วันนั้นพวกนางเดินทางมาถึงชายแดนเขต
แล้วเดินทางมาเจอกับคุณหนูใหญ่ของจวนเ้าของที่ดินโจวซึ่งกำลังเดินเล่นอยู่บนถนนเข้าพอดี
ครั้นเห็นพวกเขาที่แต่ละคนรูปร่างหน้าตาไม่เลวมีรูปลักษณ์โดดเด่น คุณหนูใหญ่พลันตาวาวขึ้นมาทันที
แต่นางฉลาดพอที่จะทำแค่มองไม่ได้เข้ามาทักทายเองก่อน
ทว่าหลังจากวันนั้นที่ทั้งสามคนเข้าพักที่โรงเตี๊ยมก็มีเ้าของโรงเตี๊ยมเข้ามาขอความช่วยเหลือบอกว่ามีเ้านายท่านหนึ่งที่เรือนเกิดเื่นิดหน่อย จำเป็ต้องให้เซียนซือมาช่วยจัดการราคาสามารถคุยกันได้
ตอนนั้นหนิงเซียงแค่พูดออกไปโดยไม่ได้ใส่ใจว่ามาหาพวกเขาช่วยเหลือ ค่าจ้างครั้งหนึ่งจะต้องจ่ายห้าร้อยตำลึง เ้าของโรงเตี๊ยมเพียงหัวเราะฮ่าๆแล้วรับปากว่าไม่มีปัญหาๆ
เมื่อเป็เช่นนี้ของยั่วยวนจำนวนมากเช่นนี้ หนิงเซียงจึงตกปากรับคำทำเื่นี้
รอจนกระทั่งเ้าของโรงเตี๊ยมพาพวกนางทั้งสามคนมาถึงเรือนเ้าของที่ดินโจวทานข้าวไปมื้อหนึ่ง หลังจากดื่มชาไปหนึ่งถ้วย แขนขาของทั้งสามคนก็พลันอ่อนปวกเปียก…
ทุกครั้งที่คิดถึงภาพนี้หนิงเซียงก็รู้สึกผิด พูดไปพูดมา นางเป็คนที่โลภมากเกินไป และอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยมานานจึงขาดสัญชาตญาณระมัดระวังตัว
ตอนที่เปิดประตูออกไปแล้วเห็นน้ำแกงสีแดงหนิงเซียงจึงชะงักไป ต่อมาหัวใจของนางเต้นตึกตัก
หม้อไฟเช่นนี้มีเพียงสตรีนางนั้นเท่านั้นถึงจะทำเป็
นางมาแล้ว
“คุณชายหนิงนี่คือสิ่งที่คนครัวเตรียมมาเ้าค่ะ บอกว่าเรียกน้ำย่อยมากเป็พิเศษ”
จิ้งจื่อส่งยิ้มให้อย่างระมัดระวังก่อนจะวางหม้อไฟลงบนโต๊ะ
และด้วยความโลภนางจึงกวาดตามองไปทางโม่เต้าจื่อที่อยู่ไม่ไกลกับชิงเฟิงหลังจากได้รับสายตาเย็นเยียบของโม่เต้าจื่อ นางจึงรีบดึงสายตากลับมา
“แค่กหาก้ากับข้าวอะไร สามารถสั่งคนครัวให้ไปทำได้เลยนะเ้าคะ”
โม่เต้าจื่อที่เห็นหม้อไฟก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหันไปสบตากับชิงเฟิงสายตาของทั้งสองคนแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
อาหารชนิดนี้พวกเขาคุ้นเคยแน่นอนอยู่แล้ว
จะต้องรู้ว่าของพวกนี้มีแค่สตรีแปลกประหลาดคนนั้นเท่านั้นจึงจะสามารถทำออกมาได้ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาทอดทิ้งนางเอาไว้ แต่นางกลับมาช่วยพวกเขา
ในตอนนั้นทั้งสองคนทั้งยินดีทั้งรู้สึกผิด กลับเป็หนิงเซียงที่ได้สติขึ้นมา
“แค่กแค่ก อาจารย์โม่ มาชิมอาหารนี่ดูว่ารสชาติเป็เช่นไร?”
ตอนที่ส่งตะเกียบไปที่มือของเขาก็ส่งสายตาไปให้ด้วย ทั้งสามคนจงใจเสแสร้งทำเป็ทานหม้อไฟ
“อืมเรียกน้ำย่อยได้จริงๆ ”
จิ้งจื่อที่ยืนกล้าๆกลัวๆ อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินก็ถอนหายใจออกมา
ยังดียังดีที่ครั้งนี้คนในโรงครัวทำอาหารมาได้ถูกต้องแล้ว หากทำให้โม่เซียนซือไม่ยอมทานข้าวอีกนางคงอยากฆ่าตัวตายสำเร็จโทษไปแล้ว
“อืมอร่อยมากจริงๆ ของดีเช่นนี้ ผู้ใดเป็คนทำออกมาหรือ?”
ตอนนี้หนิงเซียงยังอยู่ในรูปลักษณ์ของบุรุษโชคดีที่สายตาของคุณหนูใหญ่คนนั้นมองแต่ที่ร่างของโม่เต้าจื่ออยู่ตลอด ไม่เช่นนั้นนางที่เป็บุรุษปลอมคงถูกฉีกหน้ากากไปนานแล้ว
“อาคนที่ทำอาหารชนิดนี้หรือ คงจะเป็คนในโรงครัวเ้าค่ะ” จิ่งจื้อตอบอย่างชื่นชม
“ตบรางวัล”โม่เต้าจื่อพูดคำว่าตบรางวัล ทำให้จิ้งจื่อดีใจมาก
ตอนที่จิ้งจื่อกำลังจะเดินมาด้านหน้าโม่เต้าจื่อกลับเอาตะเกียบมาตบที่โต๊ะอย่างรำคาญ
“อาข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้เลยเ้าค่ะ ออกเดี๋ยวนี้เลย เชิญเซียนซือทั้งสามท่านค่อยๆทานนะเ้าคะ”
เซียนซือสามท่านนี้คือคนสูงส่งจากดินแดนด้านนอกทานข้าว นอนหลับล้วนอยู่ด้วยกัน ส่วนการดูแลของพวกนางที่เป็สาวใช้ พวกเขากลับไม่้า
เมื่อเดินออกมาจากห้องจิ้งจื่อก็ถูกคุณหนูใหญ่เรียกไปพบ
คุณหนูใหญ่สกุลโจวที่ยังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องกำลังทานองุ่นแห้งด้วยความว้าวุ่นใจ เมื่อเห็นจิ้งจื่อเดินเข้ามา จึงะโพุ่งเข้าหา
“โม่เซียนซือเป็อย่างไรบ้างยังไม่ยอมทานข้าวอีกหรือไม่?”
เมื่อเห็นนางเป็กังวลเช่นนี้จิ้งจื่อจึงรีบปลอบใจ
“คุณหนูใหญ่โปรดวางใจเถิดเ้าค่ะคนครัวในวันนี้ตั้งใจมาก ทำน้ำแกงรวมมิตรที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน พวกโม่เซียนซือทั้งสามคนต่างทานกันอย่างเอร็ดอร่อยมากเ้าค่ะเื่นี้ เมื่อครู่ตอนที่ข้าออกมา โม่เซียนซือยังพูดว่าจะตบรางวัลให้แก่คนที่ทำอาหารเชียวนะเ้าคะ”
ดวงตาของคุณหนูใหญ่โจววาววับก่อนจะหัวเราะออกมาฮ่าๆ
“ทานแล้วทานแล้ว พ่อหนุ่มโม่ทานแล้ว ตอน ตอนนี้ดีแล้ว ข้ายังกังวลว่าพ่อหนุ่มโม่จะป่วยการที่เขาไม่ยอมทานข้าวเลยจะทำให้หิวจนเป็อันตรายต่อร่างกาย ขอแค่ทานอาหารได้แล้วถึงตอนนั้นเขาไม่ยอมก็ต้องยอม”
จิ้งจื่อหัวเราะร่วนมีความสุขกับคุณหนูใหญ่ไปด้วย ทั้งสองคนหัวเราะพอสมควรแล้ว คุณหนูใหญ่ก็โยนตำลึงก้วนใหญ่ออกมา
“ตบรางวัลให้คนครัวนั่นทุกคนต่างได้รางวัล โดยเฉพาะคนครัวที่สามารถทำให้พ่อหนุ่มทานข้าวได้จะยิ่งต้องได้รางวัลมากหน่อยเอาตำลึงก้วนนี้ไปให้กับคนคนนี้โดยเฉพาะ ให้เขาทำงานดีๆ ต่อไปหากทำอาหารดีๆออกมาอีก ข้าจะเพิ่มรางวัลให้อีก”
จิ้งจื่อเมื่อได้รับคำสั่งจึงรีบถือของรางวัลพวกนั้นลงไป
สิบกว่าคนในโรงครัวเมื่อเห็นนางเดินมาด้วยสีหน้ายินดีมาแต่ไกล แต่ละคนล้วนตกตะลึงไปแล้วมองไปยังเฉินเนี้ยนหราน ทุกคนต่างกำลังคาดเดา หรือหม้อแกงรวมมิตรนั่นจะเข้าตาแขกห้องหมายเลขสามนั้นจริงๆ !
“วันนี้โรงครัวทำได้ไม่เลวนี่คือรางวัลที่คุณหนูใหญ่มอบให้พวกเ้า ต่อไปทุกคนก็ตั้งใจทำงาน หากทำได้ดีจวนโจวของเราจะดูแลพวกเ้าอย่างดี”
ทุกคนต่างร้องรับคำแต่ละคนต่างแย้มยิ้มดีใจออกมา
ไม่ถูกไล่ออกทั้งยังได้รางวัลจำนวนไม่น้อยมาเปล่าๆ
สำหรับทุกคนแล้วนั่นถือเป็เื่ที่ดีมาก ดังนั้นตอนที่ทุกคนมองไปทางเฉินเนี้ยนหราน จึงมีความเป็มิตรขึ้นมาก
จิ้งจื่อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหยิบตำลึงหนึ่งก้วนออกมาโดยเพาะ ดูแล้วน่าจะมีทั้งหมดสิบตำลึง
“จริงสิพ่อครัวที่ทำอาหารเรียกน้ำย่อยนี้ออกมาเป็ผู้ใด คุณหนูใหญ่กำชับว่าจะมอบรางวัลเป็พิเศษ”
ทุกคนมองไปยังสิบตำลึงนั้นด้วยดวงตาที่เหลือเพียงแค่ความอิจฉา
จะต้องรู้ว่าพวกเขาทุกคนได้เงินไม่ถึงหนึ่งตำลึงคนที่ทำงานเบ็ดเตล็ดอย่างคนล้างผักคาดว่าได้เพียงไม่กี่ร้อยอีแปะแต่เฉินเนี้ยนหรานเพียงคนเดียว กลับสามารถได้ถึงสิบตำลึง
