“พังหมดแล้ว...”
ในห้องนั้น เนี่ยเทียนมองกริชเล่มนั้นดับแสงลง หมดสิ้นซึ่งความวิเศษใดๆ ด้วยความงุนงงพลันรู้สึกหดหู่ขึ้นมา
ของวิเศษขั้นกลางในตระกูลเนี่ยมีอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น ของวิเศษขั้นกลางชิ้นหนึ่งที่ท่านตามีไว้เมื่อหลายปีก่อนก็ขายไปแล้วในราคาต่ำแสนต่ำเพื่อใช้ตามหายามารักษาโรค
ในใจเขาเข้าใจดีว่าการที่อันซืออี๋มอบอาวุธวิเศษขั้นกลางชิ้นนี้ให้แก่เขาก็เพราะตอนนั้นเจียงจือซูอยู่ด้วย อันซืออี๋ถึงได้ยอมจ่ายค่าตอบแทนที่แพงขนาดนั้น
อาวุธวิเศษที่มีมูลค่ามหาศาลเช่นนี้เขายังไม่ทันได้สืบเสาะหาความมหัศจรรย์ของมันดีๆ ก็ถูกกระดูกสัตว์นั่นทำลายลงไปเสียแล้ว
“เ้าตัวล้างผลาญ! เ้ามันตัวล้างผลาญ!”
“ฟู่ว!”
สะเก็ดไฟเล็กๆ มากมายกะพริบแพรวพราวออกมาจากกระดูกสัตว์แล้วไปรวมตัวกันอยู่ที่หยดเืสีแดงสดนั่นอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ!”
เขาอุทานด้วยความใ และใช้ปลายนิ้วกดลงไปบนกระดูกสัตว์ที่ร้อนระอุก็ค้นพบทันทีว่าหยดเืที่ก่อนหน้านี้หดเล็กลงไปเยอะมากกลับใหญ่ขึ้นมาอีกไม่น้อย
เขาเข้าใจได้ทันทีว่ากระดูกสัตว์กรีดผ่าห้วงมิติพาเขาไปยังดินแดนลึกลับมหัศจรรย์แห่งนั้น พลังเปลวเพลิงที่สูญเสียไป ยามนี้ได้รับการชดเชยแล้ว
“คงจะไม่ทำให้ห้วงมิติเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกกระมัง?” ใจเขาเต้นระรัวอย่างรุนแรง
การรอคอยอย่างยากลำบากตลอดสามเดือนของลี่ฝานก็เพื่อรอให้ห้วงอากาศเกิดแยกตัวอีกครั้ง ตอนนี้แม้ว่าลี่ฝานจะจากไปแล้วทว่ารอบด้านตระกูลเนี่ยยังคงมีผู้ฝึกลมปราณซึ่งมีที่มาไม่แน่ชัดหลายคนคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ
ผู้ฝึกลมปราณเหล่านี้ล้วนเดินทางมาก็เพราะคลื่นความผิดปกติของห้วงมิติที่เกิดขึ้นในตระกูลเนี่ย!
หากตระกูลเนี่ยเกิดรอยแยกของห้วงมิติอีกครั้งเกรงว่าหลังจากลี่ฝานกลับสำนักหลิงอวิ๋นไปแล้ว ผู้ฝึกลมปราณเ่าั้ก็คงบุกเข้ามาในตระกูลเนี่ยเพื่อสืบหาความลับของการเปลี่ยนแปลงทางห้วงมิติโดยไม่สนใจสิ่งใดทันที
ด้วยพลังอำนาจของตระกูลเนี่ยย่อมไม่มีทางสกัดกั้นเอาไว้ได้อย่างแน่นอนและครั้งนี้ก็อาจเป็การเปิดเผยความลี้ลับของกระดูกสัตว์ของเขา
“ไม่นะ! อย่าเด็ดขาดเชียว!”
