ทำไมคนกลุ่มนี้ทำอย่างกับข้าเป็ศัตรูเล่า
เ่ิูหวาดระแวงด้วยความสงสัย
แม่ทัพกองโจรที่ยิงธนูคราแรกนั้นน้อมมือคำนับเ่ิูจากแดนไกล แล้วเอ่ย “ทูตถือดาบตรวจการณ์เย่ ตราประทับนายทัพของท่านถูกริบแล้ว เพราะท่านไม่ได้กลับด่านเกินหนึ่งเดือน กองทัพคิดว่าท่านพลีชีพในหน้าที่ จึงได้...”
เ่ิูเข้าใจแล้ว
ที่แท้ท่านชายหลิวกับคนอื่นๆ ไม่อยู่รอเขา คิดว่าเขาตายไปแล้ว
จากสภาพการณ์แล้ว กองทัพโยวเยี่ยนอาจประกาศต่อสาธารณะแล้วกระมัง
ไม่นึกเลยว่าอุตส่าห์รอดกลับมาปลอดภัยดีแท้ๆ กลับต้องมายืนยันกันใหม่อีกรอบเสียได้
เ่ิูลอยตัวอยู่กลางอากาศอย่างสงบ เขารอคำสั่งต่อไป
ไม่ทันไรเรือเหาะอักขระลำหนึ่งก็แล่นแหวกอากาศเข้ามาจากไกลๆ หัวหน้าทหารบนนั้นแขวนดาบยาว ผู้แข็งแกร่งเ้าของร่างกายกำยำ จะเป็ใครไปได้นอกจากหลิวจงหยวน?
“น้องเย่ เ้ากลับมาแล้วจริงๆ ใช่ไหม?” หลิวจงหยวนะโลั่น
ผู้ที่คุ้นเคยกับแม่ทัพผู้หนักแน่น พอได้เห็นภาพนี้แล้ว ต่างก็ประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ ในใจคิดว่าทำไมคนที่พูดน้อยและสงบนิ่งเหลือใจกลับเดือดดาลได้ขนาดนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหลิวจงหยวนจอมหนักแน่นกับทูตถือดาบตรวจการณ์เ่ิูจะสนิทสนมกัน
“แม่ทัพหลิว พวกเราพบกันอีกแล้ว” เ่ิูยิ้ม
“เป็เ้าจริงๆ ด้วย ฮ่าๆ ดีจริง ดีจริงแท้ ข้านึกว่าเ้า...เ้ารอดกลับมา ดีเหลือเกิน” หลิวจงหยวนยากจะควบคุมอารมณ์ตื้นตันของตัวเองไว้ได้ เขาพูดคำว่าดีสามรอบติดพลางตบบ่าเ่ิูด้วยอารมณ์ “ท่านชายหลิวได้รู้เื่นี้ต้องยินดีมากเป็แน่ แล้วยังซิ่งเอ๋อร์...ใช่แล้ว ไหนจะเ้านักเลงเวินหว่านอีก จนบัดนี้เ้านั่นยังไม่หายโกรธเกลียดข้าเลย”
หลิวจงหยวนดีใจจริงๆ
หลายวันมานี้เขาไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้าเวินหว่านอย่างไร
ทุกครั้งที่มองแววตาอยากฆ่าคนของเวินหว่าน หลิวจงหยวนจะรู้สึกผิดบาปและเกลียดตัวเองเสมอ ทำไมตอนนั้นคนที่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลังไม่ใช่เขากันนะ
มีหลิวจงหยวนออกหน้าเอง ขั้นตอนการยืนยันตัวตนจึงสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว เรือเหาะอักขระโอบล้อมสี่ด้านกระจายกันออกไป ห่างหายเข้ากลีบเมฆ แม่ทัพกองโจรที่ยิงธนูผู้นั้นน้อมมือขออภัยเ่ิู จากนั้นจึงสั่งการให้ทหารใต้บังคับบัญชาขับเรือเหาะอักขระจากไป หลิวจงหยวนพาเ่ิูเหาะเข้าสู่ภายในด่านโยวเยี่ยน
“ไปพบท่านชายหลิวก่อน ให้เขาลบข่าวการตายของเ้าเสีย ฮ่าๆ เ้ารู้ไหมว่าทุกคนคิดว่าเ้าตายด้วยน้ำมือเยี่ยนปู้หุยไปแล้ว ท่านชายหลิวไปพบใต้เท้าลู่เฉาเกอ ยื่นหนังสือขอแต่งตั้งตำแหน่งให้เ้า หลายวันก่อนหน้านี้ฝ่ายแต่งตั้งของราชสำนักเพิ่งลงมาแต่งตั้งเ้าเป็จอมทัพผู้กล้าหาญเกรียงไกรชั้นที่สี่” หลิวจงหยวนพูดเป็ต่อยหอย
กระทั่งเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาเขายังแปลกใจ
ทูตถือดาบตรวจการณ์เย่กลับมา แม่ทัพของพวกเราอารมณ์ดียิ่งนัก ก่อนหน้านี้ตั้งนานยังไม่เคยพูดเยอะขนาดนี้ ตอนนี้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามกลับพูดน้ำไหลไฟดับจนจบทั้งเื่ในรวดเดียวได้เสียอย่างนั้น
“อะไรนะ? แต่งตั้งข้าเป็โหวผู้กล้าหาญและเที่ยงธรรมลำดับสี่หรือ? ตั้งข้าเป็โหวแล้ว?” เ่ิูคาดไม่ถึง
ฐานันดรโหวนี้จะได้มาง่ายดายเกินไปแล้วมั้ง?
