ตัวละครในครั้งนี้มีการกำหนดค่าตัวละครมาด้วย ซึ่งก็คือซึนเดะเระ
เมื่อเห็นศัพท์นี้ ก็ทำให้หร่านซวี่จือเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง คำโบราณว่าไว้ดี เด็กที่ร้องไห้เป็จะได้กินลูกอม แต่ความซึนเดะเระนี้ส่อถึงการที่ปิดบังทุกเื่ราวจากผู้อื่นซึ่งมันจะส่งผลให้การทำภารกิจนั้นไม่ราบรื่นนัก
ภารกิจเริ่มต้นขึ้นใน่เวลาก่อนที่จะเจอกับจินเฟิง หร่านซวี่จือจึงมีเวลาสามวันในการเตรียมตัวเพื่อต้อนรับจินเฟิง และก่อนหน้านั้น เขาจำเป็ที่จะต้องรู้ทุกเื่ราวที่เกิดขึ้นให้ครบถ้วน
ร่างเดิมของหร่านซวี่จือนั้น แม้จะเป็เ้าสำนักชิงหยาเก๋อคนปัจจุบัน แต่เสียดายเป็เพียงลูกผู้ลากมากดี อีกทั้งยังมีรสนิยมความชอบในเพศเดียวกัน แต่ร่างเดิมจะไม่แตะต้องคนในใต้บัญชาของตน เขาชื่นชอบผู้ชายประเภทที่องอาจห้าวหาญที่มีความเป็ชายแบบนั้น ส่วนเื่ที่ว่าเขาอยู่บนหรือล่าง เื่นี้ก็ยังไม่แน่ใจนัก
กิจการของเยวี่ยชุนโหลวไม่ดีมาโดยตลอด หญิงสาวและขันทีทั้งหลายในนั้นไม่มีใครชอบหร่านซวี่จือ เพราะว่าบุคลิกนิสัยของร่างเดิมนั้นค่อนข้างมืดมนและอ่านไม่ออก นิสัยมุทะลุโหดร้ายและน่ากลัวเป็อย่างมาก ในตอนนั้นนอกจากจินเฟิง ก็ไม่มีใครยินยอมที่จะเป็มิตรกับเขา
หลังจากที่หร่านซวี่จือลงมาจากรถม้า เขาก็จัดแจงเสื้อผ้าของตนเอง จากนั้นก็เดินไปยังเยวี่ยชุนโหลว
กิจการของเยวี่ยชุนโหลวนั้นแย่จริง แม้ว่าจะมีหญิงคณิกาและขันทีมากมาย แต่แเื่กลับน้อยมาก และร่างเดิมก็ไม่มีความรับผิดชอบต่อการดำเนินกิจการจึงทำให้กิจการนั้นย่ำแย่ลงทุกวัน
เมื่อหร่านซวี่จือเดินไปถึงห้องของตนเอง เขาอยากดูทะเบียนรายชื่อของคนในหอจึงหันไปเอ่ยถามขันทีข้างกายตนเอง “ที่นี่มีคนทั้งหมดเท่าไรหรือ? ”
ขันทีคนนั้นตัวสั่นงันงกเมื่อได้ยินคำถามของหร่านซวี่จือจึงเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ “น่าจะ…ราวยี่สิบสามสิบคนขอรับ ข้าน้อยเองก็ไม่แน่ใจ ท่านลองตรวจดูจากสัญญาซื้อขายสิขอรับ”
หร่านซวี่จือขมวดคิ้ว ขันทีคนนี้ชื่อว่า หวังเซวียน เป็คนรับใช้ที่ติดตามร่างเดิมอยู่ ขณะเดียวกันก็เป็มือซ้ายคอยช่วยเหลือร่างเดิมดำเนินกิจการของเยวี่ยชุนโหลว จะไม่รู้แม้กระทั่งเื่นี้เลยเชียวหรือ?
หรือว่า ในอดีตที่ผ่านมาร่างเดิมไม่เคยรู้เื่เหล่านี้อย่างชัดเจนมาก่อน?
