...ที่ประตูไม้ด้านหลัง มีเงาดำๆ เคลื่อนไหวอยู่
หญิงสาวหรี่ตาเล็กน้อย แล้วก็เห็น เป็ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดพนักงานส่งของยืนตัวแข็งอยู่ตรงซอกประตูรั้วเล็กๆ ที่เขาผลักเข้ามาเพียงเพื่อจะวางกล่องพัสดุ เขาคงไม่คิดว่าจะเห็น…อะไรแบบนี้ ตาของเขากลมโต อ้าปากค้างนิดๆ ขณะมองเข้ามาในมุมที่ไม่ควรได้เห็น จากบุคคลภายนอก
ภาพของมารตี…เปลือยเปล่าอยู่ท่ามกลางชายหญิงในสระน้ำเล็กๆ ริมฝีปากเธอที่กำลังเผยอเบาๆ ขณะขยับร่าง ขึ้นๆ ลงๆ อยู่บนหน้าขาของวรเมธ จิรภาที่อยู่แนบชิดทางด้านหลัง กำลังเอื้อมมือไปััจุดที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกบนหน้าขาของมารตีส่วนวรเมธที่กำลังจูบไซร้ซอกคอเธออย่างทะนุถนอม และปพนต์ที่กำลังขยับตัวแนบชิดกับด้านหลังของจิรภาที่โหย่งตัวอยู่อย่างลุ่มลึก เป็จังหวะ
มารตีหันไปสบตากับเขา ส่งยิ้มยั่วยวนเพียงเสี้ยววินาที…เขาก็ชะงักไป ไม่หลบ ไม่หนี แค่ยืนมอง...เหมือนถูกตรึงไว้ด้วยภาพตรงหน้า หญิงสาวไม่หลบสายตา ไม่ปิดบัง เพียงแต่ขยับตัวเร็วขึ้น และแรงขึ้น เพราะเธอรู้ว่า…เธอไม่จำเป็ต้องปิดบังมันอีกต่อไปแล้ว นี่คือตัวตน ที่อยากให้คนอื่นได้ชื่นชม รวมถึงพวกเขาในโลกเล็กๆ ใต้แสงแดด ที่ไม่ต้องขออนุญาตใครด้วย
เวลาผ่านไปนานหลายนาที จนในที่สุดชายคนนั้นก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรอยู่ตรงนั้น เขาค้อมหัวลงเล็กน้อย แล้วถอยหลังเงียบๆ ออกไปจากรั้วไม้ ปล่อยกล่องพัสดุทิ้งไว้ตรงพื้น
มารตียังคง ขยับตัวต่อไป ก่อนจะหยุดนิ่ง พลางหลับตา แล้วเอนศีรษะพิงแผ่นอกของจิรภาที่แนบอยู่ข้างหลัง
“มีอะไรหรือเปล่า?” จิรภากระซิบถาม เมื่อเห็นอาการของมารตี
เธอยิ้ม “ไม่มีอะไรเลยค่ะ…” …แค่เธอปล่อยให้ใครบางคนได้เห็น ความสุขที่ไม่มีคำอธิบาย จนจบ
ค่ำคืน...ท้องฟ้าโปร่ง ดาวนับพันกระพริบระยิบระยับอยู่เหนือศีรษะ ขณะที่แสงไฟนวลจากร้านเล็กท้ายซอยตกกระทบแก้วเครื่องดื่มบนโต๊ะไม้ ที่พวกเขานั่งล้อมวงกันอยู่...
