บัณฑิตก็นับว่าฉลาดมีไหวพริบรีบะโร้องไห้พลางคุกเข่าลงตรงหน้าซูเต๋อเหยียน “ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีไม่ว่าหลิงเอ๋อร์จะเป็หรือตาย ท่านต้องหาคนออกมาและให้คำอธิบายแก่ข้าน้อย มิฉะนั้น...มิฉะนั้นข้าจะเอาหัวโหม่งให้ตายอยู่ที่นี่ขอรับ”
กล่าวจบบัณฑิตก็ทำทีลุกขึ้นจะเอาหัวโหม่งทันที แต่โชคดีที่ซูเฟยซื่อรีบรั้งเอาไว้ซูเฟยซื่อปลอบเขาไม่กี่คำ จึงหันกลับไปมองซูเต๋อเหยียนพลางกล่าวว่า“ในเมื่อท่านพ่อได้มอบอำนาจในการปกครองตระกูลแก่ข้าแล้ว ข้าจะทนมองดูประตูใหญ่ของจวนอัครมหาเสนาบดีถูกคนปิดกั้นไว้ได้อย่างไรนอกจากนี้ท่านพ่อมักจะสอนเราเสมอ ในฐานะขุนนางและบิดาข้าจะทนมองฝูงชนที่มาแสวงหาความยุติธรรมถูกแสงอาทิตย์แผดเผาได้อย่างไรดังนั้นจึงตัดสินใจเชิญพวกเขาเข้ามาทั้งยังจัดเตรียมน้ำชาไว้ให้ ถ้ามีสิ่งใดที่ข้าทำไม่ถูก ขอให้ท่านพ่อลงโทษแล้วเ้าค่ะ”
คำพูดนี้สมเหตุสมผลทั้งยังสรรเสริญซูเต๋อเหยียนต่อหน้าฝูงชนด้วย ซูเต๋อเหยียนไหนเลยจะไม่พอใจ?
นอกจากนี้วิธีการจัดการของซูเฟยซื่อทำให้เขาประหลาดใจจริงๆถึงกับจัดการได้ดีกว่านางแซ่หลี่
คิดไม่ถึงว่าสาวน้อยอายุสิบสามปีคนหนึ่งจะสามารถรักษาสติให้กระจ่างได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ทั้งยังเชิญฝูงชนเข้ามาในจวนอัครมหาเสนาบดีเพื่อปลอบโยนให้สงบลง นอกจากจะช่วยรักษาหน้าตาของจวนอัครมหาเสนาบดีได้แล้วยังสร้างบารมีไว้ในจิตใจของฝูงชนได้อีกด้วย
ดูท่าเขาจะต้องพิจารณาบุตรสาวคนนี้ใหม่เสียแล้ว
ซูเต๋อเหยียนตบไหล่ของซูเฟยซื่ออย่างสบายใจ“เ้าจัดการได้ดีมาก จะมีโทษได้อย่างไร? เฟยซื่อเติบโตขึ้นแล้วสามารถแบ่งเบาภาระให้พ่อได้แล้ว”
ได้ยินวาจานี้นางแซ่หลี่กับซูจิ้งเถียนเกือบจะเป็ลม โดยเฉพาะซูจิ้งเถียน ดวงตาแดงก่ำไปหมดแล้ว
อะไร? นำฝูงชนต่ำทรามเหล่านี้เข้ามาในจวนอัครมหาเสนาบดีเป็สิ่งที่จัดการได้ดีมาก? ถ้าเช่นนั้นนางจะทำอย่างไร? หรือว่าต้องปล่อยให้นางถูกตีเช่นนี้หรือ!
