เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้าพร้อมกับลอบตะลึงงัน
น้ำเสียงนั้นยังคงพูดต่อไป “ตอนนี้ประกาศรายละเอียดการสอบในด่านที่สาม...”
เฟิ่งเฉี่ยนและท่านหญิงชิงเสียตั้งใจฟังด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“ผู้เป็อาจารย์ย่อมต้องมีความรับผิดชอบที่จะถ่ายทอดความรู้ความสามารถ หนึ่งในพวกเ้าจะมีคนเป็อาจารย์ของสำนักศึกษาเทียนหง และหน้าที่ของอาจารย์ก็คือความสามารถที่จะถ่ายทอดความรู้ความสามารถให้กับศิษย์ ตอนนี้ให้พวกเ้าแสดงให้ข้าเห็นว่าเ้ามีความสามารถในการถ่ายทอดหรือไม่”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ความสามารถ? นี่จะสอบอย่างไร?
ต่อมาได้ยินเสียงนั้นพูดขึ้นอีกว่า “ตอนนี้ พวกเ้าทั้งสองใช้พละกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดซัดฝ่ามือเข้าใส่เสาทดสอบพลังยุทธ์หนึ่งฝ่ามือ ให้ข้าดูว่าพลังการสู้รบและพลังชีวิตของพวกเ้ามีเท่าใด!”
“ข้าก่อนก็แล้วกัน!” ท่านหญิงชิงเสียเอ่ยขึ้นก่อน
นางเดินมาหยุดหน้าเสาหินต้นนั้น สูดลมหายเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วลอบเดินพลังลมปราณ ต่อมาพลังเทพในร่างกายของนางเคลื่อนไหวไปตามร่างกายของนาง ร่างของนางค่อยๆ เปล่งแสงสีม่วงที่เป็เอกลักษณ์ของเทพยุทธ์ นี่เป็สัญลักษณ์ของเทพยุทธ์ขั้นเจ็ด
“ฮ่า!”
ฝ่ามือของนางซัดเข้าไปที่เสาหินต้นนั้นพร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมา พลังจากฝ่ามือของนางเต็มเปี่ยม เสาหินสั่นไหวเล็กน้อยแล้วส่งเสียงติ๊ง
ไม่นานนัก บนเสาหินปรากฏให้เห็นตัวอักษรสีน้ำเงินแถวหนึ่ง--
พลังการสู้รบ 730 พลังชีวิต 701!
“ไม่เลว อายุเ้าน้อยเช่นนี้ เป็เทพยุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว อนาคตอีกยาวไกล!” น้ำเสียงนั้นกล่าวชื่นชม
เรือนจินเฟิง ท่านาุโหลายท่านมองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างพึงพอใจต่อความสามารถที่แท้จริงของท่านหญิงชิงเสีย
ท่านหญิงชิงเสียหันมาประสานมือเป็หมัดคารวะด้วยดวงตาพันลี้ “ขอบคุณท่านาุโที่ชื่นชม!”
“ถึงตาข้าแล้ว!” เฟิ่งเฉี่ยนถูฝ่ามือไปมาเดินขึ้นไปข้างหน้า นางหลับตาทั้งคู่ เลียนแบบท่าทางของท่านหญิงชิงเสีย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลอบเดินพลังลมปราณ
ท่านหญิงชิงเสียกลั้นหายใจมองนาง ประหลาดใจว่าความสามารถที่แท้จริงของนางอยู่ในขั้นไหนกันแน่นะ
ตามที่ได้ยินมานางควรจะไม่เป็วรยุทธ์เลยจึงจะถูกต้อง แต่เมื่อสักครู่ขณะที่ฝ่าด่านเสาดอกเหมย นางเพิ่งจะร่ายรำในกระบวนท่าัเหิน ทำให้คนตกตะลึงจริงๆ!
กล่าวว่านางไม่เป็วรยุทธ์เลยก็คงไม่มีใครเชื่อ!
แต่ด้วยสายตาของนาง นางดูไม่ออกจริงๆ ว่าบนร่างของนางไม่มีพลังเทพใดๆ ปรากฏ นี่มันจะบังเอิญเกินไปหรือไม่!
ตอนนี้วิธีการเดียวที่จะพิสูจน์ทุกอย่างก็คือเสาทดสอบพลังยุทธ์ต้นนี้
เรือนจินเฟิง ท่านาุโทั้งหลายต่างพากันประหลาดใจ ทั้งๆ ที่ท่านาุโกู่บอกว่านางไม่ใช่เทพยุทธ์ขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ แต่นางกลับใช้ท่วงท่าประหลาดบุกฝ่าค่ายกลธนูของเสาดอกเหมยมาได้ นี่มันเหลือเชื่อ!
เช่นนั้นปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ตกลงนางอยู่ในเทพยุทธ์ขั้นใดกันแน่?
ทุกคนต่างรอคอยคำตอบ
พ่าง!
