“พี่เหยียน ท่านเคยช่วยชีวิตข้าแล้ว เพียงเท่านี้ฉินเซียนก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว” ขณะที่เขาพูดนั้น พลังระลอกหนึ่งพุ่งเข้ามา ฝ่ามือประทับลงด้านหลังฉินเซียนอย่างรวดเร็ว
ท่านลั่วหัวเราะเสียงดัง “เ้าหนุ่ม พวกเ้าไปเถอะ เ้าหมอนี่ตาย ถือว่าความแค้นของเราจบกัน”
ฉินเซียนร่างลอยออกไปหลายเมตร พรวด… เขากระอักเื หลงเหยียนรวบรวมพลังปราณ แล้วมองท่านลั่วด้วยความโกรธ
“เ้ามันคนต่ำช้า! ตำแหน่งเ้าเมืองแห่งเนินดารานั้นไม่เหมาะกับเ้าเลยสักนิด” น้ำเสียงของหลงเหยียนทำให้ความเกลียดของท่านลั่วเพิ่มยิ่งขึ้น
หลงเหยียนรีบพุ่งเข้าไปตรงหน้าฉินเซียน ตรวจอาการาเ็ของเขา ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างก็เคยชิน ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
ลั่วเฉิงรีบมาข้างกายท่านลั่วแล้วเอ่ยถามเสียงเบา “ลุงสอง เหตุใดไม่ฆ่าไอ้ฉินเซียนนั่นเลยเล่า?”
“หากฆ่ามันตายเลย เราก็จะตรวจฝีมือเ้าหมอนั่นไม่ได้น่ะสิ เฉิงเอ๋อ เ้ารีบออกเดินทางเถิด รีบเข้าเมืองหยุนจงก่อนเ้าหมอนั่น บอกข่าวให้พี่ชายเ้าในตระกูลอู่ตี้รู้ มาดูกันว่าตระกูลอู่ตี้มีชายหนุ่มอย่างเขาอยู่จริงหรือไม่ หากไม่มี ข้าจะตามล่ามันเอง”
ท่านลั่วเดาได้แล้วว่าหลงเหยียนเป็คนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกยิ่งนัก คาดว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้คนตายต่อหน้าต่อตาแน่ หากเขาเป็คนของตระกูลอู่ตี้จริงๆ ข้างกายมีตัวถ่วง คงทำให้การเดินทางล่าช้าลงมาก ทว่าหากตระกูลอู่ตี้ไม่มีหลงเหยียนอยู่ เช่นนั้นเขาจะฆ่าหลงเหยียนแล้วชิงกระบี่สังหารัมา
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ที่นี่มีคนมากมาย ไม่สามารถสังหารหลงเหยียนตรงนี้ได้ ไม่เช่นนั้น หากเขามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลอู่ตี้จริงๆ แล้วมีคนเอาเื่นี้ไปบอก อีกหน่อยตระกูลลั่วต้องมีปัญหาแน่
ลั่วเฉิงพยักหน้า ขึ้นหลังม้าสีดำที่สง่างาม ด้านหลังมีผู้ติดตามสองคน จากนั้นพวกเขาก็หายไปจากสายตาทุกคน
ต่อมา ท่านลั่วก็มองไปทางหลงเหยียน สบถด้วยเสียงเยือกเย็น พาขบวนรถม้าจากไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพากันส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ มองฉินเซียนที่ใกล้สิ้นลม
