ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
วันรุ่งขึ้น ฟ้าเพิ่งจะเริ่มสาง ค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวเขตปกครองเทพาบังเกิดเสียงแหวกอากาศของค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ดังลอยมาเป็พักๆ จากนั้นกลุ่มคนจำนวนมากราวกับโผล่ออกมาจากกลางอากาศฉันนั้น ค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาภายในค่ายกลเคลื่อนย้าย ค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่หลายสิบแห่งเปล่งประกายแสงลานตาอยู่ไม่ขาด
พื้นที่ราบด้านหน้าค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวกองกำลังทหารแต่ละหน่วยเดินออกมาจากภายในค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นต่างยืนเข้าแถวเรียงรายกันอยู่บนพื้นที่ราบนั้นอย่างเป็ระเบียบ
ทหารระดับต่ำเหล่านี้เมื่อหนึ่งปีก่อนถูกคัดเลือกออกมาจากเมืองทุกเมืองภายในเขตปกครองเทพา จากนั้นถูกส่งมาฝึกฝนที่เมืองัอีกหนึ่งปีแล้วขึ้นมาฝึกฝนต่อบนเกาะเทพาอีกหนึ่งปี จนวันนี้ถูกส่งขึ้นมาบนเกาะแห่งความมืดมิดเพื่อเข้าร่วมสู้ศึกใหญ่ตัดสินสุดท้าย
“ไม่เสียแรงที่ทำการฝึกฝนมาเป็เวลาสองปี ดูท่าทางองอาจผึ่งผายทรงพลังน่าเกรงขาม ก้าวย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว ไม่รู้ว่าพลังสู้รบที่แท้จริงจะเป็เช่นไร?” เฟิงจื่อยืนอยู่้าค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวมองดูกองทหารหลายหมื่นที่อยู่พื้นที่ราบเบื้องล่าง พยักหน้าออกมาหันไปพูดกับเย่ชิงหาน
มองดูกองทหารมากมายที่ยืนอยู่ด้านล่างพร้อมด้วยเกราะอาวุธครบมือ เย่ชิงหานรู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งดุดันที่แผ่กระจายออกมาจากกองทัพทหารนับหมื่น เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น “กองทัพที่ท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองฝึกฝนออกมาน่าจะไม่เลวอยู่แล้ว ในปีนั้นองครักษ์เหล็กร้อยแปดหรือตอนนี้ก็คือองรักษ์เหล็กแห่งเมืองั ล้วนเคยออกสู้รบตะลุยกวาดล้างกับเขามาตลอด ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว!”
“อืม กองทัพที่ท่านหลงฝึกฝนออกมาจะต้องไม่เลวอย่างแน่นอน ไปพวกเราลงไปดูกันเถอะ!” ฮวาเฉ่าที่อยู่ข้างๆ พูดรับคำต่อ มองเห็นหลงไซ้หนานที่หันมาพยักหน้าให้กับพวกเขาจึงรีบชวนเฟิงจื่อและเย่ชิงหานให้ติดตามลงไป
ทั้งสามเดินตามลงไปพร้อมกับเหล่าผู้นำกองกำลังนักรบระดับหัวกะทิทั้งหลายเพื่อไปต้อนรับกองทัพทหารของเขตปกครองเทพา
ผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดค่ายกลเคลื่อนย้ายก็หยุดการเปล่งประกายแสง ค่ายกลเคลื่อนย้ายยี่สิบกว่าอันเคลื่อนย้ายทหารทั้งหมดเก้าหมื่นคนขึ้นมาบนเกาะแห่งความมืดมิด
คนจำนวนเก้าหมื่นคนกินพื้นที่ที่ราบด้านหน้าค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวไปครึ่งหนึ่ง คนจำนวนมากดูราวกับก้อนเมฆดำแผ่นใหญ่ที่บดบังท้องฟ้าเอาไว้ เก้าหมื่นคนถูกแบ่งออกจากกันเป็หลายกอง ทั้งหมดสีหน้าเคร่งขรึม ภายใต้แสงแดดในยามเช้าที่สาดส่อง ดาบพิชิตอาชาเล่มยาวพร้อมทั้งหมวกเหล็กและเสื้อเกราะสีดำสะท้อนแสงแสบตาออกมาให้เห็น
ทั้งเก้าหมื่นคนยืนตรงอยู่อย่างเงียบสงบ สายตาต่างมองดูเหล่าผู้นำกองกำลังนักรบระดับหัวกะทิที่กำลังเดินลงมาเป็จุดเดียว ทำเอาพวกเขาเ่าั้รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกอสูรร้ายตัวใหญ่ั์จับจ้องด้วยสายตาที่เย็นะเื รู้สึกได้ถึงพลังกดดันที่ถาโถมเข้ามาเบื้องหน้า
แต่เหมือนกับว่าหลงไซ้เคยชินกับสภาพการณ์เช่นนี้ดี นางยิ้มออกมาจางๆ ชักกระบี่ัคำรามออกมาจากฝัก จากนั้นชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับร้องคำรามออกมา “เขตปกครองเทพาไร้เทียมทาน!”