ฐานันดรของอาณาจักร แบ่งระดับใหญ่ๆ ได้เป็สองส่วนคือฐานันดรราชนิกุลและฐานันดรขุนนาง ฝ่ายแรกนั้นนับตามสายเืของราชสำนัก หรือไม่ก็ชนชั้นสูงที่ได้บรรดาศักดิ์รุ่นสู่รุ่นอย่างถาวร ฝ่ายหลังคือขุนนางผู้มีความดีความชอบและผลงานยิ่งใหญ่ถึงจะได้รับการแต่งตั้ง ฐานันดรทั้งสองอย่างนี้แบ่งออกเป็ระดับหวัง* กง* และโหว* สามชั้นเรียงลำดับสูงต่ำ และทุกชั้นนั้นจะแบ่งเป็ลำดับหนึ่ง ลำดับสอง ลำดับสามและลำดับสี่ มีขั้นตอนที่เคร่งครัดมาก ความสูงต่ำของตำแหน่งแบ่งแยกชัดเจน กลายเป็การแบ่งแยกตำแหน่งของชนชั้นสูงในอาณาจักรได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด
ฐานันดรราชนิกุลได้มาง่ายดายมาก ทว่าการแต่งตั้งฐานันดรขุนนางนี่สิที่กว่าจะได้มาต้องทำเืตาแทบกระเด็น
อาณาจักรสถาปนาราชวงศ์มาใกล้ร้อยปี เพราะคนที่ทำผลงานดีจนได้ฐานันดรนั้นมีไม่เกินห้าร้อยคน และเพราะคนที่ได้ฐานันดรราชนิกุลจากทางสายเืและบรรดาศักดิ์นั้นใกล้เคียงหมื่นคนเข้าไปทุกที
ตำแหน่งโหวลำดับสี่แม้ว่าจะเป็ตำแหน่งขั้นต่ำที่สุดขั้นหนึ่งในโครงสร้างชนชั้นสูงของอาณาจักร ทว่าสำหรับเ่ิูผู้เป็ทหารมาได้ไม่ถึงครึ่งปี เป็คนหนุ่มที่ไม่มีเื้ัเรืองอำนาจคอยสนับสนุนแล้วล่ะก็ เรียกได้ว่าเบิกฟ้ามาครึ่งก้าวเลย จากคนยากจนกลายเป็ชนชั้นสูง เ่ิูใช้เวลาแค่สามเดือนเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ขณะที่คนอื่นต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อไปถึงมัน
เื่พวกนี้ เหนือธรรมดาเกินไป
หลิวจงหยวนกลับหัวเราะร่าแทน เขาเสริม “ใช่แล้ว ท่านชายหลิวบรรยายทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างสุดความสามารถตอนประชุมกัน ชื่นชมสิ่งที่เ้าทำเพื่อแผนที่ลับล้ำค่า อุทิศตนเสี่ยงอันตรายอย่างไม่เสียดายชีวิต เสียสละตนเพื่อส่วนรวม ถึงได้ทำให้พวกเรากลับมาอย่างปลอดภัย จิติญญาซื่อสัตย์กล้าหาญ มีคุณค่าให้ทหารศึกษาเป็เยี่ยงอย่าง กระทั่งใต้เท้าลู่เฉาเกอยังเคยชื่นชมน้องเย่ไม่หยุดปาก ภายหลังเมื่อราชสำนักปรึกษากัน ยืนยันการแต่งตั้งฐานันดร รอจนหนังสือแต่งตั้งมาถึง พวกเราถึงได้รู้ว่า ผู้าุโของกองทัพพวกนั้นใจกว้างยิ่งนัก ถึงได้แต่งตั้งเ้าเป็โหวเลย ฮ่าๆ น้องเย่ ยินดีด้วยนะ!”
