ขณะที่เนี่ยหลีกำลังคุยอยู่กับเพื่อนในกลุ่ม สายตาก็พลันเหลือบไปยังทิศทางห่างออกไป บริเวณชั้นหนังสือแถวหนึ่ง เงาร่างงดงามกำลังถือหนังสือเล่มหนาก้มหน้าอ่าน เรือนผมสีม่วงราวกับม่านน้ำตก ปอยผมเล็กๆ มัดด้วยไหมม่วงระอยู่สองข้างหู ยิ่งเสริมให้ดูน่ารักขึ้น
แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องต้องซีกแก้มชวนมอง ยิ่งดูงดงามสะกดใจผู้คน
เนี่ยหลีมองจนใจเต้นระทึก ชั่วแวบเดียว ความทรงจำมากมายผุดขึ้นมาในใจ ในทะเลทรายไร้ที่สิ้นสุดแห่งนั้น ต่างหลบหนีจากสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนในทะเลทรายไปด้วยกัน ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เฉียดตาย เนี่ยหลีสามารถช่วยผู้คนให้รอดชีวิตได้นับครั้งไม่ถ้วนด้วยสัญชาตญาณอันฉับไวต่ออันตรายทั้งหลายของเขา และค่อยๆ เข้าใจกันและกันมากขึ้น
แม้ฝีมือยุทธ์ของเนี่ยหลีจะอ่อนด้อยกว่ามาก เทียบกับเยี่ยจื่ออวิ๋นก็ห่างกันราวฟ้ากับดิน แต่สองคนก็ยังเดินมากันได้ในที่สุด
คืนนั้น เนี่ยหลีััแผ่นหลังนุ่มลื่นของเยี่ยจื่ออวิ๋น ไม่อาจอดกลั้นความรักอันลึกซึ้งเร่าร้อนที่มีต่อนางได้อีก เยี่ยจื่ออวิ๋นใต้แสงจันท์ดูงามพร้อมราวกับรูปสลักเสลาของเทพธิดานางหนึ่ง ใบหน้าขวยเขินอ่อนไหว เรือนร่างโค้งเว้าได้รูป ท่อนแขนนุ่มลื่นงดงามราวหยก ทรวงอกอวบอิ่มชูชัน... ภาพฉากชวนคลั่งไคล้เ่าั้ประทับแน่นอยู่ในหัวใจของเนี่ยหลี
เนี่ยหลีเวลานั้นไม่เคยคิดฝันว่าสตรีงดงามดังเทพธิดาเช่นเยี่ยจื่ออวิ๋นจะชอบเขา
ต่อมา เพื่อปกป้องเขาและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เยี่ยจื่ออวิ๋นจึงตายในระหว่างที่พวกเขาหลบหนี เห็นภาพฉากนั้น หัวใจของเนี่ยหลีรู้สึกราวกับถูกมีดกรีด ความเ็ปเจียนจะขาดใจเช่นนั้นยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำ หากมิใช่เพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของเยี่ยจื่ออวิ๋นที่้าปกป้องคนในครอบครัวของนางให้ปลอดภัย เนี่ยหลีในเวลานั้นคงขอตายตามนางไปแล้ว
“หากมิใช่เพราะบันทึกจิตอสูรแห่งกาลเวลา ข้าคงไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ ไม่อาจพบนางได้อีกครั้งอย่างแน่นอน!