ซูเฟยซื่อยิ้มอย่างเชื่อฟัง“เฟยซื่อเพียงทำหน้าที่ของตนอย่างสุดความสามารถเท่านั้นเองสำหรับเื่นี้จะแก้ไขอย่างไร ยังต้องขอความคิดเห็นของท่านพ่อเ้าค่ะ”
ความหมายในวาจานี้คือเื่วุ่นวายของซูจิ้งเถียนล้วนมอบให้ท่านแล้ว
ซูเต๋อเหยียนไม่ได้โง่สายตาคมกริบตกไปยังร่างซูจิ้งเถียน “ลูกเวร ยังไม่รีบไสหัวออกมาอธิบายให้ชัดเจนอีก”
ทันใดนั้นความสนใจของทุกคนต่างตกไปอยู่บนร่างของซูจิ้งเถียน เห็นแบบนี้แล้ว ซูเฟยซื่อก็ถอยหลังไม่กี่ก้าวโดยมิให้ใครได้ทันสังเกตเร้นกายเข้าไปในฝูงชนถึงกับแฝงไปอยู่ข้างกายซูจิ้งเถียน
เื่ของหลิงเอ๋อร์ต้องมีคำอธิบายในที่สุดแตกต่างเพียงว่าจะใช้วิธีการแบบไหนเท่านั้น
“ท่านพ่อ...”ตอนนี้ซูจิ้งเถียนรู้ว่ากลายเป็เื่ใหญ่แล้ว ใจนไม่กล้าขยับ
แต่นางก็รู้เช่นกันว่าเื่นี้หลบไม่พ้นสิ่งที่ซูเต๋อเหยียนให้ความสำคัญที่สุดคือหน้าตาของตระกูลตอนนี้มีคนมากมายขนาดนี้อยู่ในที่เกิดแหตุ ถ้านางไม่เดินออกไปเอง เกรงว่าซูเต๋อเหยียนจะให้คนมาลากนางออกไป
คิดถึงตรงนี้ซูจิ้งเถียนได้แต่กัดฟันสืบเท้าก้าวออกไปแล้ว
เห็นแบบนี้มุมปากของซูเฟยซื่อก็ยกขึ้นอย่างกระหายเืทันที ที่นางรอก็คือเวลานี้
“กรี๊ด...”เพียงได้ยินเสียงกรีดร้องอนาถเสียงหนึ่ง ไม่รอให้ทุกคนได้สติกลับมา ซูจิ้งเถียนตกลงไปในน้ำแล้ว
“ไอ้หยาน้องสี่ตกลงไปในน้ำแล้ว” ซูเฟยซื่อใจนะโเสียงดังในใจกลับเต็มไปด้วยความสุขราวดอกไม้บาน
ในวันนั้นนางตั้งใจที่จะถ่วงศพของหลิงเอ๋อร์ไว้ในบ่อของสวนบุปผชาติประการแรกสามารถซ่อนศพเอาไว้ก่อนได้ ประการที่สองฝูงชนมากมายขนาดนั้น ถ้าคิดจัดฉากก็ต้องจัดวางไว้ในสวนบุปผชาติถึงจะดี
ด้วยนิสัยของซูจิ้งเถียนขอเพียงกระตุ้นนางนางต้องกระโจนออกมาอาละวาดยกใหญ่ในสวนบุปผชาติแน่
แน่นอนว่าประสิทธิผลของเื่นี้ดีขนาดนี้ นางต้องขอบคุณความร่วมมือของซูจิ้งเถียน คาดไม่ถึงว่ากระทั่งแส้ยังนำมาด้วยทั้งยังฟาดตีนางต่อหน้าธารกำนัลจนสร้างความโกรธเคืองให้กับฝูงชนแทบเป็การใช้วิธีวาดัเติมลูกตาแก่แผนการของนางแล้ว
เื่อาละวาดใหญ่ขนาดนั้นต่อให้นางแซ่หลี่คิดปิดบังก็ทำไม่ได้แล้ว ดังนั้นซูเต๋อเหยียนต้องออกหน้าจัดการแน่นอน
ที่นางรอก็คือ่เวลานี้นางได้ให้เซ่าชิงฉวยโอกาสยามวิกาลทำให้ถุงกระสอบปอของหลิงเอ๋อร์แตกและเอาซากศพของหลิงเอ๋อร์ย้ายออกมาพันไว้บนวัชพืชน้ำอีกที
แบบนี้ซากศพของหลิงเอ๋อร์จะไม่ถูกพบได้โดยง่าย แต่ถ้ามีคนตกลงไปในน้ำอย่างไม่คาดคิด เช่นนั้นก็เป็เื่ที่แตกต่างกันแล้ว
ซากศพของหลิงเอ๋อร์ที่ถูกแช่อยู่ในน้ำเป็เวลาสามวันเต็มๆย่อมขึ้นอืดลอยขึ้นมาตั้งนานแล้ว หน้าตาก็ไม่เหมือนเดิม นางอยากจะดูว่าซูจิ้งเถียนเห็นแบบนี้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ซูจิ้งเถียนถูกซูเฟยซื่อทำให้สะดุดตกลงไปในสระน้ำในใจอดที่จะโกรธไม่ได้ กำลังขึ้นฝั่งก็คิดจะใช้แส้ฟาดซูเฟยซื่อให้ตาย จู่ๆ ตรงหน้าก็ปรากฏใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกตาอีกทั้งยังน่าสยดสยองสุดๆ ใบหน้าหนึ่งเข้ามาในคลองจักษุ
เพียงแต่ใบหน้าดวงนี้ถูกแช่ในน้ำจนอืดบวมและขาวซีดกระทั่งคุณสมบัติทั้งห้าต่างบิดเบี้ยวไปหมดแล้วแต่ลูกตาที่ฝังอยู่ในเนื้อซึ่งหลวมโพรกกำลังไหวระริกจะตกมิตกแหล่ราวกับว่าจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ
นี่...เป็หลิงเอ๋อร์หรือ?