เฟิ่งเฉี่ยนซัดผ่าฝ่ามือเข้าไปที่เสาทดสอบพลังยุทธ์
เสียงก้องกังวานนั้นทำให้คนตกตะลึง
ต่อมา เสาทดสอบพลังยุทธ์ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็กระอักกระอ่วน!
ที่ยิ่งกระอักกระอ่วนนั้นรออยู่ด้านหลัง...
อย่างรวดเร็ว บนเสาทดสอบพลังยุทธ์ปรากฏให้เห็นความสามารถที่แท้จริง--
พลังการสู้รบ 60 พลังชีวิต 60!
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด
สีหน้าของท่านหญิงชิงเสียยากจะใช้คำพูดมาบรรยายได้!
เสียงนั้นยังคงไม่ปรากฏ!
เฟิ่งเฉี่ยนถูฝ่ามือของตนที่ซัดฝ่ามือจนแดงก่ำ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เสาทดสอบพลังยุทธ์แม่นยำจริงๆ!”
เรือนจินเฟิง ทุกคนที่อยู่ที่นั่นถึงกับมืดแปดด้าน
พลังการสู้รบ 60 พลังชีวิต 60?
เปรียบเทียบกับท่านหญิงชิงเสียแล้วห่างกันมากกว่าสิบเท่า!
ที่แท้ นางเป็ผู้ไม่มีวรยุทธ์จริงๆ...
เดิมทีท่านาุโเหลียนยังตัดสินใจไม่ได้ว่าระหว่างพวกนางทั้งสองคน ใครจะเป็ผู้ได้รับดอกเหมยสีทอง ตอนนี้ไม่จำเป็ต้องลังเลใจอีก คำตอบออกมาแน่นอนแล้ว!
ท่านหญิงชิงเสียไม่ได้สติกลับมาเนิ่นนาน นางมีสีหน้าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ที่แท้เ้าไม่ใช่กระทั่งเทพยุทธ์ขั้นหนึ่งหรือ? เช่นนั้นเ้ายังกล้ามาเข้าร่วมการสอบรับศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหง? เท่าที่ข้ารู้มา ผู้ที่มาเข้าร่วมการสอบเข้าเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนหงในวันนี้อย่างน้อยต้องเป็เทพยุทธ์ขั้นสามขึ้นไปเท่านั้น นี่เ้า...”
เฟิ่งเฉี่ยนลูบจมูกด้วยสีหน้าไม่รู้เื่อันใดจริงๆ “ข้าไม่รู้นี่นา และไม่มีใครบอกกับข้าด้วย!”
ท่านาุโกู่เหงื่อตก เื่นี้หากพูดขึ้นมาดูเหมือนความรับผิดชอบตกอยู่ที่เขา ตอนนั้นหลังจากที่เขาเห็นนางมีพร์อันน่าตกตะลึง จึงตื่นเต้นจนลืมสิ้นหมดทุกสิ่ง ลืมว่าการรับศิษย์เข้ามาในสำนักศึกษาเทียนหงนั้นมีกฎระเบียบพื้นฐานของสำนักศึกษา
ท่านหญิงชิงเสียได้ยินเช่นนั้นจึงแทบจะหมดสติไป นี่เป็ครั้งแรกที่นางพบกับผู้เข้าสอบที่เลอะเลือนเช่นนี้
ท่ามกลางความเงียบงันน้ำเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “พอแล้ว ความสามารถที่แท้จริงของพวกเ้าได้ทดสอบเสร็จแล้ว ตอนนี้ข้าขอประกาศกฎเกณฑ์การทดสอบด่านสุดท้าย...”
สำหรับความสามารถของเฟิ่งเฉี่ยนนั้น เขาข้ามขั้นไป เฟิ่งเฉี่ยนััได้ถึงการถูกมองข้าม!
“นับั้แ่ตอนนี้ พวกเ้าทั้งสองคนชี้แนะวรยุทธ์ของอีกฝ่าย ใครสามารถชี้แนะให้ความสามารถของอีกฝ่ายก้าวหน้าขึ้นได้มากที่สุดภายในระยะเวลาหนึ่งก้านธูป ถือว่าผ่านด่าน จงจำไว้ว่า หากความก้าวหน้านั้นน้อยกว่าหนึ่งเท่า ผู้ชนะไม่ถือว่าผ่านด่าน!”
เฟิ่งเฉี่ยนและท่านหญิงชิงเสียถึงกับงงงันไปชั่วขณะ
วิธีการสอบเช่นนี้จะยากเกินไปไหม?
เมื่อสักครู่ขณะที่พวกนางซัดฝ่ามือทดสอบพลังยุทธ์ ล้วนใช้พลังทั้งหมดที่มีไปแล้ว ย่อมไม่มีทางจะพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นได้อีก
คิดจะพัฒนาความสามารถของตนให้เพิ่มขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ยากยิ่งกว่าขึ้น์ คิดจะก้าวหน้าเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งเท่า ยากยิ่งยากกว่า!
ทำอย่างไรดี? พวกนางดูเหมือนไม่มีทางเลือกอื่น
เรือนจินเฟิง ท่านาุโกู่เป็คนแรกที่โวยวายขึ้นมาก่อน “นี่ไม่ยุติธรรม! พลังการสู้รบของท่านหญิงชิงเสียอยู่ในระดับ 700 ขึ้นไปอยู่แล้ว ทุกคนรู้ดีว่าขั้นของเทพยุทธ์ยิ่งสูง การก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นยิ่งยากลำบาก ให้ท่านหญิงชิงเสียพัฒนาพลังการสู้รบขึ้นอีก 70 ขึ้นไปภายในระยะเวลาสั้นเช่นนี้ มันแทบจะเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้!”
ท่านาุโเหลียนโต้กลับทันที “กฎเกณฑ์เช่นนี้ หากนางทำไม่ได้ นั่นคงได้แต่กล่าวโทษว่านางมีความสามารถไม่เพียงพอ โทษใครไม่ได้”
ท่านาุโกู่กลอกตาขาว “คำพูดทำร้ายจิตใจเช่นนี้ใครบ้างพูดไม่เป็? ที่เ้ากล้าพูดจาทำร้ายจิตใจผู้อื่นเช่นนี้ มิใช่เป็เพราะเ้าเห็นว่าแม่นางเฟิงมีพลังการสู้รบเพียงแค่ 60 ขอเพียงท่านหญิงชิงเสียชี้แนะให้พลังการสู้รบของนางเพิ่มขึ้นแค่ 6 ภายในระยะเวลาหนึ่งก้านธูป ก็สามารถผ่านด่านได้อย่างสบายๆ ง่ายดายเพียงใด! ทว่า เป็การชนะที่ไม่ขาวสะอาด!”
ท่านาุโเหลียนแค่นเสียงฮึ พูดเสียงหนัก “นั่นเป็เพราะความสามารถของนางสู้ผู้อื่นไม่ได้! คนๆ หนึ่งที่ไม่ใช่กระทั่งเทพยุทธ์ขั้นหนึ่ง คิดจะเป็อาจารย์ของสำนักศึกษาเทียนหง นางเพ้อเจ้อเกินไป!”
ท่านาุโเฉินแทรกขึ้นมาด้วยทนไม่ได้ “ถูกต้อง กฎเกณฑ์ก็คือกฎเกณฑ์ หากนางไม่อาจผ่านการทดสอบ ต่อให้นางมีความสามารถเทียมฟ้า ก็ไม่มีประโยชน์!”
เขารู้ว่าศิษย์ของเขานั้นหมดหวังอย่างแท้จริง หากให้เขาเลือกระหว่างเฟิ่งเฉี่ยนและท่านหญิงชิงเสีย เขาย่อมต้องเอนเอียงมาอยู่ข้างท่านหญิงชิงเสีย!
ศิษย์ของเขาพ่ายแพ้ให้กับท่านหญิงชิงเสียไม่นับเป็อะไรได้ แต่หากพ่ายแพ้ให้กับเฟิ่งเฉี่ยน เขาไม่มีหน้าพบผู้คน!
มนุษย์เรามักเป็เช่นนี้ ทนเห็นคนที่อ่อนแอกว่าตนเองชนะตนเองไม่ได้ ยิ่งไม่อาจทนรับได้ที่ผู้ที่เป็ชนรุ่นหลังทำได้ดีกว่าตน ไม่ว่าจะเป็ด้านใดก็ตาม!
ภายในหอดอกเหมย เฟิ่งเฉี่ยนและท่านหญิงชิงเสียมองหน้ากันแล้วยิ้มขื่น
“ดูแล้ว ระหว่างเ้าและข้าต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้” ท่านหญิงชิงเสียกล่าว
“เช่นนั้นก็ลองดูเถิด” เฟิ่งเฉี่ยนพูดยิ้มๆ
คนทั้งสองต่างมองอีกฝ่าย ต่างประเมินซึ่งกันและกันราวกับกำลังจะอ่านอีกฝ่ายให้ทะลุปรุโปร่ง
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดท่านหญิงชิงเสียเอ่ยปากขึ้นก่อน “เ้าได้เคยร่ำเรียนเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มพลังเทพหรือพลังลมปราณใดๆ มาบ้างหรือไม่?”
เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้า “ไม่เคยร่ำเรียนมาก่อน! เมื่อก่อนคนในครอบครัวบอกว่าข้าไม่มีหน่วยก้านของพลังเทพ ดังนั้นจึงไม่เคยสอนให้ข้าเรียนวรยุทธ์!”
“เช่นนั้นกระบวนท่าที่เ้าใช้เมื่อสักครู่...” ท่านหญิงชิงเสียประหลาดใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้