หนานกงฉู่และพี่น้องรีบเข้าหาหลงเหยียนทันที ภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้าล้วนตราตรึงในความทรงจำของพวกเขาสี่พี่น้องไม่ลืมเลือน
หนานกงฉู่นับถือหัวใจของหลงเหยียน “สหายหลงเหยียน ข้าดูไม่ออกจริงๆ ว่าเ้าเกี่ยวข้องกับตระกูลอู่ตี้ด้วย เช่นนั้นข้าคงต้องเกาะแข้งขาเ้าแล้วละ”
“พี่ฉู่ หากมีวาสนาต่อกัน ไว้เราเจอกันที่เมืองหยุนจง เวลายังอีกยาวไกล”
เขาไม่มีเวลาแล้ว หลงเหยียนพยักหน้าเป็การทักทายหนานกงฉู่กับพี่น้องของเขาก่อนจะขอตัวลา เพราะฉินเซียนาเ็หนัก เขาไม่อยากชักช้าแม้เพียงนาทีเดียว
ในเมื่อตัดสินใจช่วยคน มีที่ไหนจะทิ้งเขากลางทาง หลงเหยียนแบกฉินเซียนแล้วรีบออกเดินทาง หนานกงฉู่และพี่น้องมองหลงเหยียนจากไป
“เขาเป็บุรุษที่ไม่เลวเลย จิตใจเมตตา ช่วยเหลือสหายฉินเซียนมากเพียงนี้…”
…
“พี่ พี่เหยียน ขอร้องท่าน รีบปล่อยข้าลงไปเถิด ข้าทนไม่ไหวแล้ว คิดว่าไม่นานก็คงตามท่านพ่อท่านแม่และน้องสาวไปแล้ว”
“หุบปากซะ พูดอะไรของเ้า”
หลงเหยียนหมดหนทาง เขานำสมุนไพรวิเศษที่น้องหยุนฉีหามาอย่างยากลำบากให้ฉินเซียนหลอม
“นี่ นี่มันหญ้าวิเศษระดับเก้าหรือ?” ฉินเซียนไอออกมาเป็เื มองหลงเหยียนด้วยความตื้นตัน
“พี่เหยียน พี่เหยียน มันมีค่ามากเกินไป ข้าไม่อาจ… แคกๆ …” ก่อนจะกระอักเืออกมาอีกครั้ง
หลงเหยียนไม่ชักช้า รีบง้างปากเขา จากนั้นก็ใช้พลังปราณเป็ตัวนำพา ส่งหญ้าวิเศษเข้าไปในปากเขา ก่อนจะหลอมละลายในร่างกาย
ทันใดนั้น หญ้าวิเศษที่ถูกหลอมนั้นให้ความรู้สึกว่าฉินเซียนตัวอุ่นขึ้น แต่ถึงกระนั้น ฉินเซียนก็ยังไอไม่หาย
เขากระอักเืไม่หยุด ดูท่าทางแล้ว หญ้าวิเศษของหลงเหยียนไม่มีผลเลยสักนิด ทำให้เขาเริ่มร้อนรน!
“ฉินเซียน นี่มันเื่อะไรกัน?” จากนั้นเขาก็ฉีกเสื้อที่หลังของฉินเซียนออก แผ่นหลังเขาถูกประทับด้วยรอยนิ้วมือทั้งห้า ครั้งนี้หลงเหยียนควบคุมความโมโหไม่ได้จริงๆ
“เ้าเมืองแห่งเนินดาราต่ำช้าที่สุด หากวันใดที่ข้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าต้องแก้แค้นแทนเ้าแน่”
ฉินเซียนตื้นตันจนน้ำตาไหล เขาเจอหลงเหยียนแค่สองวันเท่านั้น ทว่าหลงเหยียนกลับดีต่อเขามากเช่นนี้ เขาไม่เข้าใจจริงๆ
“พี่ พี่เหยียน ท่านเ้าเมืองทำร้ายข้าด้วยวิชาเก้าิญญา เกรงว่าคงไม่มีหญ้าวิเศษหรือสมุนไพรอะไรรักษาข้าได้ หากมีชาติหน้า ข้าฉินเซียนขอเกิดมารับใช้ท่าน!”