“ขออนุญาตตอบคำถามพี่จิ้งจื่ออาหารในวันนี้ข้าเป็คนลงมือทำเ้าค่ะ” เฉินเนี้ยนหรานก้าวขึ้นไปข้างหน้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
จิ้งจื้อมองสตรีตรงหน้าอย่างพิจารณานางใช้ผ้าพันคอธรรมดาพันเอาไว้ สีหน้าขาวซีดอยู่เล็กน้อย
ที่โดดเด่นที่สุดคือดวงตาเปล่งประกายบนใบหน้าดูมองโลกในแง่ดี
แม้เสื้อผ้าบนร่างกายจะเก่าไปเสียหน่อยทว่าดูสะอาดสะอ้าน ผมถูกเกล้าไปด้านหลัง ใช้เพียงปิ่นไม้ธรรมดาปักเอาไว้แค่มองจากการแต่งตัวก็สามารถแยกออกได้ว่าคนคนนี้เป็แม่ครัวที่เพิ่งจะพาเข้ามาใหม่
“อืมไม่เลว ดูเหมือนเ้ามีความสามารถอยู่บ้าง ใน่นี้ตั้งใจทำงานดีๆทำดีแล้วพวกเ้านายจะตบรางวัลให้ไม่น้อย”
“เ้าค่ะขอบคุณพี่จิ้งจื่อมากนะเ้าคะ”
จิ้งจื่อหมุนตัวเดินออกไปด้วยความพอใจ
เฉินเนี้ยนหรานมองแผ่นหลังของนางอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบก้าวตามไปไม่กี่ก้าวแล้วเรียกนางเอาไว้
“พี่จิ้งจื่อเ้าคะ”
จิ้งจื่อหันกลับมามองอย่างรำคาญพอเห็นว่าเป็สตรีเมื่อครู่ นางจึงเลิกคิ้วขึ้น ในดวงตาแสดงออกมาชัดเจนว่ารำคาญมาก
“งานน่ะทำงานให้มันมากๆ อย่างไรเ้าก็เป็คนที่เพิ่งจะมา แค่อาหารที่ทำออกมาเมื่อครู่ ยังคิดจะกางปีกบินเป็เฟิงหวงมันยังเร็วไป”
เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะกระอักกระอ่วน“พี่จิ้งจื่อเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย เื่นี้เป็กำไรเล็กๆน้อยๆ ของข้า หากไม่รังเกียจที่มันน้อยต่อไปข้ายังต้องให้พี่จิ้งจื่อดูแลนะเ้าคะ”
เฉินเนี้ยนหรานว่าก่อนจะนำตำลึงที่เพิ่งจะได้รับมายัดไปในมือของจิ้งจื่อแล้วเดินเข้าโรงครัวไป
จิ้งจื่อมองตำลึงที่ถูกยัดใส่ในมือริมฝีปากจึงค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น
“อืมไม่เลวๆ ดูแล้วคงเป็คนฉลาด คนที่ฉลาดเช่นนี้กลับมีไม่มากในจวน้าสตรีเช่นนี้มากที่สุด เชื่อฟังและฉลาด จัดการงานได้ หากทำได้ดีบางทีอาจถูกรับเข้าไปด้านใน แล้วเพิ่มตำแหน่งเป็สาวใช้พวกนี้”
ที่จิ้งจื่อมองไม่เห็นคือหลังจากเฉินเนี้ยนหรานหมุนตัว มุมปากก็กระตุกยิ้มเย็น หาก้าเข้าจวนสกุลโจวได้ไวที่สุดแน่นอนว่าจะต้องได้รับความเชื่อใจจากพวกนาง
และความเชื่อใจที่ไวที่สุดแน่นอนว่าวิธีง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ ให้ของขวัญ!
