อไม่ได้ดังที่ขอกู้หลานอันก็ยอมลดระดับเอาสิ่งที่ดีรองลงมา
“ยกโทษอะไร? ” เจาเยี่ยงุนงง
“ยกโทษให้ฉันที่เมื่อคืนจูบนายไป นายอย่าเพิกเฉยใส่ฉันอีกเลยนะ” กู้หลานอันพูดเสียงต่ำ
“ที่จริงแล้วฉันไม่โทษนาย” เจาเยี่ยพูดเสียงแ่เบาฉันก็แค่กลัวว่ายิ่งอยู่ฉันจะยิ่งควบคุมตัวเองไว้ไม่ไหวจึงเลือกที่จะหนี
“อะไรนะ? ” กู้หลานอันได้ยินไม่ชัดเลยถามอย่างสงสัย “เจาเยี่ยนายพูดอะไร? เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ชัด”