เ่ิูกลับยิ้มขมขื่น
การแต่งตั้งคราวนี้ ยังเป็การแต่งตั้งย้อนหลังอยู่ดีนั่นแหละ
หรือเรียกอีกอย่างก็คือ แต่งตั้งเมื่อเขาตายไปแล้ว การแต่งตั้งประเภทนี้มีประโยชน์อันใดกับเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยหรือ?
คราวนี้ น่ากลัวว่ากองทัพจะทำเื่น่าขำเข้าให้แล้วมากกว่า
พริบตาเดียวก็เหาะเข้ามาในด่านผ่านกำแพงโยวเยี่ยน
ทั้งสองเปลี่ยนเป็ขี่ม้าตรงสู่สำนักเ้าด่านอย่างรวดเร็ว
จวบจนมาถึงหน้าประตูใหญ่อาคารนอกของสำนักเ้าด่าน ซิ่งเอ๋อร์ก็ยืนรออยู่ตรงนั้นมานานโขแล้ว
เห็นได้ชัดว่าได้ข่าวมานานทีเดียว
เมื่อเขาเห็นเ่ิู เด็กหนังสือตัวเล็กๆ พลันปรี่เข้มากอดเ่ิูเสียยกใหญ่อย่างรอไม่ไหว จากนั้นจึงชกเ่ิูไปทีหนึ่ง ถึงค่อยเอ่ยอย่างตื่นเต้น “คนดีเอ๊ย เ้ากลับมาจนได้ ข้าเคยพูดแล้วใช่ไหม ว่าคนดีอายุไม่ยืน คนชั่วสิอยู่ได้เป็พันปี คนเช่นเ้าจะตายง่ายๆ ได้อย่างไร”
“...” เ่ิูพูดไม่ออก
คำพูดมันก็ดีอยู่หรอก แต่ทำไมฟังแล้วไม่รื่นหูเลยนะ
เ้ากำลังยกยอข้าหรือด่าข้ากัน
“ตัวเ้ามีกลิ่นแปลกๆ นะ” เ่ิูดม “เหมือนกลิ่นดอกไม้หอม ่นี้ฝึกจัดดอกไม้หรือ?”
“โย่ว จมูกไวดีนี่ เหมือนหมาเลยนะเ้า!” ซิ่งเอ๋อร์นำทางอย่างดีใจจนเนื้อเต้น ไม่วายหันมาด่าไปที
“โฮ่งๆ!” หมาบื้อเสียวจิ่วเห่าสองทีอย่างไม่พอใจมาก แสดงออกชัดเจนว่าอย่าด่าหมาตามใจชอบสิ
ซิ่งเอ๋อร์หัวเราะเฮฮา
หลิวจงหยวนยกมือปิดปาก
การปรากฏตัวกะทันหันของเ่ิูทำให้่เวลาอันมืดมนและกลัดกลุ้มของคนทั้งคู่สลายไป จิตใจกลับมายินดีอย่างไม่เคยเป็มาก่อน
ไม่นานนักก็มาถึงหน้าหอบัญชาการพลังภายใน
หลิวจงหยวนตบบ่าเ่ิู “เอาล่ะ น้องเย่ ข้าส่งเ้าที่นี่แหละ เื่ต่อจากนี้ท่านชายหลิวจะคุยกับเ้าเอง...หมดธุระเมื่อไรมาร่ำสุรากับข้าที่ค่ายทัพหน้า พี่น้องข้า”
“ตามที่เ้าว่า” เ่ิูเอ่ยกลั้วหัวเราะ
สำหรับแม่ทัพกองโจรผู้เงียบงันและตรงไปตรงมาเช่นหลิวจงหยวน เ่ิูย่อมรู้สึกดีกับเขาแน่นอน
หลิวจงหยวนหัวเราะลั่นแล้วจากไป
ซิ่งเอ๋อร์พาเ่ิูเข้าหอบัญชาการไป
ชั้นสอง
ผลักประตูห้องออก
ท่านชายหลิวผู้นั่งอยู่หน้าโต๊ะกำลังยกพู่กันวาดภาพอยู่ เขาสวมอาภรณ์ขาวหมดจด
“มาแล้วหรือ นั่งสิ โหวเย่”
เขาชี้เบาะนั่งผ้าฝ้ายด้านหน้า
เซียนภาพเป็คนแรกที่เห็นเ่ิูแล้วเงียบไม่ใส่ใจเหมือนเดิม
เ่ิูสะอึกกับคำว่า ‘โหวเย่’ เล็กน้อย เขานั่งลงแล้วถามอย่างรีบร้อน “ท่านชายหลิว เกิดอะไรขึ้นหรือ? กองทัพเลื่อนยศข้าคราวนี้ ลวกๆ ไปหน่อยหรือเปล่า?”