เนี่ยหลีสูดลมหายใจลึก สงบความรู้สึกตื่นเต้นในใจลง เขามักมองหาโอกาสที่จะได้เข้าใกล้เยี่ยจื่ออวิ๋น แต่ก็ไม่อยากรบกวนนาง อย่างไรก็ตาม สัญญาหมั้นหมายระหว่างนางและเสิ่นเยวี่ยยังไม่ถูกกำหนด เวลานี้เนี่ยหลีจึงต้องรีบพัฒนาพลังของตน
มีแต่พลังเท่านั้น เขาจึงจะสามารถขัดขวางตระกูลเสินเซิ่งได้ จึงสามารถชิงเยี่ยจื่ออวิ๋นมาจากมือของเสิ่นเยวี่ยได้
“พวกเ้าขึ้นไปก่อน ข้ายังมีเื่ต้องทำ!” เนี่ยหลีหันไปมองตู้เจ๋อ ลู่เพียว และเพื่อนอีกสามคนขณะพูด
ตู้เจ๋อกับลู่เพียวมองตามสายตาของเนี่ยหลีซึ่งทอดไกลออกไป แม่นางน้อยผู้งดงามซึ่งกำลังถือหนังสือโบราณและก้มหน้าอ่านอยู่เงียบๆ ราวกับนางฟ้ายามพลบค่ำ ช่างงดงามหมดจดนัก นางดูบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ในชุดผ้าไหมสีขาว กิริยางดงาม เอนกายพิงชั้นหนังสือ ท่วงท่าสง่างามมีเมตตา สงบเสงี่ยมภูมิฐาน ราวกับบัวดอกหนึ่งที่กำลังชูก้านพ้นน้ำ ดูศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งจนผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ พวกเขารู้ทันทีว่าเนี่ยหลีกำลังคิดจะทำสิ่งใด
ของสวยของงาม ทุกคนย่อมต้องชื่นชอบ ทว่าต่อหน้าเยี่ยจื่ออวิ๋น พวกเขาต่ำต้อยกว่านัก แม้แต่ความกล้าที่จะเข้าไปพูดคุยด้วยก็ยังไม่มี
เนี่ยหลีเดินตรงเข้าไปหาเยี่ยจื่ออวิ๋น
“ข้าพนันว่าเนี่ยหลีจะต้องถูกไล่ตะเพิดกลับมาภายในเวลาหนึ่งเค่อ* บุปผางามที่สุดในชั้นจะต้องไม่สนใจมันอย่างแน่นอน!” ลู่เพียวยิ้มแย้มเชื่อมั่นในคำพูด
“หวังว่าเนี่ยหลีจะไม่โดนตบแรงเกินไปนัก” ตู้เจ๋อพึมพำอยู่ข้างๆ
พวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง มีความรู้สึกชั่วร้ายนิดๆ ผสมความสนใจว่าเนี่ยหลีจะถูกบุปผางามตบจนจมูกบวมหรือไม่ บุปผางามมิใช่จะเข้าใกล้ได้ง่ายๆ กระทั่งเสิ่นเยวี่ยอยากใกล้ชิดกับเยี่ยจื่ออวิ๋นก็ยังล้มเหลวไม่รู้กี่ครั้ง
เยี่ยจื่ออวิ๋นกำลังยืนอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่ใต้แสงยามพลบค่ำ ภาพฉากอันงดงามเช่นนี้ทำให้เนี่ยหลีไม่อยากทำลายเอาเสียเลย
เนี่ยหลีต้องแปลกใจเมื่อพบว่าหนังสือที่เยี่ยจื่ออวิ๋นกำลังพลิกอ่าน ที่แท้คือหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์
เยี่ยจื่ออวิ๋นทางหนึ่งพลิกหน้ากระดาษ ทางหนึ่งก็ขมวดคิ้วมุ่น นางค่อนข้างชอบที่จะเป็ที่หนึ่ง ทั้งขยันหมั่นเพียรยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็พร์ การฝึกยุทธ์ หรือกระทั่งความรู้ ทั้งหมดล้วนห่างชั้นกว่าคนทั่วไป ในใจของนางยังมีความภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อย ทว่านางกลับพบว่าช่องว่างระหว่างตนกับเนี่ยหลีนั้นช่างกว้างนัก
สิ่งที่บันทึกอยู่ในหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นี้ลึกซึ้งเกินไป!
บทแรกมีคำแปลยังนับว่าพอได้ ทว่าั้แ่บทที่สองเป็ต้นไปล้วนเป็ภาษาในยุคอาณาจักรวายุเหมันต์ นางไม่เข้าใจมันแม้แต่น้อย!
ในแง่ความรู้ เยี่ยจื่ออวิ๋นนับเป็ผู้นำคนหนึ่งในหมู่คนรุ่นเดียวกัน แต่หากนางแอบเปรียบเทียบตนกับเนี่ยหลีซึ่งเป็ผู้มาเกิดใหม่อยู่ในใจ นั่นก็นับว่าเทียบผิดคนเสียแล้ว
เห็นเยี่ยจื่ออวิ๋นกำลังถือหนังสืออัคคี์ศักดิ์สิทธิ์พลิกไปพลิกมาอยู่ ด้วย เนี่ยหลีมีความเข้าใจเยี่ยจื่ออวิ๋นเป็อย่างดี จึงเดาความในใจของเยี่ยจื่ออวิ๋นได้ถูก อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและเดินไปถึงข้างกายเยี่ยจื่ออวิ๋น เอ่ยล้อขึ้น “เป็อย่างไรบ้าง เพื่อนนักเรียนเยี่ยจื่ออวิ๋นก็สนใจหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เช่นกันหรือ?”