ใช้ท้องนิ้วกดกระดูกสัตว์เอาไว้แน่น ในใจของเขาร่ำร้องอ้อนวอนไม่้าให้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นอีกแม้แต่นิดเดียว
แม้ว่าตัวเขาเองก็อยากไปสืบหาความมหัศจรรย์ของดินแดนลึกลับแห่งนั้นต่อ แต่ยามนี้ไม่ใช่่เวลาที่เหมาะสมนัก หากกระดูกสัตว์ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของห้วงมิติ เขาจะก็ตกไปอยู่ในน้ำวนแห่งความวุ่นวายที่ยิ่งใหญ่นั้นทันที
กระดูกสัตว์ที่เริ่มร้อนแผดเผามากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับได้ยินเสียงะโในใจของเขา
ความเปลี่ยนแปลงที่เขาเป็กังวลสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เกิดขึ้น หลังจากที่เืหยดนั้นรับเอาพลังเปลวเพลิงที่ได้จากกริชตะวันแดงนั้นไปหมดแล้วกระดูกสัตว์ก็กลับคืนสู่ความปกติอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
เนี่ยเทียนที่กระวนกระวายอยู่ไม่สุขไม่กล้าแม้แต่จะใช้จิตไปัักับเืหยดนั้น รีบเอากระดูกสัตว์เก็บเข้าไปไว้ในถุงคาดเอวโดยเร็ว
รออีกครู่หนึ่งจนกระทั่งกระดูกสัตว์ไม่ปล่อยความร้อนออกมาอีกและไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านั้น เขาถึงได้คลายใจลงอย่างแท้จริง
“เป็แบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ หากยังอยู่ในจวนตระกูลเนี่ยต่อไปก็ไม่สามารถเสาะหาความมหัศจรรย์ของกระดูกสัตว์ได้อีก ต้องคิดหาวิธีอื่นเสียแล้ว”เขาขมวดคิ้วคิดหนัก
เพียงแต่ขบคิดอยู่นาน เขาก็ยังหาวิธีดีๆ ไม่ได้
เขายังเด็กนักอีกทั้งตอนนี้ก็มีตบะแค่หลอมลมปราณหก ผืนป่ากว้างใหญ่ที่อยู่ระหว่างเมืองเฮยอวิ๋นและเขาหลิงอวิ๋นแห่งนั้น ก็มักจะมีผู้ฝึกลมปราณของสำนักหลิงอวิ๋นและเมืองเฮยอวิ๋นเข้าออกเป็ประจำ หากเขากระตุ้นให้ห้วงมิติเกิดการเปลี่ยนแปลง เป็ไปได้มากว่าจะถูกผู้ฝึกลมปราณผู้แข็งแกร่งเ่าั้จับได้
และหากผู้ฝึกลมปราณของสำนักหลิงอวิ๋นเจอตัวเขาเข้า ความปลอดภัยของตัวเองนั้นอาจจะพอรับรองได้ ทว่าเื่ที่มีของประหลาดอยู่กับตัวย่อมยากที่จะปิดบังเอาไว้ได้อีก
หากถูกผู้ฝึกลมปราณของตระกูลอันและตระกูลอวิ๋นจับตัวไป เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดกลับมาที่ตระกูลเนี่ยอีก
ผืนป่ารกร้างทางทิศเหนือของเมืองเฮยอวิ๋นมักจะมีสัตว์วิเศษออกมาหาอาหารกินเป็ประจำ คิดจะสืบหาความมหัศจรรย์ของกระดูกสัตว์ที่นั่นความเป็ไปได้ที่จะจบชีวิตก็ยิ่งสูงเข้าไปใหญ่
“สุดท้ายก็ยังเป็เพราะว่าความสามารถไม่มากพอ...”
คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าไปจากเมืองเฮยอวิ๋นในตอนนี้เพื่อหาสถานที่เงียบๆ ไร้ผู้คนทำความเข้าใจกับความลึกลับของกระดูกสัตว์ ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนักจึงทำได้เพียงถอดใจก่อนชั่วคราว
“ทำความเข้าใจกับความลับของหมัดพิโรธรูปแบบที่หนึ่งนั่นก่อนดีกว่า รอให้ความสามารถมากพอเมื่อไหร่ค่อยออกไปสืบหาความมหัศจรรย์ในกระดูกสัตว์นอกเมืองเฮยอวิ๋น”
เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็ปรับลมหายใจให้มั่นคงหลังจากโยนเื่ความลี้ลับของกระดูกสัตว์ทิ้งไปชั่วคราวก็เริ่มสงบสติอารมณ์ทดลองสร้างอารมณ์โกรธขึ้นมาเต็มหัวใจ
ไม่นานอารมณ์ความโกรธแค้นพลุ่งพล่านไม่ยินยอมก็ค่อยๆ กำเนิดขึ้นมาในใจของเขา
เขาย้อนนึกถึงท่าทางของมือั์ซึ่งชูขึ้นฟ้าข้างนั้นที่ได้เห็นในดินแดนลึกลับ แล้วค่อยๆ ยกแขนตัวเองชี้ขึ้นไปบนเพดานด้วยท่าทางเลียนแบบที่เหมือนยิ่งนัก
ขณะที่อารมณ์โกรธาบ้าคลั่งสะสมได้ถึงระดับหนึ่ง หลังจากที่ดวงตาของเขาคล้ายมีไฟโทสะลุกไหม้โหมตลบ เขาก็พลันััได้ว่าพลังิญญาในมหาสมุทริญญาตรงจุดตันเถียนไหลไปยังแขนข้างที่ยกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
“โฮก!”