...
...
ครึ่งชั่วยามต่อมา
เ่ิูเดินออกจากสำนักเ้าด่าน
ย่ำย่างไปตามเส้นทางแสนคุ้นเคย เขามองคนเดินผ่านไปมา กลิ่นอายของโลกมนุษย์ทำให้เขาผู้ถูกแยกจากโลกมาหนึ่งเดือนเต็มรู้สึกคุ้นเคยเป็ที่สุด
หาของว่างกินตามแผงลอยข้างทางเสร็จแล้วนั้น เด็กหนุ่มถึงค่อยเดินกลับหอคอยอาชาขาว
ไม่ได้กลับไปมาหนึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้ว่าไป๋หย่วนสิงกับอูหม่าจะเป็เช่นไรบ้าง
เ่ิูไม่คิดอะไรอื่นเลยนอกจากอยากอาบน้ำแล้วนอนสักงีบ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
หอคอยอาชาขาวตระหง่านอยู่ไกลๆ
กระแสคนด้านหน้าเขาแน่นขนัดขึ้นทุกที
“อืม? เหมือนจะเกิดเื่อะไรขึ้นนะ? ทำไมข้างหอคอยอาชาขาวถึงมีคนเยอะขนาดนี้ได้เล่า?” เ่ิูพบว่ารอบด้านหอคอยอาชาขาวมีคนยืนอยู่จำนวนมาก ต่างก็เบียดเสียดไม่หยุด เขาได้ยินทั้งเสียงร้องไห้แว่วมา และเสียงตวาดลั่นกับก่นด่าและสาปแช่ง
อะไรกัน?
เ่ิูใจเต้น เขาเบียดผู้คนเข้าไปด้านในวงล้อม
พลันก็รู้ว่าเสียงร้องไห้นั้นดังมาจากด้านใน
“ใต้เท้าไป๋ ท่านเป็พยานให้ข้านะ สามีข้าไม่ได้ขโมยเบี้ยจริงๆ เบี้ยพวกนี้เป็ค่าแรงที่ท่านมอบให้ข้านะ ใต้เท้าไป๋ ท่านยืนยันให้ข้าด้วยเถอะ” เสียงอันหวาดกลัวจนสั่นเทิ้มคลอเสียงร้องไห้โฮ แต่เ่ิูฟังออกในทันทีว่าเป็เสียงคนรับใช้หญิงอูหม่าที่เขาจ้างไว้?
ปัญหาอะไรกัน?
เขาเบียดคนมาจนถึงแถวหน้าสุด แต่ไม่แสดงตัว เพียงแต่มองสถานการณ์อย่างเงียบเชียบเท่านั้น
ประตูหอคอยอาชาขาว อูหม่านอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น น้ำตาหลั่งไหลเต็มหน้าอย่างทุกข์ทน สองมือกอดขาทาสกระบี่อาชาขาวไป๋หย่วนสิงไว้แน่น นางอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
อีกด้านหนึ่ง พลทหารหน่วยตรวจตราพลาธิการล้อมทั้งอูหม่าและไป๋หย่วนสิงไว้ แล้วยังมีชายฉกรรจ์อายุน่าจะประมาณสี่สิบห้าที่เนื้อตัวอาบไปด้วยเื เขาถูกซ้อมจนหมดสติไป ตะขอเหล็กเสียบทะลุไหล่ เขานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เืสดแดงฉานพรั่งพรูจากาแ อาบเคลือบพื้นกระเบื้องเป็สีแดง สภาพอเนจอนาถจนทนมองไม่ได้ น่ากลัวว่าคงเหลืออยู่แค่ครึ่งชีวิตแล้ว...