เยี่ยจื่ออวิ๋นตื่นจากความครุ่นคิดที่จมจ่อมอยู่และเห็นเนี่ยหลี สีหน้าแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเนี่ยหลีที่นี่ ครั้นพอคิดเดาว่าเนี่ยหลีคงมาอ่านหนังสือที่นี่ ไม่เช่นนั้นจะมีความรู้มากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
“หนังสือเล่มนี้ลึกซึ้งเกินไป ข้าอ่านๆ ดูแล้วพบว่าหลายอย่างในนี้ไม่อาจเข้าใจได้!” เยี่ยจื่ออวิ๋นปิดหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ลง กล่าวด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย รักษาระยะห่างระหว่างตนกับเนี่ยหลีอย่างสุภาพ
เยี่ยจื่ออวิ๋นเรือนร่างสูงระหง สวมชุดสีขาว กลิ่นกายคล้ายดอกกล้วยไม้ แม้อยู่ห่างกันหลายก้าวก็ยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายของนาง เนี่ยหลีรู้ว่านี่เป็กลิ่นพิเศษเฉพาะจากร่างกายนาง เปี่ยมเสน่ห์น่าหลงใหล กลิ่นหอมนี้ช่างแสนคุ้นเคย เป็กลิ่นที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
“หนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้เขียนขึ้นด้วยภาษาในยุคอาณาจักรวายุเหมันต์ ภาษาในยุคอาณาจักรวายุเหมันต์ค่อนข้างเข้าใจยาก แต่หากเ้าศึกษาภาษาในยุคอาณาจักรเฮยจินเสียก่อน ก็จะง่ายต่อการเข้าใจกว่า และช่วยให้สามารถอ่านภาษาในยุคอาณาจักรวายุเหมันต์ได้ง่ายขึ้น” เนี่ยหลียิ้มแย้มพูด
“ภาษาในยุคอาณาจักรเฮยจิน?” เยี่ยจื่ออวิ๋นทบทวนความทรงจำอย่างตั้งใจ ก่อนยุคมืดมีอีกสามยุคที่ได้รับการบันทึกไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุด ตั้งชื่อตามอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนั้นๆ ได้แต่ยุคอาณาจักรจิตศักดิ์สิทธิ์เซิ่งหลิง ยุคอาณาจักรวายุเหมันต์ฟิงเสวี่ย และยุคอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เสินเซิ่ง อาณาจักรเฮยจินเป็อาณาจักรที่ค่อนข้างใหญ่ใน่ยุคอาณาจักรวายุเหมันต์เฟิงเสวี่ย
เนี่ยหลีรู้เื่ราวต่างๆ มากมายเสียจริง ทั้งยังมีความรู้กว้างขวางยิ่ง เยี่ยจื่ออวิ๋นอดที่จะยอมรับไม่ได้
“อย่างไรก็ตาม การศึกษาภาษาในยุคๆ หนึ่ง เพื่อให้เข้าใจหนังสืออัคคีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นับว่าไม่จำเป็ และด้วยร่างกายของเ้า ไม่เหมาะที่จะศึกษาแนววิชาอัคคีสายฟ้า” สีหน้าของเนี่ยหลีสงบนิ่ง ต่อหน้าเยี่ยจื่ออวิ๋นกลับไม่มีลักษณะตื่นเต้นตัวแข็งเหมือนเด็กหนุ่มพวกนั้นแม้แต่น้อย
ไม่ว่าอย่างไร เนี่ยหลีรู้จักเยี่ยจื่ออวิ๋นดีเกินไป เข้าใจลึกลงไปถึงกระดูก
“หา? แล้วเคล็ดวิชาแบบไหนจึงจะเหมาะสมกับข้าเล่า?” เยี่ยจื่ออวิ๋นประเมินเด็กหนุ่มตรงหน้า ความรู้ของเนี่ยหลีทำให้นางรู้สึกหดหู่เศร้าใจอยู่บ้าง
“หากข้าเดาไม่ผิด ในครอบครัวของเ้าคงเคยมีคนใช้พลังิญญาทดสอบร่างกายของเ้ามาแล้ว ขณะนี้เ้าฝึกเคล็ดวิชาวายุเหมันต์ ดังนั้นจึงเป็ไปได้ว่าเคล็ดวิชาวายุเหมันต์จะเป็เคล็ดวิชาที่เหมาะสมกับร่างกายของเ้าที่สุด!” เนี่ยหลียิ้มบางพูด
สองตาของเยี่ยจื่ออวิ๋นเบิกกว้าง จ้องมองเนี่ยหลีด้วยความใ เนี่ยหลีที่แท้เดาได้ถูก ท่านปู่ของนางเคยใช้พลังิญญาเพื่อทดสอบร่างกายของนางจริงๆ ทว่ามันเป็เคล็ดลับซึ่งไม่เคยถ่ายทอดให้ผู้ใดล่วงรู้ มันต้องใช้พลังิญญามากมายเพื่อการทดสอบ เหตุใดเนี่ยหลีจึงรู้ได้?