ขณะที่คิดอยู่ในใจ หร่านซวี่จือก็เดินไปข้างเตียงและเปิดลังออก แล้วหยิบสัญญาซื้อขายตัวออกมาปึกใหญ่
“หวังเซวียน เ้าช่วยข้าอ่านรายชื่อเหล่านี้ให้ข้าฟังตอนนี้หน่อย” หร่านซวี่จือเอ่ย
หวังเซวียนเอ่ยอย่างอ้ำอึ้ง “ข้าน้อย…ข้าน้อยอ่านเขียนไม่ได้ ท่านลืมไปแล้วหรือขอรับ? ”
หร่านซวี่จือชะงักไป
เื่นี้ไม่มีอยู่ในความทรงจำของร่างเดิม เห็นทีร่างเดิมจะไม่เคยเข้าใจลูกน้องของตนเองมาก่อนเลย…
หวังเซวียนเห็นหร่านซวี่จือสีหน้าไม่ค่อยดี ท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนไปกะทันหัน เขารีบคุกเข่าลงตรงหน้าหร่านซวี่จือแล้วเอ่ยอย่างหวาดกลัว “ข้าน้อยไม่ได้เื่เอง! ขอท่านทำโทษข้าน้อยได้เลย! ”
หร่านซวี่จือยังไม่ทันตั้งตัวจึงใ เขามองหวังเซวียนที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ด้วยแววตาประหลาดใจ จู่ๆ ก็นึกได้ว่านิสัยของร่างเดิมคงน่ากลัวมาก และก่อนหน้านี้หวังเซวียนคงทนทุกข์ไม่น้อย
หร่านซวี่จือถอนหายใจแล้วรีบพยุงหวังเซวียนลุกขึ้น “เื่เล็กน้อย ไยต้องทำเช่นนี้? ”
“แต่ก่อนข้าไม่ดีเอง ต่อไป เ้าไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้” หร่านซวี่จือทำเสียงตนเองให้อ่อนลงแล้วเอ่ยกับหวังเซวียน “เ้าออกไปก่อนเถอะ”
หวังเซวียนโล่งอกแต่สีหน้ายังคงซีดขาว แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไปด้วยท่าทีระมัดระวังราวกับเพิ่งผ่านเคราะห์กรรมอะไรมา
หร่านซวี่จือใช้พู่กันจดข้อมูลคร่าวๆ ของคนทั้งหมดลงบนเล่มสัญญาซื้อขายตัว จากนั้นจึงเรียกลำดับต้นๆ ของเยวี่ยชุนโหลวมาพบตนเองที่ห้อง
เยวี่ยชุนโหลวมีแนวหน้าทั้งหมดห้าคนเป็ชายสองหญิงสาม รายได้ของเยวี่ยชุนโหลวนั้นพึ่งพาแนวหน้าทั้งห้าคนนี้เสียเป็ส่วนใหญ่
เมื่อทั้งห้าคนมาถึง หร่านซวี่จือก็สำรวจเล็กน้อย ทุกคนล้วนมีเสน่ห์ใช้ได้เลยทีเดียว แต่คนที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็คนที่ยืนอยู่ตรงริมสุด
คนคนนี้ชื่อ หรวนเสี่ยวเหอ ดูแล้วรูปโฉมงดงามเกลี้ยงเกลา มีรูปร่างเพรียวบางและผิวพรรณขาวผุดผ่องดุจหิมะ ริมฝีปากบางสีระเรื่อดุจท้อแดงนั้นเพริศพริ้งหาใดเปรียบ คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังเกร็งเป็อย่างมาก ขนตายาวนั้นกำลังสั่นไหว
หร่านซวี่จือใช้นิ้วลูบคางตนเอง
หรวนเสี่ยวเหอคนนี้ คือคนที่หลงรักจินเฟิงในชาติที่แล้ว แต่กลับถูกจินเฟิงฆ่าตายกับมือ
หรวนเสี่ยวเหอคือชายคลั่งรักผู้หนึ่ง หลังจากที่ตกหลุมรักจินเฟิงแล้วก็คอยคิดแทนเขาไปเสียทุกอย่าง การที่หรวนเสี่ยวเหอทำดีกับจินเฟิงนั้นล้วนอยู่ในสายตาของผู้คน ร่างเดิมเองก็รู้ชัดแจ้งดี แต่อาศัยการที่จินเฟิงให้ความเคารพตนเอง จึงทำให้หรวนเสี่ยวเหอได้รับความลำบากอยู่เสมอ กระทั่งเคยคิดอยากให้คนรุมกระทำชำเราเขา ทำให้เขาอับอายขายขี้หน้า
หรวนเสี่ยวเหอคือเกอิชาในเยวี่ยชุนโหลวซึ่งเขาขายศิลปะไม่ได้ขายร่างกาย เหล่าบรรดาคุณชายเศรษฐีหอบเงินพันชั่งเพียงเพื่อแลกกับรอยยิ้มของโฉมงาม ล้วนถูกหรวนเสี่ยวเหอปฏิเสธทั้งหมด
หากจินเฟิงมาเกิดใหม่ก็คงคิดหาหนทางเพื่อตอบแทนเขาแน่นอน
หากเป็เช่นนี้ หร่านซวี่จือก็ไม่ควรปฏิบัติตัวแย่ๆ กับหรวนเสี่ยวเหอ