สี่คนที่แปลกประหลาดในสายตาใครหลายคน แต่เป็คนธรรมดาในจักรวาลเล็กๆ ของกันและกัน จิรภารินเบียร์ใส่แก้วเธอ ดวงตาคมดูกึ่งขี้เล่นกึ่งเร่าร้อน วรเมธยกแก้วชนกับปพนต์ ก่อนจะหันมาจับมือเธอไว้ใต้โต๊ะ เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นสลับกับเพลงแจ๊ซจากลำโพงเก่าๆ แก้วแล้วแก้วเล่า รอยยิ้มและรอยจูบที่ลอบส่งให้กันใต้แสงไฟ เริ่มเร่าร้อนขึ้น
“ไปต่อกันไหมคะ?” จนในที่สุด มารตีก็เป็ฝ่ายถามขึ้น เสียงเธอสั่นพร่าเล็กน้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่เจตนาในประโยคนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่า้าอะไร ไม่มีใครถามต่อว่ามารตีหมายถึงอะไร ไม่มีแม้แต่การตกลงเป็คำพูด
รถยนต์ถูกขับลัดเลาะออกจากชุมชนหมู่บ้าน ผ่านเนินเขาเล็กๆ แล้วจอดนิ่งอยู่ตรงที่โล่งใกล้ทะเลสาบเล็กๆ แค่เปิดประตูรถลงไป ก็ได้ยินเสียงน้ำกระทบฝั่งและเสียงจิ้งหรีดร้องระงม พื้นหญ้าเย็นใต้ฝ่าเท้า ลมพัดกลิ่นต้นไม้ปนกลิ่นน้ำเข้าจมูก ทำเอาสดชื่นจนแทบเมาไปอีกแบบ
มารตีคือคนแรกที่ถอดเสื้อผ้าออก โยนทิ้งกระจัดกระจายไปตลอดทางที่เดินลงไป จนเหลือเพียงร่างกายขาวโพลน สะท้อนแสงดาว ก่อนจะเดินช้าๆ ออกไปยืนกลางลานหญ้าใต้ท้องฟ้า แหงนหน้ารับแสงดาว ราวกับจะเชิญชวนให้ดาวทุกดวงลงมาััร่างกายที่งดงามเปล่งปลั่งของเธอ
จิรภาเดินตามมา มือเธอแตะแผ่นหลังมารตีเบาๆ ก่อนจะไล้ลงช้าๆ ไปตามแนวสันหลัง พลางจุมพิตนุ่มนวลที่ท้ายทอย ในขณะที่วรเมธเข้ามาด้านหน้า ประกบจูบเธออย่างแแ่ พลางรุกล้ำเข้าไปในตัวเธอโดยไม่ต้องรอการอนุญาตใดๆ ร่างทั้งสามแนบกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ลมหายใจร้อนสลับกันระหว่างจังหวะของหัวใจ
...แต่ทันใดนั้น มารตีก็รู้สึกถึงแรงมือของใครอีกคน ปพนต์เข้ามาโอบตัวเธอจากด้านข้าง ก่อนจะดึงตัวเธอนอนราบกับพื้นหญ้า มารตีหันกลับไปมองวรเมธอย่างแสนเสียดายรสััที่กำลังเพลิดเพลิน แต่ก็ไม่แข็งขืนแรงดึงของปพนต์ ััของหญ้าชื้นเย็นกระทบแผ่นหลังเปลือยไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกระคายผิว หรือ หนาวเย็น แต่กลับทำให้ผิวกายมารตีร้อนจัดขึ้นไปอีก
“เราจะสลับกันดีไหม?” จิรภาถามเสียงพร่า ขณะที่เธอโน้มตัวลงมาใกล้มารตี
ไม่มีใครตอบด้วยคำพูด มีแค่การเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนตำแหน่ง...เปลี่ยนร่างกาย...แต่ไม่เปลี่ยนความรู้สึก วรเมธขยับตามมาทาบทับไปบนร่างมารตี ที่กำลังนอนรอราวกับ้าต่อรสััที่ค้างคาอยู่ให้ถึงที่สุด
จิรภาขยับไปนั่งคร่อมบนกึ่งกลางร่างปพนต์...จากนั้น สลับ มารตีนั่งคร่อมบนกลางลำตัวปพนต์...จิรภานั่งคร่อมบนกึ่งกลางร่างวรเมธ...สองสาวขยับร่างขึ้นลงไปมา ราวกับกำลังแข่งขันกันว่าใครจะไปถึงเส้นชัยก่อนกัน
แต่ในห้วงเวลานั้น พวกเขาไม่ได้เป็แค่คู่ พวกเขากลายเป็เส้นสายแห่งพลังงานที่ไหลไปมาระหว่างกัน บางครั้งมารตีก็อยู่้า ควบคุมทุกจังหวะ บางครั้งมารตีก็ถูกโอบแน่นแนบชิดท่อนล่างจากด้านหลัง ขณะที่อีกคนลูบไล้เนินเนื้อเธอจากด้านหน้า บางครั้งพวกเขาประสานกันเป็วงกลมในความมืดมิด ไม่มีขอบ ไม่มีปลาย ไม่มีคำว่า "ผิด"