เห็นสีหน้าของเยี่ยจื่ออวิ๋น เนี่ยหลีรู้ว่าเขาเดาได้ถูกแปดเก้าส่วน จึงยิ้มพูด “แม้ทางบ้านเ้าเคยทดสอบร่างกายของเ้ามาแล้ว แต่จะต้องไม่พบรูปร่างของอาณาเขติญญาของเ้าอย่างแน่นอน ดังนั้นเคล็ดวิชาที่เขาเลือกให้เ้าฝึกจึงอาจมิใช่เคล็ดวิชาที่เหมาะสมกับเ้าที่สุด”
“รูปร่างของอาณาเขติญญาหรือ?” เยี่ยจื่ออวิ๋นสองคิ้วขมวดมุ่น นางไม่เคยได้ยินศัพท์คำนี้มาก่อน
“เ้าจะยอมเสียเวลาสักหน่อย ให้ข้าได้ตรวจสอบรูปร่างอาณาเขติญญาของเ้าหรือไม่?” เนี่ยหลีพูดกับเยี่ยจื่ออวิ๋น
เยี่ยจื่ออวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองเนี่ยหลี นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็รีบส่ายหัวพูด “ไม่จำเป็!” นางยังคงรักษาระยะห่างกับเนี่ยหลี หากเนี่ยหลีใช้วิธีการเดียวกันกับท่านปู่ ย่อมหลีกไม่พ้นที่จะต้องััร่างกายกัน เยี่ยจื่ออวิ๋นยังค่อนข้างระมัดระวังตัวกับเนี่ยหลี
ราวกับคาดเดาได้ว่าเยี่ยจื่ออวิ๋นกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งใดอยู่ เนี่ยหลียิ้ม เขารู้ว่าเยี่ยจื่ออวิ๋นคิดมากถึงเื่อะไรจึงพูด “อันที่จริง วิธีทดสอบนั้นเรียบง่ายยิ่ง เมื่อเ้ากลับไป หาผลึกิญญาที่ยังไม่เคยถูกผู้อื่นใช้มาก่อนเอาไว้สักอันหนึ่ง จากนั้นถ่ายเทพลังิญญาลงไปในผลึกิญญานั้น เพียงสังเกตเล็กน้อยข้าก็สามารถบอกเ้าได้แล้วว่ารูปร่างของอาณาเขติญญาของเ้าเป็อย่างไร”
“หา? มันง่ายปานนั้นเชียวหรือ?” เยี่ยจื่ออวิ๋นชำเลืองมองเนี่ยหลีเป็เชิงขอโทษ ดูเหมือนนางจะเข้าใจเนี่ยหลีผิดไป ผลึกิญญาอันหนึ่งก็มิได้แพงอะไร
“หากเ้าอยากให้ข้าช่วยทดสอบรูปร่างของอาณาเขติญญาให้ พรุ่งนี้เวลานี้ก็มาหาข้าได้ที่นี่” เนี่ยหลีกล่าวจบก็หมุนตัวจากไป
เยี่ยจื่ออวิ๋นจ้องมองเนี่ยหลีด้วยความอัศจรรย์ใจ หากมีเด็กหนุ่มมาชวนนางสนทนา ต่างอดไม่ได้ที่จะขอคุยด้วยนานอีกสักหน่อย เนี่ยหลีกลับเป็ข้อยกเว้น ที่แท้เนี่ยหลีเป็คนอย่างไรกันแน่? นางพบว่านางไม่เข้าใจเพื่อนร่วมชั้นผู้นี้เลยแม้แต่น้อย
เนี่ยหลีรู้นิสัยของเยี่ยจื่ออวิ๋นเป็อย่างดี รู้ว่าหากเขายิ่งพยายามจะชิดใกล้ นางก็จะยิ่งถอยห่าง ยังมีเวลาอีกยาวนาน ควรทิ้งความประทับใจอันดีแก่เยี่ยจื่ออวิ๋นเอาไว้ก่อน จากนั้นจึงค่อยสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เยี่ยจื่ออวิ๋นกัดฟัน ส่งเสียงเรียก “เพื่อนนักเรียนเนี่ยหลี”
“มีอะไรหรือ?” เนี่ยหลีหันศีรษะไปถาม
เห็นเนี่ยหลีและเยี่ยจื่ออวิ๋นกำลังคุยกันอย่างมีความสุข พอเนี่ยหลีเดินจากมา เยี่ยจื่ออวิ๋นกลับเป็ฝ่ายเรียกมันก่อน ตู้เจ๋อ ลู่เพียวและพวกมองหน้ากันไปมา
“นั่นอย่างไรเล่า สมแล้วที่มันเป็พี่ใหญ่ อันดับแรก มันทำให้เทพธิดาหนิงเอ๋อร์เป็ฝ่ายส่งอาหารเช้ามาให้ ตอนนี้ยังมาหยอกเล่นอยู่กับเทพธิดาเยี่ย เพื่อชีวิตที่เหลือของข้า ข้าจะต้องขอคำแนะนำจากพี่ใหญ่บ้างแล้ว” เว่ยหนานพึมพำๆ
เื่นี้สร้างความอิจฉาชิงชังให้แก่บรรดาผู้สังเกตการณ์เป็อันมาก สามารถสนทนากับเทพธิดาเยี่ยสักหลายคำ นี่เป็เื่ที่ผู้คนตั้งเท่าไหร่ปรารถนาแต่ทำไม่สำเร็จ
ตู้เจ๋อกับลู่เพียวมองหน้ากัน
“ดูเหมือนพวกเราจะประเมินเนี่ยหลีต่ำไป!”
“เ้าบ้านี่มันปิดบังฝีมือแล้วพวกเราเสียแล้ว!”
“เนี่ยหลีเกี่ยวเทพธิดาหนิงเอ๋อร์ติด ยังเกี่ยวเทพธิดาเยี่ยสำเร็จอีก ซ้ายกอดขวากอด สุขสันต์ไม่จบสิ้นแล้ว!”
เนี่ยหลีไม่ทราบว่าพรรคพวกกำลังพูดถึงเขาอย่างไร เขาได้ยินเยี่ยจื่ออวิ๋นส่งเสียงเรียกก็หันหลังกลับไปอย่างคาดไม่ถึง
“ความรู้เื่ยันต์ของเพื่อนนักเรียนเนี่ยลึกซึ้งยิ่งนัก ข้ามีคำถามบางอย่างคิดอยากถามเพื่อนนักเรียนเนี่ยหลี ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่?” ดวงตาเจิดจ้าของเยี่ยจื่ออวิ๋นจ้องมองเนี่ยหลี
“ได้แน่นอน ไม่มีปิดบัง” เนี่ยหลีหัวเราะ
เยี่ยจื่ออวิ๋นมิได้คาดหวังสูงนัก อันที่จริงคำถามที่นางคิดจะถาม มิใช่ผู้ใดก็สามารถตอบได้ เื่การศึกษายันต์ เยี่ยจื่ออวิ๋นผู้ถือกำเนิดอยู่ในตระกูลสูงส่งย่อมได้เรียนรู้มามากกว่านักเรียนคนอื่นในวัยเดียวกัน
---------------------------------
*เค่อ : คือหน่วยนับเวลาของจีนโบราณ ๑ เค่อประมาณ ๑๕ นาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้