“เขตปกครองเทพาไร้เทียมทาน!”
หลงไซ้หนานร้องออกมาครั้งหนึ่ง ทั้งเก้าหมื่นคนร้องรับคำตามขึ้นมาพร้อมกับชูดาบพิชิตอาชาในมือขึ้นร้องะโออกมาพร้อมกัน เสียงที่ร้องะโออกมาสั่นฟ้าะเืดินทำเอาทุกคนที่อยู่ด้านหลังของหลงไซ้หนานถูกพลังเสียงกระแทกจนร่างกายแข็งทื่อด้านชาไปตามๆ กัน
“คำนับผู้บัญชาการหลงและนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย!”
เสียงของโลหะกระทบกันดังขึ้นครั้งหนึ่ง ทหารทั้งเก้าหมื่นคนคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับก้มหัวลงคำนับร้องะโออกมาพร้อมกัน ทำเอาทุกคนตกตะลึงงันกันไปอีกครั้ง
“นายทหารและเหล่าทหารหาญทั้งหลายลุกขึ้นได้ ลำบากพวกเ้าแล้ว หลังจากจบศึกในครั้งนี้จะมอบรางวัลให้พวกเ้าอย่างงามแน่นอน” หลงไซ้หนานแม้จะเป็ผู้หญิงแต่หลงผี่ฟูกลับเลี้ยงนางมาแบบผู้ชาย ความสามารถทุกด้านจึงไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายอกสามศอกเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงก้องกังวานลักษณะท่าทางองอาจผ่าเผย ทำเอาเหล่าบุรุษทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังเหงื่อไหลไปตามๆ กัน
หลงไซ้หนานเก็บกระบี่ัคำรามคืนฝัก ยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วค่อยๆ กดต่ำลงเรื่อยๆ จากนั้นพูดขึ้นต่อ “ครั้งนี้ข้าจะบอกข่าวที่น่ายินดีและทำให้จิตใจฮึกเหิมให้พวกเ้าฟัง...เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้พวกเราได้ทำการสู้รบกับกองกำลังของนักรบต่างเผ่าทั้งสองที่บริเวณยอดเขาขาด สังหารนักรบระดับหัวกะทิของพวกมันตายไปหลายพัน และยังได้สังหารบุตรชายเพียงคนเดียวของหนึ่งในสองปีศาจศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าปีศาจเยาขาข่าตายในพริบตาท่ามกลางกองกำลังนับหมื่นพันของพวกมัน ตอนนี้ทั้งสองเผ่าเมื่อเผชิญหน้ากับพวกเรามีแต่ต้องอ่อนข้อให้ไม่กล้าที่จะเป็ศัตรูด้วยแม้แต่น้อย...และผู้ที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ก็คือวีรบุรุษผู้หนึ่งของพวกเรา... นายน้อยแห่งตระกูลเย่ เย่ชิงหาน! ทุกคนจงเปล่งเสียงร้องแสดงความสดุดีแก่เขากันเถอะ!”
“หมื่นปี หมื่นๆ ปี เย่ชิงหานอายุยืนหมื่นๆ ปี ตระกูลเย่ดำรงอยู่ต่อไปหมื่นๆ ปี!”
“เย่ชิงหานไร้เทียมทาน เย่ชิงหานไร้เทียมทาน!”
“เขตปกครองเทพาไร้เทียมทาน เย่ชิงหานไร้เทียมทาน!”
คำพูดของหลงไซ้หนานทำเอาทหารทั้งเก้าหมื่นคนนิ่งเงียบลงพร้อมกัน มีทั้งตกตะลึงและทั้งสงสัย แต่เมื่อพวกเขาเห็นหลงไซ้หนานพูดจบแล้วชี้มือไปทางเย่ชิงหาน ส่วนเหล่าผู้นำกองกำลังระดับหัวกะทิทุกคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็ล้วนชี้มือไปที่เย่ชิงหานด้วยเช่นกัน พวกทหารทั้งเก้าหมื่นเห็นดังนั้นจึงไม่ได้สงสัยและคาดเดาใดๆ อีกต่อไป ต่างล้วนพร้อมใจกันร้องะโออกมาด้วยเสียงที่สั่นะเืเลื่อนลั่นไปทั้งแผ่นฟ้าและผืนปฐี
แม้ทหารทั้งเก้าหมื่นคนมาจากตระกูลและเมืองที่แตกต่างกัน แต่เหล่านายน้อยและคุณหนูของตระกูลรวมไปถึงผู้นำที่เป็นายของเมืองตนเองล้วนอยู่้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งหมดต่างพร้อมใจกันชี้นิ้วไปที่เย่ชิงหานด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมจริงจัง ถึงแม้พวกเขาทั้งหมดจะยังตกตะลึงและสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเชื่อความจริงที่ทำให้จิตใจรู้สึกฮึกเหิมและน่าตกตะลึงนี้
แม้ทุกคนจะมาจากหลายที่แตกต่างกัน แต่พวกเขารู้ดีว่าบนหลังของตนเองนั้นแบกรับชื่อเสียงเกียรติของตระกูลตนเองเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาจำเป็ต้องสู้และต้องสู้ให้ชนะ
ผ่านการฝึกฝนที่เมืองัและที่เกาะเทพาร่วมสองปี พวกเขาล้วนเตรียมตัวเตรียมใจเสียสละตนเองเพื่อสร้างชื่อเสียงให้เขตปกครองเทพา สร้างชัยชนะขึ้นมาให้เขตปกครองเทพาแม้ต้องเสียสละชีวิตของตนเองก็ตาม
แต่เมื่อเพิ่งเข้ามาถึงเกาะแห่งความมืดมิดก็ได้รับรู้ข่าวใหญ่น่ายินดียิ่งเช่นนี้ ราวกับว่าเขตปกครองเทพากุมชัยชนะไว้ในมือก่อนแล้ว พวกเขาไม่ต้องตายแล้ว ภารกิจของพวกเขาเกือบจะสำเร็จลุล่วงโดยที่ตนเองไม่ต้องเสียสละเืเนื้อเลย...เช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเขาดีใจได้อย่างไร? จะไม่ทำให้พวกเขามีความสุขได้อย่างไร? จะไม่ทำให้พวกเขาร้องก้องออกมาอย่างบ้าคลั่งได้อย่างไร?