เสียงหอบหายใจ ความสั่นไหวของผิวัั เสียงเนื้อกระทบเนื้อ กลายเป็ความเร่าร้อนที่ผสมกันอย่างลงตัว ท้องฟ้ายังคงอยู่ ดาวยังคงส่องแสง และพวกเขาก็ยังไม่แม้แต่จะหยุดเคลื่อนไหวร่างกาย แต่กลับเคลื่อนเร็วขึ้น และแรงขึ้น
จนกระทั่งทุกคนทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อความเร่าร้อนถูกปลดปล่อย ร่างเปลือยเปล่าทอดตัวเรียงรายอยู่บนพื้นหญ้า เหมือนภาพเขียนยุคโบราณ มารตีนอนอยู่ตรงกลาง จิรภาหนุนแขนขวา แขนซ้ายกอดวรเมธ ส่วนปพนต์นอนแนบข้างขา สอดมือมากุมเนินเนื้อกลางตัวเธอไว้แน่น ราวกลับกลัวว่าส่วนสำคัญนั้นจะหายไป
พวกเขาหัวเราะกันเบาๆ ในความเงียบ ไม่มีบทสนทนาใดจำเป็อีก มีแค่ลมหายใจที่สอดประสาน
...และความสุขที่ไม่ต้องซ่อนจากใคร
รถเอสยูวีสีดำเงาวับเลี้ยวเข้าไปในซุ้มไม้ไผ่ที่ทอดตัวเป็ทางเข้าสู่รีสอร์ตส่วนตัวขนาดเล็กริมูเา ความเขียวของต้นไม้ตัดกับท้องฟ้าสีครามสดใส เหมือนวาดไว้ด้วยพู่กันชุ่มน้ำ มารตีสูดลมเข้าปอดเบาๆ อย่างพอใจ หันไปมองปพนต์ที่กำลังยิ้มบางๆ พลางหยิบกุญแจห้องพักจากพนักงานต้อนรับสาวที่มีรอยสักเส้นบางประดับต้นแขน
“ที่นี่เงียบดีเนอะ” ภรรยาสาวแสนสวยหันมาพูดกับเขาเบาๆ
ปพนต์ยักคิ้ว “แค่เงียบตอนกลางวันเท่านั้นแหละจ๊ะ…กลางคืนอาจไม่แน่”
เธอยิ้มน้อยๆ รับคำแซวเพราะรู้ดีว่าพวกเขามาที่นี่ทำไม รีสอร์ตแห่งนี้ไม่ใช่ที่พักธรรมดา แต่มันคือ์ของคนเปิดใจ สถานที่ที่คู่รัก คู่แต่งงาน หรือแม้แต่คนแปลกหน้า มาพบกันเพื่อแบ่งปันสิ่งที่มากกว่าคำว่า "เวลา"
หลังจากพวกเขาจัดของเสร็จ ก็ลงไปยังโถงกลางของรีสอร์ต โถงที่เปิดโล่ง มีทั้งบาร์เล็กๆ โซฟานุ่ม และมุมกระจกใสที่มองเห็นสระน้ำแบบไร้ขอบ เสียงหัวเราะ กลิ่นไวน์ และกลิ่นบุหรี่จางๆ ลอยคลุ้งในอากาศ
ที่มุมหนึ่งของห้อง มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่ ชายหนุ่มผิวเข้ม เสียงทุ้มดูสุขุมในเสื้อเชิ้ตลินินปลดกระดุมบนสองเม็ด และหญิงสาวร่างบาง ท่าทางมั่นใจ ดวงตาคมที่มองมาราวกับอ่านใจคนได้
“ภาวิช” เขาแนะนำตัว พร้อมจับมือกับปพนต์
“สุจิตรา เรียกจิตก็ได้ค่ะ” เธอเอียงหน้ามายิ้มให้มารตี มือบางแตะไหล่เบาๆ อย่างไม่้าคำอธิบายใด
บทสนทนาเริ่มขึ้นจากเื่ทั่วไป การเดินทาง อาหาร และเครื่องดื่ม ก่อนจะไหลลื่นไปสู่คำถามที่เปิดกว้างขึ้น เส้นแบ่งระหว่างความสุภาพกับความเย้ายวน เริ่มพร่าเลือนไปทีละนิด ไวน์ถูกเติมหลายรอบ เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่สุจิตราเหลือบตามองไปทางปพนต์บ่อยครั้งขึ้น...
ส่วนภาวิชเองก็มองสาวสวยที่งามโดดเด่นในชุดเดรสสายเดี่ยวสีเนื้อบางเบาตาเป็ประกาย ก่อนจะสังเกตเห็นอาการของภรรยาตัวเองที่สนใจปพนต์อย่างออกนอกหน้า แล้วจึงหันไปมองปพนต์อย่างตัดสินใจเด็ดขาด...ในที่สุดภาวิชก็พูดกับปพนต์ขึ้นเบาๆ “คืนนี้…อยากลองสลับคู่กันดูไหมครับ?”