เมื่อได้ที่พึ่งพิงอย่างลุงแท้ๆ ของตนแล้วชีวิตของเซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดาจึงสุขสบายมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะฤดูเก็บเกี่ยวที่มาถึงในชนบททุกครัวเรือนล้วนเร่งรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตงานในไร่นาของตระกูลเซี่ยนั้นทำอย่างไรก็ไม่หมดถึงขั้นไม่ว่างมาสร้างความลำบากให้กับเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดาที่หมู่บ้านชีจิ่งเลยทีเดียวเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าตัวเมืองไปขายไข่ไก่ ไม่ทันสองวันธุรกิจก็ราบรื่นมั่นคงแล้วเธอพูดจาฉะฉานตรงไปตรงมา อีกทั้งยังมีหน้าตาสวยระดับนางงามเธอทำธุรกิจอย่างมีหลักการ ทว่าภายในขอบเขตของหลักการยังเอื้อเฟื้ออยู่มาก คนงานของโรงงานเครื่องจักรการเกษตรและโรงงานเนื้อสัตว์รับรู้กันโดยทั่วว่าวันสองวันมานี้นอกโรงงานมีไซซีขายไข่ไก่ปรากฏตัวขึ้นไข่ไก่ที่ขายสดใหม่ยิ่งนัก
แรกเริ่มเทียวไปเทียวมาเข้าเขตอันชิ่งทุกวัน ไม่พ้น 2 วันเธอก็ขายไข่ได้เกือบ 2,000 ใบแล้วแม้การขี่จักรยานเดินทางระหว่างในหมู่บ้านกับตัวเมืองช่างเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ทว่าความเหนื่อยล้าของเธอกลับออกดอกออกผลงดงามยิ่งโดยเฉลี่ยทุกวันหาเงินได้ประมาณ 10 หยวน เพราะเงินต้นทุนที่น้อยแถมไม่มีเครือข่ายคนช่วยเหลือความคิดหาเงินให้เต็มท้อง [1] ของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงทำได้เพียงค่อยเป็ค่อยไปต่อให้ทุกวันหาเงินได้เล็กน้อยเธอก็ไม่รังเกียจรังงอน ส่วนหลิวเฟินนั้นพออกพอใจเป็อย่างมาก
ตกกลางคืนเซี่ยเสี่ยวหลานก็กลับถึงบ้านสองแม่ลูกนับเงินรายได้ของทั้งวัน เงินในกระเป๋าผ้าถูกเทลงบนโต๊ะส่วนใหญ่เป็เงินหนึ่งเหมา หนึ่งหยวน ห้าเหมาบ้างกระจัดกระจายกัน...น้อยที่สุดคือเงินเฟิน เซี่ยเสี่ยวหลานสาบานได้เลยว่าธนบัตรเงิน ‘เฟิน’ ที่เธอเคยพบเจอเมื่อชาติก่อนเอามารวมกันทั้งหมดยังไม่เยอะเท่าที่ได้มาใน่นี้เลย!
หลิวเฟินจัดการเงินทั้งหมดเรียบร้อย ได้แต่คิดว่าเหมือนกับฝันไป
“ในเมื่อเงินมันหาง่ายเช่นนี้ คนอื่นเขาจะไม่รู้กันหรือ?”
คำถามของหลิวเฟินถือว่าดี นี่แสดงให้เห็นว่าเธอเริ่มคิดวิเคราะห์บ้างแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงหัวเราะ “รู้ว่าหาเงินได้ แต่ธุรกิจแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้นะ”
ในยุค 80 นี้มีโอกาสอยู่ทุกหนแห่งทว่าทุกคนก็มิได้กลายเป็เศรษฐีพันล้าน โอกาสมาถึงแล้วก็จริง แต่ต้องมีความกล้าและต้องมีโชคด้วย! ธุรกิจแบบที่เซี่ยเสี่ยวหลานทำย่อมมีคนในหมู่บ้านชีจิ่งเห็นแล้วอิจฉาตาร้อนอย่างแรกเพราะผลผลิตในไร่นายังต้องรอคนเก็บเกี่ยว พวกเขาส่งใครไปทำไม่ได้อย่างที่สองต่อให้มีแรงคนเพียงพอจะทำ แต่ต้องมีความกล้าหาญระดับตีหม้อจมเรือ [2] เช่นเซี่ยเสี่ยวหลาน ทำธุรกิจมีได้มีเสียการขายไข่ไก่เก็งกำไรนี้ไม่เพียงเหนื่อยยากเท่านั้น ความเสี่ยงก็มากโขไข่ไก่ขายไม่ออกแล้วจะทำเช่นไร? ไข่ไก่ตกพื้นเสียหายระหว่างทางหมดแล้วจะทำเช่นไร? ต้นทุนเกือบร้อยหยวน หากไม่ระมัดระวังจะขาดทุนย่อยยับได้
แต่ถึงเซี่ยเสี่ยวหลานจะขาดทุนจริงก็ยังเริ่มใหม่ได้อีกเธอเคยเป็ถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติ แค่ความล้มเหลวเท่านี้มันทำอะไรเธอไม่ได้หรอก
แต่สำหรับคนชนบทในปี 83 แล้วเงินที่เสียไปเกือบร้อยหยวนนั้นคือจำนวนเงินที่ต้องใช้เวลาเก็บหอมรอมริบมากถึงครึ่งปีเสียแล้วเสียเลย หากสถานะทางการเงินไม่คล่องนักจะทนขาดทุนได้กี่รอบเชียว?