“พูดอะไรของเ้า วางใจเถอะ ต่อให้ลำบากเพียงใด ข้าก็จะหาสมุนไพรมารักษาเ้าให้ได้ เพราะเ้าคล้ายข้ามากเกินไป สหายฉินเซียน ตอนนั้นที่ตระกูลข้า…”
ไม่รู้ว่าเหตุใดหลงเหยียนถึงได้เล่าเื่ของตัวเอง เมื่อพูดถึงเื่ะเืใจ ทั้งสองก็น้ำตาไหล สิ่งเดียวที่หลงเหยียนโชคดีมากกว่าเขาก็คือได้ความช่วยเหลือจากฟ้า เจอิญญาั ทำให้แข็งแกร่งขึ้น ได้รับความสำคัญจากคนรอบตัว
เมื่อก่อนหลงเหยียนใฝ่ฝันอยากมีชีวิตที่ปกติมากเพียงใด
ร่างกายฉินเซียนอ่อนแอลงเรื่อยๆ หลงเหยียนเดินออกจากเนินดารา เขาเดินไปจนถึงใต้หุบเขาแห่งหนึ่งที่นี่มีกลิ่นอายของหญ้าวิเศษ เมื่อได้กลิ่นก็ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
“สหายฉินเซียน วางใจเถอะ ข้าต้องหายาถอนพิษมาขับพิษฝ่ามือบนตัวเ้าให้ได้”
เมื่อฉินเซียนเห็นว่าหลงเหยียนแน่วแน่มาก เขาก็น้ำตาร่วงไม่หยุดแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “พี่เหยียน หากท่านยืนยันจะทำเช่นนี้ต่อไป พวกเราลองไปหุบเขาผีเสื้อดูไหม ที่นั่นมีคนชราอาศัยอยู่ เล่ากันว่าวิชาการแพทย์ของเขาเหนือชั้น เคยเป็นักหลอมยา ต่อมาก็ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา!”
“บัดซบ เหตุใดไม่บอกเร็วหน่อย?” หลงเหยียนมองไปตามทิศทางที่เขาชี้ จากนั้นก็รีบพุ่งไปทางหุบเขาผีเสื้อ ทิ้งไว้เพียงรอยฝุ่นที่คลุ้งขึ้นมา
วิชาเก้าิญญาเป็การต่อสู้ที่ชั่วร้าย มันฝากพิษให้กับฝ่ายตรงข้าม ถึงแม้เป็วิชาระดับมายา ทว่าน้อยคนนักที่จะฝึกวิชานี้ และนี่ก็คือการต่อสู้ที่ลั่วเฉิงมักใช้ลงโทษผู้อื่น เวลานี้ฉินเซียนกลับรู้สึกหนาวเหน็บมากกว่าเดิม เพราะเขารู้ดีว่าคนชราที่อยู่ในหุบเขาผีเสื้อเป็คนแบบใด ปกติเขาไม่ช่วยใครรักษาง่ายๆ หรอก
ผ่านการบอกเล่าของฉินเซียนทำให้หลงเหยียนรู้มาว่านักหลอมยาแบ่งออกเป็เก้าขั้น ขั้นที่สูงสุดสามารถหลอมยาบำรุงธรรมดาให้กลายเป็ยาวิเศษ นี่ก็คือความน่ากลัวของนักหลอมยา ผลลัพธ์จากยาที่หลอมนั้นดียิ่งกว่าการใช้พลังปราณหลอมหลายเท่า
ที่สำคัญคือการปรุงยาระหว่างหลอม มันเป็วิธีการสืบทอดที่ลึกลับ ในเมืองหยุนจง แคว้นหลงอู่ หรือแม้กระทั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่กว้างใหญ่ ผู้ฝึกยุทธ์หรือผู้มีพร์สูงต่างก็อิจฉาวิชาการหลอมยา เพราะตำแหน่งของพวกเขาสูงส่งมาก ส่วนใหญ่แล้วมักปรากฏตัวในเมืองหลวงเท่านั้น หากรู้จักหรือสนิทกับนักหลอมยา เกรงว่าคงมีคนมากมายที่อิจฉา
ทว่าเพราะผู้ที่สืบทอดวิชาการหลอมยาล้วนรักความสันโดษ หรือไม่ก็เป็คนที่มีนิสัยทะนงตน ส่วนใหญ่มักไม่ช่วยเหลือผู้ใดง่ายๆ ฉินเซียนรู้ข้อนี้ดีถึงได้ไม่พูดออกมา
แน่นอนว่านักหลอมยาต้องมีพร์ที่เหนือชั้นอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นมีธาตุไฟในตัวหรือสามารถควบคุมและบรรลุที่เหนืุ์ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาต้องมีิญญายุทธ์และพลังิญญาที่แข็งแกร่งมาก สามารถควบคุมเปลวไฟ ซึ่งนั่นก็เป็ปัจจัยหลักในการหลอมสมุนไพร
--------------------