เขาคำรามอย่างคลุ้มคลั่งออกมาอย่างมิอาจควบคุมตัวเองได้ อารมณ์โกรธแค้นฉุนเฉียวไหลทะลักจากหัวใจไปสู่เส้นลมปราณหลอมรวมเข้ากับพลังิญญา
ปราณดึกดำบรรพ์เปล่าเปลี่ยวระลอกหนึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา เขาในยามนี้ดุจดังได้แปลงกายมาเป็จวี้หลิง[1]ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคดึกดำบรรพ์ห้าวหาญถึงขั้นกล้าแก่งแย่งเอาชนะฟ้าดิน!
พลังิญญาไหลกรากไปยังหมัด คล้ายสูญเสียการควบคุมความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกระตุ้นให้เขาฮึกเหิม!
เขาััได้ว่าในหมัดของเขาแฝงเร้นไว้ด้วยคลื่นพลังิญญาที่บ้าคลั่งระลอกหนึ่งซึ่งจำเป็ต้องระบายมันออกมา!
หมัดข้างนั้นของเขากำเข้าหากันแน่นแล้วกระแทกลงไปบนโต๊ะหินสี่เหลี่ยมที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดอย่างแรง พละกำลังทั้งหมดในกำปั้นพลันพบช่องทางระบายออก
“เพล้ง เพล้ง!”
โต๊ะหินแข็งแรงทนทานที่ใหญ่พอๆ กับบานประตูแตกกระจายออกเป็เสี่ยงๆ ทันใดนั้นเศษหินก้อนเล็กก้อนน้อยะเิว่อนทั่วห้องหิน
หนึ่งหมัดถูกปล่อยออกไป เขาค้นพบว่าพลังิญญาในร่างกลับถูกเผาผลาญไปจนหมด!
พลังิญญาในมหาสมุทริญญาของเขาไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียว!
ร่างของเขาอ่อนยวบลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นสีหน้าซีดขาวไปหมดเห็นได้ชัดว่าใช้พลังมากเกินไป
ข้างกายของเขาคือซากก้อนหินเต็มพื้น เศษหินที่ค่อนข้างใหญ่หลังจากที่ถูกหมัดของเขากระแทกลงไปยังคงมีรอยร้าวแตกกระจายไปทั่ว จากนั้นจึงแตกออกกลายเป็เศษเล็กเศษน้อย
ภายในห้อง อารมณ์โกรธเคืองพลุ่งพล่านที่อยู่ในหมัดของเขากลับรวมตัวกันไม่จางหาย!
ผ่านไปครู่ใหญ่ความเดือดดาลบ้าคลั่งนั้นถึงได้ค่อยๆ จางไปกลางอากาศ
“ช่างเป็พลังอานุภาพที่บ้าระห่ำยิ่งนัก!”
มองห้องที่เต็มไปด้วยเศษหินปลิวว่อนและก้อนหินที่ถูกะเิออกเนี่ยเทียนก็คำรามเสียงหลง
เขารู้ดีว่าโต๊ะหินตัวนั้นทำมาจากหินชิงเหยียนที่มีความแข็งแรงทนทานอย่างถึงที่สุด!
แม้ว่าหินชิงเหยียนจะไม่ใช่วัตถุวิเศษ แต่เนื่องจากมีความทนทานมากพอทุกตระกูลในเมืองเฮยอวิ๋นจึงมองเป็วัสดุที่ไม่เลวในการปลูกสร้าง
ก้อนหินก็คือก้อนหินเมื่อเทียบกับร่างกายของผู้ฝึกลมปราณขอบเขตต่ำเตี้ยอย่างไรก็ต้องเหนียวแน่นแข็งแกร่งมากกว่าอยู่แล้ว
ตามที่เนี่ยเฉี่ยนเคยบอกเอาไว้ ผู้ฝึกลมปราณที่เพิ่งเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นท้าย์ต้องใช้พลังิญญาปกป้องไปทั่วร่างถึงจะสามารถเทียบเคียงระดับความทนทานของหินชิงเหยียนได้
ผู้ฝึกลมปราณขั้นท้าย์ใน่ท้าย ภายใต้การปกป้องร่างกายจากพลังิญญา ร่างถึงจะสามารถแข็งแกร่งได้มากกว่าหินชิงเหยียน
ทว่าในขั้นต่ำกว่าท้าย์ต่อให้มีพลังิญญาโอบล้อมไปทั่วความแข็งแกร่งก็ยังห่างจากหินชิงเหยียนอยู่ไกลโข
กำปั้นที่เต็มไปด้วยความพิโรธของเขาถึงขั้นสามารถทำให้หินชิงเหยียนก้อนหนึ่งะเิออกเป็เศษเล็กเศษน้อยได้ หากกระแทกเข้าไปบนร่างของผู้ฝึกลมปราณ ผู้ฝึกลมปราณก็ต้องอยู่ในขั้นท้าย์่ท้ายขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอดอยู่ได้
ผู้ฝึกลมปราณที่เพิ่งเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นท้าย์เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้อาจจะดับสิ้นได้ในหมัดเดียวทันที!