เซี่ยเสี่ยวหลานนำเงินเก็บรวบรวมไว้ “ธุรกิขไข่ไก่นี่อีกสักวันสองวันก็ไม่เหมาะจะทำแล้วฉันวานให้ลุงช่วยจับปลาไหลเอาไว้นี่? ฉันอยากเข้ามณฑลไปลองดูบ้าง”
ในท้องนาของบ้านหลิวสามารถจับปลาหมู ปลาไนและปลาไหลจำนวนหลายสิบชั่งได้สบายๆ แถบหมู่บ้านไม่เคยขาดแคลนพวกมันเลย
ปลาหมูหากปรุงไม่ดีก็มีกลิ่นสาบดินโคลน
ปลาไนที่ถูกเลี้ยงในท้องนานั้นภายหลังถูกยกย่องอย่างเลิศเลอ ทว่าตอนนี้ใครเขาจะกินกัน?
เปลืองน้ำมันในการปรุง หนามเยอะ เนื้อน้อย... พวกมันไม่อาจเข้าร่วมเป็หนึ่งใน ‘สี่ยอดมัจฉา [3] ’ ด้วยซ้ำเห็นได้ชัดว่าของแบบนี้ไม่ได้รับความนิยมแค่ไหน อีกอย่างสิ่งของที่คนนิยมและมีจำนวนเยอะมักถูกเปรียบเปรยเป็ “ปลาไนในน้ำ [4] ” ลองจินตนาการดูว่ามีปลาไนปริมาณมากเท่าใดกัน!
แต่ปลาไหลนั้นแตกต่าง มันบำรุงร่างกายได้ดีไม่ว่าเมื่อไรก็ขายได้ราคา
ขนาดราคาปัจจุบันยังเกือบเท่าเนื้อหมูแล้วทว่าที่เขตอันชิ่งเองก็ขายไม่ค่อยดี เว้นเสียแต่นำไปขายในมณฑล
ปลาไนปลาหมูขายได้ถูก เซี่ยเสี่ยวหลานจึงี้เีจะเสียเวลาเธอไหว้วานให้หลิวหย่งบอกคนในหมู่บ้านชีจิ่งว่านอกจากรับซื้อไข่ไก่แล้วเธอยังรับซื้อปลาไหลด้วยทว่าตอนนี้ทุกคนยุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวพืชผล ลำพังปลาไหลที่เด็กๆ จับมาขาย มีแค่ไม่กี่ชั่งเท่านั้นจำนวนรวมไม่พอทำธุรกิจ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รีบร้อนเพราะปลาไหลยังจับได้ถึงเดือนตุลาคม
หากผู้คนไม่ชอบปลาไนและปลาหมู เซี่ยเสี่ยวหลานก็มีวิธีรับประทาน
ฝีมือการทำครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานธรรมดา แต่เธอมีความรู้ไม่น้อยเนื่องจากต้องรับรองลูกค้า ยังมีอาหารเหนือใต้ชนิดไหนที่เธอไม่เคยลองอีก?
ปลาหมูและปลาไนที่หลิวหย่งจับกลับบ้านมาก่อนหน้านี้ได้คายเอาโคลนทรายออกมาหมดแล้วหยดน้ำมันพืชลงหม้อสักหน่อย จากนั้นจี่ปลาไนสองด้านจนสุกเป็สีเหลืองทองเติมน้ำแล้วตุ๋นด้วยไฟเบา เนื้อปลาจะเปื่อยผสมผสานเข้ากับน้ำซุปแค่ต้องใช้เวลามากหน่อยเท่านั้น เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจให้คนทั้งบ้านกินน้ำซุปคนที่เธอดูแลเป็พิเศษคือหลิวเฟินกับเทาเทาหลิวเฟินซูปผอมราวกับผู้ลี้ภัยในทวีปแอฟริกา ส่วนเทาเทานั้นถ้าไม่เสริมแคลเซียมให้มากพออีกหน่อยความสูงจะได้กลายเป็โศกนาฏกรรมตามตระกูลหลิวไปเสีย
ใช้ซอสพริกย่างปลาหมู เพิ่มด้วยเต้าหู้เล็กน้อยพอนำไปตั้งเตาก็ใส่ต้นกระเทียมเข้าไปด้วย
กับข้าวมื้อนี้ของบ้านหลิวนั้นจัดเตรียมได้เป็อย่างดีป้าสะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยจึงพอใจในฝีมือของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ที่สุด
สองวันนี้หลิวเฟินมิได้เข้าเมืองไปเป็เพื่อนเซี่ยเสี่ยวหลานแต่ในเมื่อสองแม่ลูกอาศัยอยู่บ้านหลิวคงไม่อาจปล่อยให้หลิวหย่งและภรรยาไปไร่นาเก็บเกี่ยวผลผลิตกันเองเพียงสองคนหลิวเฟินเองก็ไปช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
“ลูกเข้าเมืองคนเดียว ต้องระวังหน่อยนะ”
ก่อนที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะออกเดินทางหลิวเฟินก็กำลังจะไปเกี่ยวข้าวเช่นกัน ฉวยขณะที่แดดยังไม่ออก เก็บเกี่ยวข้าวกลับมาและยังต้องนวดให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวง ตอนนี้ยังไม่มีเครื่องจักรทำได้เพียงพึ่งแรงกายคน
“ฉันรู้แล้วน่า แม่! อย่าทำงานจนเหนื่อยเกินไปนะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานขี่จักรยานเข้าเมืองไม่กี่วันมานี้เธอเติมส่วนแบ่งการตลาดไข่ไก่ของโรงงานทั้งสองแห่งจนเกือบเต็มแล้วไม่มีทางที่จะมีคนซื้อไข่ไก่จำนวนมากทุกๆ วัน เธอขนไข่ไก่ 400 กว่าใบต่อครั้ง หนึ่งวันไปกลับในเขตอันชิ่งสองรอบวันนี้ตอนที่เธอมาขายไข่รอบสอง ถึงจะเฝ้าอยู่นอกโรงงานเครื่องจักรอยู่นานสองนานแต่ยังคงเหลือไข่ไก่ร้อยกว่าใบ
เซี่ยเสี่ยวหลานเลยอยากเปลี่ยนที่ขายสักหน่อย
ปกติเธอไม่ใช้ทางลัด แต่วันนี้ใช้เวลาขายไข่อยู่นานเธอจึงขี่จักรยานเลาะเข้าไปในตรอกตรอกหนึ่ง
แต่เธอนั้นไม่รู้เลย ขณะที่ตนขายไข่ในเมืองอยู่ไม่กี่วัน ชื่อเสียง ‘ไซซีขายไข่ไก่’ ของเธอได้แพร่สะพัดไปทั่วแล้ว หน้าสะสวยอีกทั้งมีเงินสดที่ได้จากการขายไข่ติดตัวทุกวันมีคนวางแผนลงมือกับเซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานเพลิดเพลินกับความสำเร็จจนลืมตัวไปหน่อยอย่างไรเสียเธอเก็บกรรไกรติดตัวไว้ตั้งหลายวัน ยังไม่เคยเจอกับพวกอันพาลด้วยซ้ำ
อีกฝั่งของตรอกนี้ก็คือถนนใหญ่ เธอออกแรงถีบจักรยาน ทว่าตะกร้าไม้ไผ่ที่ผูกติดกับรถกลับถูกคนจับไว้
“น้องสาว ทำไมต้องใขนาดนี้เล่า พวกเราแค่จะซื้อไข่ไก่!”
รถถูกหยุดไว้อย่างสายฟ้าแลบ ดีที่เธอไม่ล้มลงไป ทว่าตะกร้าไม้ไผ่ตกกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรงเซี่ยเสี่ยวหลานเ็ปใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าไข่ไก่แตกไปเท่าไรแล้ว!
มีคนก้าวโผล่มาตรงหน้าเธออย่างว่องไว ขวางทางออกของเธอเอาไว้
ชายอีกสองคนคว้าจักรยานของเธอขึ้นมาเซี่ยเสี่ยวหลานลุกยืนขึ้นแล้วกำกรรไกรเล่มโตไว้ในมือโดยใช้แขนเสื้อปิดปังมัน
สถานการณ์ไม่สู้ดี ชายหนุ่มท่าทางหยาบคายสามคนใช้สายตากลัดมันมองเธอั้แ่หัวจรดเท้าเธอสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวมิดชิดเพื่อกันความร้อนของแสงแดดอยู่เห็นๆ แต่กลับทำสายตาลามกราวกับเธอไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเดียว...เกรงว่าวันนี้จะใจดีไม่ได้แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานมิได้สับสนงงงวยดั่งหญิงสาวทั่วไปเธอไม่พูดพร่ำทำเพลง พออ้าปากได้ก็ร้องเรียกเสียงดัง
“ช่วยด้วย! มีอันธพาลจะลวนลามผู้หญิง! ช่วยด้วย พวกเขากักตัวฉันไว้ในตรอก!”