“เ้า…” หร่านซวี่จือกำลังจะเอ่ยก็เหลือบไปเห็นหรวนเสี่ยวเหอลูบมือของตนเองเบาๆ มือคู่นั้นมีแต่าแ เมื่อมองดูแล้วก็สร้างความน่าใให้เป็อย่างมาก
หร่านซวี่จือขมวดคิ้ว “เสี่ยวเหอ เกิดอะไรขึ้นกับมือของเ้าหรือ? ”
หรวนเสี่ยวเหอถูกเรียกชื่อกะทันหันถึงกับตัวสั่นเทา เขาเงยศีรษะด้วยความเกรงกลัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยความหวาดกลัว “เรียนนายท่าน เพราะข้าดีดพิณและไม่ทันระวัง…”
เครื่องดนตรีที่หรวนเสี่ยเหอถนัดคือกู่เจิง ความสามารถในการดีดพิณก็นับว่าไม่เป็สองรองใคร หากจะบอกว่าไม่ทันระวังจึงถูกสายพิณทำให้ได้รับาเ็ ก็ไม่น่าจะเป็ไปได้
หร่านซวี่จือเองย่อมเข้าใจตรงนี้ดี “บอกความจริงมา”
หรวนเสี่ยวเหอร่างกายสั่นเทาอยู่อย่างนั้นแต่กลับไม่กล้าเอ่ยปาก
หร่านซวี่จือขมวดคิ้วเคร่งเครียดกว่าเดิม “หากเ้าไม่บอกข้า ข้าจะทำโทษเ้าแล้วนะ”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ใบหน้าของหรวนเสี่ยวเหอถึงขั้นซีดจนไร้สีในพริบตา แล้วมองหร่านซวี่จืออย่างตกตะลึง ตัวเขาสั่นอย่างรุนแรง และคุกเข่าลงทันใดเหมือนกับหวังเซวียนก่อนหน้านี้ ขนตามีแต่หยดน้ำตาซึมออกมา “นายท่าน นายท่าน ไว้ชีวิตข้าด้วย”
หญิงสาวชุดแดงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ทนดูต่อไปไม่ไหว เธอจึงรวบรวมความกล้า แล้วเดินหน้าหนึ่งก้าวและเอ่ย “นายท่านหร่านซวี่จือปล่อยเสี่ยวเหอไปเถอะ หลายวันมานี้ชุดของเสี่ยวเหอขาด และเขาก็ไม่อยากลำบากน้องๆ จึงเย็บเสื้อผ้าเองและถูกเข็มทิ่มจนเป็แผลเช่นนี้”
หญิงสาวชุดแดงคนนี้ชื่อ หว่านซี เป็สหายของหรวนเสี่ยวเหอ เป็หญิงสาวที่นิสัยออกห้าวๆ พูดจาปากตรงกับใจ ตรงไปตรงมา ด้วยเหตุนี้จึงนำพาปัญหามาให้เธอไม่น้อย
“ทำโดนตอนเย็บเสื้ออย่างนั้นหรือ? ” หร่านซวี่จือเอ่ยถาม “ในเมื่อชุดขาด แล้วไยจึงไม่ซื้อชุดใหม่? ”
เมื่อหร่านซวี่จือเอ่ยคำถามออกมา จู่ๆ ก็นึกถึงเหตุผลได้เสียเอง
หร่วนเสี่ยวเหอน่าจะไม่มีเงิน แต่น่าแปลกเสียจริง เป็ถึงอันดับต้นๆ ของหอนางโลม ไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะมีทรัพย์สินเครื่องประดับมีค่าที่เก็บสะสมเองบ้าง หากนำของเหล่านี้ไปแปลงเป็เงินก็น่าจะได้จำนวนไม่น้อยทีเดียว
หร่านซวี่จือคิดเช่นนี้ ระบบก็ชี้แจงคำตอบให้ฟังในความคิด
ระบบ: “คุณรันครับ หรวนเสี่ยวเหอคือชายหนุ่มที่จิตใจดีที่มีความซื่อสัตย์เป็อย่างมาก เพราะความที่เขาไม่เคยรับของกำนัลจากผู้ใด ดังนั้นจึงไม่ได้มีของสะสมครับ”
หร่านซวี่จือ: “ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง”
เมื่อฟังจบ หร่านซวี่จือก็พยักหน้า แล้วหันไปโบกให้ทั้งห้าคนเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไปได้
หว่านซีกำลังอยากพูดอะไรอีก แต่ถูกหรวนเสี่ยวเหอลากออกไปอย่างไม่จำยอม
หร่านซวี่จือนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สานของตนเอง หลับตาลงแล้วเคาะที่วางแขนของเก้าอี้ ผ่านไปชั่วครู่จึงเอ่ยขึ้น “หวังเซวียน ต่อจากนี้ รายได้ส่วนแบ่งของหรวนเสี่ยวเหอเพิ่มให้อีกสามส่วนนะ”
“ขอรับ นายท่านวางใจได้” หวังเซวียนใแต่สีหน้าไม่แสดงอาการแต่อย่างใดและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคารพ