ตอนที่ 4
ซูอวี่
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่เพียงชั่วพริบตามือแกร่งก็ยกขึ้นจับไหล่เธอทั้งสองข้าง ก่อนจะกระชากตัวเธอเข้ามาใกล้จนแทบจะชนกัน
“กลิ่นเ้า..” เสียงของเขานั้นแ่เบาราวตั้งใจจะกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน
“ข้าไม่มีทางจำกลิ่นกายของเ้าผิดแน่นอน”
เหยาเหยาชะงักอีกครั้ง รู้สึกได้เลยว่าั้แ่พบหน้ากับชายผู้นี้เธอแทบทำตัวไม่ถูก ใบหน้าหวานซีดเผือด ยังไม่ทันที่เธอจะได้หนีหรืออธิบายอะไรต่อมือของซูอวี่ก็เคลื่อนไหวเร็วกว่าความคิด
แควก!~
เขากระชากสาบเสื้อของเธอออกอย่างไม่ปรานี ทำให้เนื้อผ้านั้นขาดสะบั้นเผยผิวเนื้อขาวเนียนที่ยังมีรอยช้ำอยู่บางจุด ดวงตาคมกริบจ้องไปที่เหนือเนินอกข้างซ้ายและที่นั่นเองมันปรากฏรอยปานแดงรูปหัวใจดวงเล็ก ๆ ชัดเจน
“หากเ้าไม่ใช่เฉาซี.. แล้วนี่ละ” เขาจิ้มลงบนปานนั้นเบา ๆ นิ้วชี้ของเขาแตะเนื้อนิ่มราวกับทดสอบว่าของจริงหรือภาพลวงตา
“จะให้ข้าเชื่ออย่างไรว่าเ้าคือคนอื่น”
เหยาเหยาสะดุ้งเฮือกตัวสั่นงันงก สายตาหวาดกลัวสลับสับสน ไม่รู้ว่าควรโกรธ กลัว หรืออับอายมากกว่ากัน แต่เขาที่เห็นท่าทางของเธอนั้นกลับยิ้มออกมาเยือกเย็น รอยยิ้มที่ไม่ได้ดูว่าน่ารัก ไม่ได้ดูว่าอบอุ่น แต่เต็มไปด้วยการประชดและเสียดแทง
“หรือเ้าจะให้ข้าบอกให้ละเอียด” เขาเอียงคอน้อย ๆ ดวงตายังคงจ้องใบหน้าเธอไม่วาง
“ว่าบนร่างเ้าน่ะ มีไฝหรือขี้แมลงวันตรงไหนบ้าง”
เสียงน้ำจากลำธารไหลรินเบา ๆ เหมือนจะกลบความเงียบงันระหว่างทั้งสองเอาไว้ แต่กลับยิ่งขับเน้นให้ความอึดอัดในอกของเหยาเหยาชัดเจนยิ่งขึ้น เด็กเล็ก ๆ ทั้งสองวิ่งมายืนที่ด้านหลังของชายผู้นี้ ทั้งคู่ยืนเกาะชายเสื้อของเขาแน่น สายตาที่มองมาที่เธอนั้นเหมือนลูกกวางน้อยที่เพิ่งรอดจากกับดักหมาป่า แล้วจู่ ๆ ก็ถูกส่งกลับเข้าไปใกล้เขี้ยวเล็บอีกครั้ง มันช่างดูเป็สายตาของคนที่หวาดกลัวเหลือเกิน
เหยาเหยาเม้มริมฝีปากแน่นในยามที่มองใบหน้าของเด็กทั้งสอง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกผิดมากขนาดนี้ ทั้งที่เธอนั้นไม่เคยทำร้ายพวกเขาเลยสักครั้ง ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่เพียงแค่ได้สบตา เห็นรอยแผลจาง ๆ ที่ร่างกายนั้น เห็นแววตาตื่นกลัวนั้น ใจของเธอก็เหมือนถูกมืดกรีดกลางใจจนหายใจไม่ออก
นี่มันเวรกรรมบ้าอะไร ร่างนี้มันไม่ใช่ของฉันแต่เด็กคู่นี้กลับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็หนี้เขาทั้งชีวิต เธอหลุบตาลงสูดหายใจลึก ๆ แล้วเงยหน้ามองซูอวี่
“ถ้า..” เสียงของเธอสั่นนิดหน่อย
“ถ้าหากว่า.. ข้าเป็ฮั่วเฉาซีผู้นั้นจริง ๆล่ะ ท่านจะทำอย่างไรกับข้างั้นหรือ” ซูอวี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นยังคงเ็าเฉียบคม เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยก่อนจะตอบกลับ
“ฆ่า” น้ำเสียงนั้นราบเรียบแต่หนักแน่นดั่งฟ้าผ่า
คำตอบนั้นกระแทกเข้าอกเหยาเหยาอย่างแรง แต่เธอก็ไม่ได้สะดุ้งหรืออะไร เธอเพียงแค่หัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างคนที่นึกสมเพชตัวเอง แล้วพูดประโยคถัดไปโดยที่ไม่ทันได้คิด
“จะฆ่ายังไงล่ะ.. จะให้ดื่มยาพิษอีกอย่างนั้นหรือ”
เวลาหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ซูอวี่ขยับตัวเพียงเล็กน้อยแต่มันกลับทำให้บรรยากาศทั้งหมดเย็นเฉียบลงทันตา ดวงตาคมกริบของเขาจ้องเธอแน่นิ่ง ดวงตาคู่นี้บัดนี้ช่างดูน่ากลัวอย่างที่ไม่คาดคิด มันไม่ใช่สายตาแห่งความสงสัย แต่เป็สายตาแห่งความมั่นใจ
“หึ” เขาหัวเราะแ่ ๆ แต่ใบหน้านั้นแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่าเป็เื่ที่เขาคิดเอาไว้อยู่แล้ว
“เ้ารู้ได้ยังไงว่าเป็ยาพิษ” เขาก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด
“ตอนนั้นเ้าดื่มมันไปอย่างเต็มใจ ไม่มีใครบอกเ้าเลยว่าในนั้นมีอะไร”
“เ้าก็แค่.. ดื่มมัน.. หลับตา.. แล้วค่อย ๆ สิ้นใจไปต่อหน้าข้า”
เหยาเหยาชะงักก่อนจะเดินถอยหลังเล็กน้อย แต่เขาที่ไวกว่าเอื้อมมือมาบีบคางเธอเบา ๆ แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมทั้งเอ่ยเสียงกระซิบเยือกเย็นแตะริมใบหูเธอ
“ใช่มั้ยล่ะ.. เป็เ้าจริง ๆ สินะ เ้ากลับมาได้จริง ๆ ด้วยสินะฮั่วเฉาซี.. กลับมาจากความตายน่ะ”
"ข้า!"
"อย่างคิดโป้ปลด เพราะข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะยั้งมือไม่ฆ่าเ้าได้นานแค่ไหน" ซูอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นก่อนจะปรายตามองเธอด้วยหางตา
"ในเมื่อเ้าหนีความตายมาได้หนึ่งครั้ง ข้าก็จะให้โอกาสเ้าหนึ่งครั้ง เ้าต้องกลับไปกับข้า ไปชดใช้ในสิ่งที่เ้าเคยก่อไว้"
"ข้าไม่อยากกลับไป" เหยาเหยาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด แต่นอกจากที่เขาไม่รับฟังแล้ว เขายังไม่สนใจคำพูดนั้นของเธออีกด้วย
"อ่อ.. ข้าเชื่อว่าอย่างไรเ้าก็จะกลับไป เพราะข้ามีหลายร้อยพันวิธีที่จะพาสตรีน่ารังเกียจเช่นเ้ากลับไป" ซูอวี่โน้มตัวลงไปเล็กน้อยก่อนจะอุ้มลูกแฝดทั้งสองขึ้นมาอุ้มเอาไว้
"หรือเ้าจะลองดูก็ได้นะเฉาซี.. ว่าข้าสามารถทำอะไรกับหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ที่ช่วยชีวิตเ้าเอาไว้ได้บ้าง"
และสุดท้ายแล้วเหยาเหยาก็ต้องยอมรับชะตากรรม เพราะซูอวี่ข่มขู่ว่าหากเธอไม่กลับไปเขาจะทำให้หมู่บ้านนี้จะกลายเป็ทะเลเพลิง
‘ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!’
หลังจากนั้นเพียง 3 ชั่วยาม กองคาราวานพ่อค้าก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางกลับ ซูอวี่เข้าไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านและบอกกับเขาว่าความจริงแล้วสตรีที่พวกเขาช่วยชีวิตนั้น เป็ทาสที่เขาซื้อมาทำงานในเรือพ่อค้า แต่ก่อนนี้มีโจรปล้นระหว่างทางทำให้ทาสนั้นหนีตายและหายไปกันหลายคน
"เื่เป็อย่างนั้นหรือแม่หนูอาเหยา" ท่านตาหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เอ่อ.. คือ.." เหยาเหยามองหน้าซูอวี่สลับกับหัวหน้าหมู่บ้านนิ่ง ๆ
"เ้าค่ะ.. เป็อย่างที่คุณชายรองซูกล่าวมาเ้าค่ะ"
"เข้าใจแล้ว.. อย่างนั้นก็โชคดี"
หลังจากนั้นซูอวี่ก็สั่งลูกน้องให้ประจำที่เตรียมออกเดินทาง โดยมีเธอเดินตามเขาไปช้า ๆ ด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวจนมาถึงรถม้าคันหนึ่ง
“ท่านพ่อ ๆ ท่านแม่เป็ผีเหรอขอรับ” คำถามไร้เดียงสาของเด็กน้อยที่ยังไม่เข้าใจโลกนี้ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ดูอ่อนโยนลงไปมาก
“ท่านแม่ของลูกเป็คน ไม่ใช่ผี” ซูอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นราวกับว่าเขากำลังตอบคำถามที่ธรรมดาที่สุดในชีวิต น้ำเสียงที่เขาใช้กับลูก ๆ ช่างแตกต่างจากที่พูดกับเธอเสียเหลือเกิน
ซูอวี่อุ้มฝาแฝดขึ้นไปนั่งบนรถม้าอย่างนิ่มนวล ก่อนที่มือเล็ก ๆ ของแฝดน้องจะดึงชายเสื้อของพี่ชายเอาไว้แน่น สายตาของเธอมองออกไปข้างนอกอย่างหวาดผวา ในตอนที่ซูอวี่หันหลังเตรียมจะเดินออกจากรถม้าเสียงของซูไป๋จื้อดังขึ้นจากด้านหลัง
“ท่านพ่อขอรับ! เอ่อ.. เสี่ยวซูเหมือนจะไม่อยากให้ท่านแม่ขึ้นมานั่งด้วย.. ขอรับ” เด็กชายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม มือเล็กข้างหนึ่งกุมมือของน้องสาวไว้แน่นขณะที่มืออีกข้างจิกเนื้อตัวเอง
ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้กับลูกชายเล็กน้อยแล้วหันไปมองเสี่ยวซู เขาค่อย ๆ ยกมือลูบผมของลูกสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปใช้มือหนาแกะมือของลูกชายที่จิกเนื้อออกอย่างระมัดระวัง
“งั้นหรือ.. เสี่ยวซู.. ลูกคิดอย่างนั้นหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและใจเย็น เพราะรู้ดีว่าลูกสาวนั้นขี้กลัวมากแค่ไหน
“ดะ.. ได้หรือไม่เ้าคะ” เสี่ยวซูหรือก็คือซูไป๋ฮวาถามออกมาด้วยเสียงเบาหวิว ขณะที่เธอมองไปทางผู้เป็พ่อด้วยสายตามีความคาดหวัง ซูอวี่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียกได้ว่าดังและฟังชัด
“งั้นก็ได้! เพื่อลูก ๆ ของพ่อแล้วมีหรือจะไม่ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องคนสนิท
“หว่างตัน! ให้นางไปนั่งบนรถม้าขนงา”
“แต่รถม้านั่น..” หัวหน้าผู้ติดตามของเขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงลังเล ก่อนที่จะหยุดไปเมื่อได้ยินคำตอบของซูอวี่
“ถ้านางไม่ยอมก็มัดแขนมัดขาแล้วโยนขึ้นไปซะ!”
“เข้าใจแล้วขอรับ”