เซี่ยเสี่ยวหลานกรีดร้องเสียงแหลมทำเอาอันธพาลทั้งสามถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ
ชายคนหนึ่งรีบพุ่งไปปิดปากเซี่ยเสี่ยวหลานโดยพลันเธอใช้กรรไกรแทงเขาไปอย่างรุนแรง ชายผู้นั้นเ็ปจนหน้าตาเหยเก
“นังนี่!คิดว่าพวกเราไม่เคยแอบฟังเื่ของแกหรือ? พวกแกสองคนรีบจับมันไว้สิ นังนี่ยังกล้าเอากรรไกรแทงฉัน!”
เซี่ยเสี่ยวหลานหลังพิงผนัง เหวี่ยงกรรไกรในมืออย่างเอาเป็เอาตายปากยังคงส่งเสียงเซ็งแซ่ไม่หยุด อย่างไรก็ไม่ยอมให้คนเข้าใกล้ตนได้ เธอได้แต่ะโ ‘อันธพาลจะลวนลามผู้หญิง’ และ ‘ช่วยด้วย’ อีกทั้งนำจักรยานมาบังตัวเธอไว้จึงไม่มีใครเข้าถึงตัวเธอได้ชั่วครู่
หนึ่งในอันธพาลหมดความอดทน ดึงจักรยานออกให้พ้นทาง
เซี่ยเสี่ยวหลานะโพลางยิ้มเยือกเย็น มีคนคว้าข้อมือเธอไว้เธอจึงเล็งลูกตาของอีกฝ่ายแล้วกระทุ้งไปที
ชายคนนั้นรีบถอย เปลือกตาถูกคมกรรไกรบาดเข้าเขาทนความเ็ปกระชากหางเปียของเซี่ยเสี่ยวหลาน จับเธอไถลงกับพื้นตรงหน้าชายอีกคนใช้โอกาสนี้ทำลายกรรไกรของเซี่ยเสี่ยวหลานทิ้งเสีย
“นังชั่ว! ยังมาทำตัวเป็หญิงบริสุทธิ์อยู่ได้ใครเขาจะไม่รู้ว่าแกคือรองเท้าเยินๆ กัน? เซี่ยเสี่ยวหลานแห่งหมู่บ้านต้าเหอใช่ไหมเล่า!”
เชิงอรรถ
[1]一肚子 เต็มท้องหมายถึง มีจำนวนมาก
[2]破釜沉舟 ตีหม้อจมเรือเปรียบเปรยว่า ไม่เหลือหนทางอื่นให้ไปต่อแล้ว มีแต่ต้องยืนหยัดสู้ต่อจนได้ชัยชนะหรือตัดสินใจทำต่อไปอย่างถึงที่สุดโดยไม่สนใจสิ่งใดแล้ว
[3]四大家鱼 สี่ยอดมัจฉา ประกอบด้วย ปลาคาร์ฟดำ ปลาเฉาหรือปลากินหญ้า ปลาลิ่นและปลาซ่ง มีที่มาจากก่อนสมัยราชวงศ์ถัง เดิมทีปลาตะเพียนเป็ปลาที่นิยมเลี้ยงทว่าราชวงศ์ถังใช้สกุล หลี่(李) ซึ่งออกเสียงเหมือนกับคำว่าปลาตะเพียน(鲤) จึงห้ามเลี้ยง จับ หรือค้าขายชาวประมงจึงหันไปเลี้ยงปลาทั้งสี่ชนิดข้างต้น และกลายเป็ปลาที่นิยมในครัวเรือน
[4]过江之鲫 ปลาไนในน้ำมีที่มาจากสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออกนั้นได้ก่อตั้งที่เจียงหนาน(ทิศใต้แม่น้ำฉางเจียงหรือแยงซีเกียง) ผู้คนจากทางเหนือพากันย้ายมาที่เจียงหนานคนสมัยนั้นจึงมีคำพูดว่า “คนข้ามแม่น้ำฉางเจียงมีมากกว่าปลาไน” แสดงให้เห็นว่าปลาไนซึ่งเลี้ยงกันเป็ที่แพร่หลายและมีจำนวนมากนั้นก็ยังน้อยกว่าคนที่ย้ายมายังเจียงหนานถูกนำมาใช้เปรียบเปรยกับสิ่งที่กำลังนิยมมีจำนวนเยอะต่อมามีความหมายว่าเยอะมากและไม่เป็ระเบียบ