ตอนบ่ายทำงานอย่างอื่นพวกนางที่ถูกจ้างมาเป็แม่ครัวจะถูกปล่อยให้กลับเรือน ก่อนจะกลับ ก็กำชับให้พรุ่งนี้เช้ามารายงานตัว
หลังจากเดินออกมานางไปรวมตัวกับพวกจินจื่อ ลิ่วจื่อและสาวใช้สีตรงที่ได้นัดแนะกันเอาไว้
“บอกข่าวที่พวกเ้าได้มามีสิ่งใดบ้าง” เฉินเนี้ยนหรานถามนิ่งๆ พวกนางเดินไปพลางรายงานข้อมูลที่ได้ไปสืบมาในวันนี้ด้วยเสียงเบา
เสี่ยวลิ่วพูดก่อน
“ข้าพบว่าคนดูแลความปลอดภัยในจวนนี้ล้วนแต่เป็ยอดฝีมือหากข้าสู้กับพวกเขา อย่างมากครั้งหนึ่งก็สามารถล้มได้สามคน หากคนมากกว่านั้นข้าคงทำได้แค่ถูกจับ”
จินจื่อเองก็รายงานเื่ของตนเอง
“วันนี้ข้าทำงานมาทั้งวันได้ไปรับแขกด้วยกันกับคนที่ชื่อซานวาจื่อ ตอนที่ว่างๆ ได้ยินเขาพูดเื่ลับในจวนมาไม่น้อยจากที่ได้ยินมา ่นี้ในเรือนจะจัดงานมงคลแต่ได้ยินซานวาจื่อบอกว่าเ้าบ่าวคนนั้นไม่ค่อยจะยินดีเท่าใดนัก จนถึงตอนนี้ยังคงถูกขังอยู่ในเรือนรับแขก”
เฉินเนี้ยนหรานขมวดคิ้วสาวใช้สีโวยวายออกมาเสียงเบา
“ใช่วันนี้ข้าไปเป็ลูกมือทำงานในจวน ช่วยคนพวกนั้นล้างของ ส่งของขนของขวัญจำนวนไม่น้อย จากที่สาวใช้หลิวที่ทำงานกับข้าพูดของพวกนี้ล้วนแต่เป็ของที่ราชวงศ์ตบรางวัลมาให้ แค่เสื้อผ้าข้าก็ขนย้ายตลอดบ่ายแล้วเพียงแต่คนของราชวงศ์ส่งผ้ามาให้คุณหนูใหญ่เอาไปทำเสื้อผ้า…”
เฉินเนี้ยนหรานเองกลับสูดลมหายใจเย็นๆเข้าปอด
“เ้าของที่ดินคนหนึ่งกลับสามารถมีคนจากเบื้องบนส่งผ้ามาทำเสื้อผ้ามากมายเช่นนี้ราชวงศ์ให้ความสำคัญกับจวนสกุลโจวของพวกเขาจริงๆ ”
“แต่ข้าได้ยินมาว่านี่แค่ส่งมาจากพระราชวังเหมือนจะเป็กั๋วซือท่านหนึ่งส่งมา ซึ่งกั๋วซือดีกับคุณหนูทั้งสามคนมากข้าโชคดีได้เจอกับเ้าของที่ดินโจวในจวนนี้ คุณหนู ท่านว่ามันแปลกหรือไม่ เหตุใดข้าเห็นเ้าของที่ดินโจวพูดจาทำนู่นนี่ มักจะให้ความรู้สึกราวกับเห็นขันที?”
“อีกอย่างนะข้าได้ยินวาจาแล้วมีความเป็สตรีมากจริงๆ ที่สำคัญที่สุดที่คอของเขาไม่มีลูกกระเดือกโผล่ออกมา ใบหน้าดูนุ่มนวลมาก แต่เขาเป็บุรุษจริงๆเื่นี้ไม่ต้องสงสัย”
ใจของเฉินเนี้ยนหรานกระตุก“เ้าจะพูดว่า เ้าเห็นเ้าของที่ดินโจวของจวนสกุลโจวคนนั้น?”
“ใช่เ้าค่ะบุรุษวัยกลางคนตัวเตี้ย อ้วนเล็กน้อย แต่พูดจาไม่มีความเป็ชายชาตรีข้าฟังแล้วหงุดหงิดมากเลย อย่าได้ดูที่คนคนนั้นส่งยิ้มตาหยีมาให้ข้าแต่ตอนที่ข้าถูกเขาจ้อง มักจะมีความรู้สึก…ไม่สบายมากๆ ”
“ท่านว่ามันแปลกหรือไม่ข้าใกล้ชิดคนข้างกายของคุณหนูมาไม่น้อย แม้จะเป็คนที่มีอำนาจอย่างไรข้าก็ไม่ถึงกับใมากเพียงนั้น แต่ยามถูกเ้าของที่ดินโจวปรายตามองมา ข้ากลับมีความรู้สึก…หนาวเหน็บมาก”.