ส่วนผู้ฝึกลมปราณที่อยู่ในขั้นหลอมลมปราณทั้งเก้าเช่นเดียวกับเขาก็ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
“พลังะเิที่เกิดขึ้นในพริบตาเดียวน่ากลัวเกินไปแล้ว แต่ว่าพลังิญญาที่เผาผลาญไปในหนึ่งหมัดนี้ก็น่ากลัวไม่ต่างกัน! แค่หมัดเดียวก็ดึงเอาพลังิญญาทั้งหมดไปแล้ว หลังจากหมัดนี้ก็จะไม่มีพลังให้โจมตีกลับอีกแล้วทำได้เพียงปล่อยให้คนอื่นฆ่าแกงได้ตามใจชอบ”
“ท่านี้ต้องใช้อย่างระมัดระวัง!”
หลังจากผ่านการดีใจอย่างบ้าคลั่งเขาค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมารู้ว่าเพลงหมัดท่านี้เดิมคือดาบสองคมหากไม่สามารถโจมตีดับชีพได้ในหมัดเดียวตัวเขาก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น
แต่เขาก็ยังััได้ว่าพลังอานุภาพที่แท้จริงของหมัดนี้อันที่จริงแล้วเขายังไม่ได้แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่
เพราะขอบเขตของเขาไม่เพียงพอ พลังิญญาในมหาสมุทริญญาจุดตันเถียนของเขาจึงมีจำกัด หมัดเดียวดึงเอาพลังิญญาทั้งหมดในร่างของเขาไป เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ขีดจำกัดของหมัดนี้
เขาเชื่อว่าหากขอบเขตของเขาสูงมากขึ้น พลังิญญายิ่งเต็มพร้อมมากขึ้น พลังอานุภาพของหมัดนี้ยังต้องเพิ่มขึ้นไปได้อีกหนึ่งระดับ!
“ดินแดนลึกลับแห่งนั้นมือั์ที่ชูขึ้นฟ้ามีทั้งหมดสามสิบสองมือ ทุกมือั์ล้วนมีเพลงหมัดที่เผด็จการไม่ต่างไปจากท่านี้! หากสามารถบรรลุเพลงหมัดของทั้งสามสิบสองมือั์ได้ ถ้าเช่นนั้น...”
คิดมาถึงตรงนี้ั์ตาของเนี่ยเทียนก็ฉายแววกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
ยามนี้เขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งยวดว่าการที่เขาสามารถอดกลั้นกับความล่อลวงใจไม่ได้เปิดเผยความลับของกระดูกสัตว์แก่ลี่ฝาน ไม่ได้บอกกล่าวความจริงเพื่อแลกมาด้วยผลประโยชน์เบื้องหน้าที่แค่เอื้อมมือก็คว้าไว้ได้คือการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดในชีวิตของเขา!
“ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?”
ตอนนี้เองเนี่ยตงไห่เดินเข้ามา มองสภาพระเกะระกะที่เต็มพื้นและถามด้วยความแปลกใจ
“ข้ากำลังทำความเข้าใจกับเพลงหมัดท่าหนึ่ง” เนี่ยเทียนยิ้มอย่างปิติสุข
“เพลงหมัดท่าหนึ่งอย่างนั้นหรือ?” เนี่ยตงไห่มองเศษก้อนหินที่เกลื่อนกลาดเต็มพื้น ความตื่นตะลึงวาบผ่านดวงตา จากนั้นก็พยักหน้าลงแล้วกล่าวว่า“หญิงตระกูลอันนั้นเปลี่ยนลูกไม้มาสืบหาความลับของรอยแตกห้วงมิติจากตัวเ้าของที่นางส่งมาครั้งนี้... ทำให้ข้ามิอาจปฏิเสธได้ข้าจึงรับไว้แทนเ้าแล้ว”
------
[1]จวี้หลิง(巨灵)เทพแห่งสายน้ำที่ผ่าูเาหัวซานในตำนาน เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ขีดจำกัดของหมัดนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้