จากเสียงร่ำไห้แทบขาดใจของอูหม่า ชายฉกรรจ์ที่นอนปางตายน่าจะเป็สามีของนาง
ไป๋หย่วนสิงใบหน้าโกรธขึ้งยามว่า “พวกเ้าจับคนโดยไม่รู้ถูกผิดได้อย่างไร? เบี้ยนั่นข้าให้อูหม่าเอง พวกเ้าจับผิดตัวแล้ว”
“จับผิดตัว?” ทหารสวมเกราะผู้นำแถวหัวเราะเย็น “บนเบี้ยมีสัญลักษณ์ของฝ่ายพลาธิการ เป็เบี้ยหวัดที่ฝ่ายพลาธิการจัดให้ทัพหน้าไม่ผิดแน่ แต่ดันมาอยู่ในมือคนชั้นต่ำ” เขาใช้แส้ชี้ชายฉกรรจ์ที่นอนสลบอยู่ แล้วเงื้อแขนหวดลงไปอีกครั้ง ชายผู้หมดสติมีรอยแส้อยู่บนตัวนับไม่ถ้วนเพิ่มมาอีกหนึ่ง อูหม่ากรีดร้อง นางพุ่งเข้าหาร่างชายที่นอนอยู่หวังจะบังแส้ แต่กลับถูกทหารเกราะคนนั้นถีบจนกลิ้งไป ทหารเกราะเหยียดยิ้ม “ทหารยังไม่ได้รับเบี้ยเลย แต่มันกลับไปอยู่ในมือเขา ไม่เรียกขโมย แล้วให้เรียกว่าอะไร?”
“เ้า...เ้ายังไม่ทำเื่ให้ชัดเจนเลย ทำไมโบยคนอีกแล้ว?” ไป๋หย่วนสิงทั้งใทั้งโมโห “นั่นเป็เบี้ยที่ข้าได้มาจากฝ่ายพลาธิการเมื่อสายนี้ เอามาเป็ค่าแรงชดเชยให้อูหม่า มีบัญชีตรวจสอบได้ทั้งนั้น พวกเ้า...”
“มีบัญชีตรวจสอบได้?” ทหารเกราะส่งเสียงถุย เขายกแส้พลางหัวเราะร่า “วันนี้ฝ่ายพลาธิการไม่ได้ให้เบี้ยกับใครทั้งนั้น ข้าจะถามเ้าข้อหนึ่ง เ้าไปเอาเบี้ยนั่นมาจากไหน? เฮอะๆ ใต้เท้าข้ากำลังตรวจสอบเบี้ยทหารที่ตกค้างนะ ไม่นึกเลยว่าเ้าจะจงใจโผล่หัวออกมาเอง ที่แท้ก็คือเ้าทาสกระบี่ เป็ตัวต้นตอแผนชั่วสินะ ดียิ่ง ในเมื่อเ้ายอมรับเองแล้ว เช่นนั้นเงินนั้นก็เป็เ้าที่ให้นังหญิงปากร้ายนี่ เช่นนั้นก็ตามข้ากลับไปดีๆ เสีย สาธยายความผิดมาให้หมด!”
ไป๋หย่วนสิงอึ้ง จากนั้นจึงเข้าใจบางอย่าง
กับดัก
เขาตกหลุมพรางเข้าแล้ว
“พวกเ้า...” ไป๋หย่วนสิงตัวสั่นเทิ้ม เขาชี้หน้าทหารเกราะนายนั้นแล้วว่า “พวกเ้าจงใจวางแผนชั่ว พวกเ้า...”
----------
เชิงอรรถเล็กน้อย
เทียบบรรดาศักดิ์แบบขุนนางไม่นับขุนพลระหว่างไทยกับจีนได้ประมาณนี้ค่ะ
หวัง (อ๋อง) = กษัตริย์, สมเด็จเ้าพระยา
กง = เ้าพระยา
โหว = พระยา