โอ้พระเ้า หลิงเอ๋อร์ตายแล้ว ยังตายอย่างน่ากลัวเช่นนี้
มองดูใบหน้าดวงนี้ที่ยิ่งมายิ่งใหญ่ขึ้นซูจิ้งเถียนซึ่งถูกทำให้ใจนมึนงง จู่ๆ ก็ตระหนักถึงความจริงที่น่าหวาดหวั่นขึ้นมาเื่หนึ่ง
ซากศพของหลิงเอ๋อร์ที่เดิมถูกวัชพืชน้ำพันไว้แต่การที่นางตกลงไปในน้ำนานทำให้มีขนาดใหญ่มากเกินไป ทำให้กระแทกวัชพืชน้ำทั้งหมดกระจายออกพอดี
ซากศพที่ไม่มีโซ่พันไว้ค่อยๆลอยขึ้นไป แต่นาง... กลับค่อยๆ จมลง
ระยะห่างของทั้งสองยิ่งใกล้กันใบหน้าดวงนั้นที่ทำให้ผู้คนอยากอาเจียนยิ่งใกล้เข้ามาด้วย...
ซูจิ้งเถียนใจนทั่วร่างอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้วรีบไต่ไปที่ชายฝั่งอย่างสุดชีวิต “ช่วยด้วย รีบช่วยข้า...”
ช่วยเ้า? ฮึ่มหญิงบ้าอย่างเ้าก็ควรได้รับบทเรียนบ้าง
เมื่อครู่ซูจิ้งเถียนเพิ่งล่วงเกินฝูงชนทั้งหมดไปทำให้ไม่มีใครยินดีที่จะช่วยนางในตอนนี้โดยสิ้นเชิง ยังไงที่นี่ก็เป็จวนอัครมหาเสนาบดีซูเต๋อเหยียนย่อมหาองครักษ์มาช่วยคน ซูจิ้งเถียนไม่มีทางจมน้ำตายหรอก
เห็นว่าไม่มีใครคิดช่วยนางสักคนทั้งหันไปมองซากศพที่ยิ่งมายิ่งใกล้สายตานาง ซูจิ้งเถียนเกือบจะสติหลุด
รอจนองครักษ์ช่วยนางขึ้นมานางถูกทำให้ใกลัวจนกล่าวซ้ำๆ “ช่วยข้าด้วย นางจะไล่ตามมาทันแล้ว รีบช่วยข้า...”
“เถียนเอ๋อร์เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม เถียนเอ๋อร์?” เห็นซูจิ้งเถียนที่สติหลุดไปแล้ว หัวใจของนางแซ่หลี่รู้สึกปวดหนึบไปหมด
ลูกสาวของนางลูกสาวสุดที่รักของนาง ั้แ่เด็กจนโต แม้แต่ตีนางก็ไม่กล้าตีสักครา แต่ตอนนี้มิคาดว่าจะกลายเป็แบบนี้แล้วนางจะยอมได้อย่างไร
“ไม่เป็ไรนะ? ไม่เป็ไร! หลิงเอ๋อร์อย่าฆ่าข้า ความตายของเ้าไม่เกี่ยวกับข้า ปกติข้าไม่ได้ตั้งใจตีเ้าด่าเ้า อย่าเข้ามาอย่าเข้ามา...” ซูจิ้งเถียนหวาดกลัวจนถลึงตาโต กระทั่งนางแซ่หลี่แทบจำไม่ได้
เห็นแบบนี้ซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นี่นางถูกซากศพของหลิงเอ๋อร์ทำให้ใจนโง่ไปแล้วหรือ?
แต่คำพูดของนางยิ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างหนักในฝูงชน
หลิงเอ๋อร์ตายแล้วหรือ? มาหาซูจิ้งเถียนแล้ว? ดูไปแล้วความตายของหลิงเอ๋อร์เกี่ยวข้องกับซูจิ้งเถียนตามคาดมิฉะนั้นทำไมใครไม่ไปหาดันมาหานาง!
คิดถึงตรงนี้แววตาของเหล่าฝูงชนที่มองซูจิ้งเถียนไม่เพียงไม่มีความเห็นอกเห็นใจ แต่กลับยิ่งรังเกียจ
อะไรที่เรียกว่าใจดำอำมหิตดุจอสรพิษ วันนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้รู้จักแล้วกระทั่งสาวรับใช้ของตนยังไม่ละเว้น ถ้าเปลี่ยนเป็คนอื่นล่วงเกินยังไหวหรือ ไม่สงสัยเลยว่าเมื่อครู่ถึงได้ตีพี่สาวแท้ๆของตนเอง
นางแซ่หลี่ใมากนางเขย่าไหล่ของซูจิ้งเถียนอย่างแรง “เถียนเอ๋อร์ เ้าพูดเหลวไหลอะไรน่ะ? หลิงเอ๋อร์อะไรกันอย่ามาหาเ้าอะไร หยุดพูดเหลวไหล!”
พูดวาจาเช่นนี้ไม่ใช่เท่ากับยอมรับว่าตนเองฆ่าหลิงเอ๋อร์หรอกหรือ? เถียนเอ๋อร์ของนางนี่เป็อะไรไปแล้ว!
คงไม่ใช่ถูกเร้าจน...
ถึงตอนนี้นางแซ่หลี่ก็ไม่กล้าที่จะคิดต่อไปแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้