“เอ่ออ...” มองเห็นสายตาที่เร่าร้อนของทหารทั้งเก้าหมื่นคนที่มองมายังตนเอง เย่ชิงหานถูจมูกเบาๆ อย่างรู้สึกไม่เคยชิน สายตาที่มองไปยังหลงไซ้หนานอย่างตำหนิที่ไม่ถามความสมัครใจของตนเองก่อนเล่นผลักดันกันออกมาเช่นนี้ มองดูสายตาทั้งเก้าหมื่นคู่ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา มองเห็นสายตาทุกคนที่อยู่ข้างๆ ที่มองมาอย่างสนุกสนาน เย่ชิงหานถอนหายใจออกมาอย่างจำใจ
“ไปพูดสักคำสองคำ มันเป็ชื่อเสียงเกียรติยศที่เ้าสมควรจะได้รับ วีรบุรุษของพวกเรา!” หลงไซ้หนานเหมือนกับว่าไม่ได้สนใจต่อสายตาตำหนิของเย่ชิงหาน พูดออกมาด้วยเสียงแ่ต่ำระคนเสียงหัวเราะ
“ฮึ!” เย่ชิงหานกระแทกเสียงต่ำออกมาครั้งหนึ่งเดินออกไปด้านหน้าอย่างจำใจ ทำท่าทางเลียนแบบหลงไซ้หนานยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วค่อยๆ กดต่ำลงมาเรื่อยๆ มองดูทหารทั้งเก้าหมื่นคนเงียบเสียงลงด้วยการส่งสัญญาณมืออย่างเรียบง่าย ภายในใจมีความรู้สึกแตกต่างบางอย่างขึ้น จากนั้นกระแอมออกมาเบาๆ แล้วพูดขึ้น
“สวัสดีสหายทุกท่าน ลำบากสหายทุกท่านแล้ว...”
“หืม?” ทุกคนที่อยู่ข้างหลังและทหารทั้งเก้าหมื่นคนที่อยู่ด้านหน้าต่างยืนงงทำสีหน้าโง่ๆ กันออกมาให้เห็น แล้วคำว่า “สหาย” นี้มันหมายความว่าอย่างไร?
“เอ่ออ...” มองดูทุกคนที่อยู่เบื้องหน้าที่ไม่ได้ตอบกลับมาว่า “สวัสดีท่านผู้นำ!” แต่กลับยืนงงด้วยกันทั้งหมด เขาพลันเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที ใบหน้าไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ ออกมา รีบพูดขึ้นอีกครั้ง “ความหมายของข้าคือ สวัสดีนายทหารและทหารหาญทั้งหลาย ลำบากพวกเ้าแล้ว!”
“สวัสดีนายน้อยหาน ลำบากนายน้อยหานแล้ว!”
ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างเมื่อได้ยินชัดเจนต่างรีบร้องตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันภายในใจก็เริ่มรู้สึกดีต่อเย่ชิงหานขึ้นมาอีกมาก ต่างพากันคิดว่าสมกับเป็ยอดฝีมือผู้สูงส่งจริงๆ ไม่เพียงสยบทัพนับหมื่นได้ด้วยตัวคนเดียว แถมยังไม่ได้วางท่าทางใหญ่โตใดๆ กับพวกเขาอีก ในทางตรงกันข้ามกลับห่วงใยถึงความยากลำบากของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ
“อืม!” เย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับอย่างพอใจแล้วพูดขึ้นต่อ “ศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายจะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเ้าจงต่อสู้ให้ดีๆ หากสู้ได้ก็สังหารอย่าให้เหลือ หากสู้ไม่ไหวก็มาบอกข้า ข้าจะไปปลิดชีพพวกมันเอง...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้