“เขาหรือ” ใจหงฮวากระตุกด้วยอารามใ “ดึกดื่นป่านนี้ เขามาทำอะไรกัน”
ยังไม่ทันที่หงฮวาจะตัดสินใจเอ่ยปาก ลู่เต้านอกหน้าต่างก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดีราวกับโล่งใจ “ฮู... ดีแล้ว ดูท่าคุณหนูหงคงเข้านอนแล้ว”
“ดีแล้วหรือ” หงฮวาขมวดคิ้วเล็กน้อยเม้มปากพลางครุ่นคิด “เขาหวังให้ข้าหลับไปแล้วหรือยังไม่หลับกันแน่”
ไม่นานเสียงฝีเท้าลู่เต้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง หงฮวาเม้มปากลังเล เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ ห่างออกไป ในที่สุดหงฮวาก็กัดฟันเดินไปผลักหน้าต่างออก
โครม!
บานหน้าต่างที่ถูกผลักกระแทกกำแพงดังสนั่น ลู่เต้าใราวกับขโมยถูกจับ หงฮวาแสร้งทำเป็โกรธ “ดึกดื่นป่านนี้บุกรุกห้องข้า มีจุดประสงค์อันใด”
“เอ่อ... เอ่อ... ข้า...” เื่ราวเกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ลู่เต้าจึงพูดติดขัด
เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของลู่เต้า หงฮวาก็กลั้นไม่ไหวหัวเราะออกมาเบาๆ หน้ากากเงินครึ่งซีกสะท้อนแสงเดือนเป็ประกายสีขาว
“แกล้งเ้าเล่นน่ะ” หงฮวาโน้มตัวลงเท้าคางกับขอบหน้าต่าง ฉีกยิ้มอ่อนหวาน
“ใครอยู่ตรงนั้น!” เสียงดังกล่าวดึงดูดความสนใจของคนรับใช้ ทั้งสองฟากพลันมีแสงไฟสว่างขึ้น เสียงฝีเท้ามากมายกำลังมุ่งหน้ามาทางลู่เต้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักบริเวณโดยรอบก็ถูกล้อมเอาไว้
คนรับใช้สองกลุ่มถือคบเพลิงเดินสวนกันไปมา สุดท้ายก็มากันที่หน้าต่างห้องหงฮวา พวกเขารีบค้อมศีรษะขอโทษเมื่อเห็นหงฮวา “ขออภัย! รบกวนคุณหนูพักผ่อนแล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น” หงฮวาเอียงศีรษะเล็กน้อยแสร้งทำเป็สงสัย ทว่าตอนนี้ลู่เต้ากำลังนั่งปิดปากอยู่ข้างๆ นาง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ ด้วยซ้ำ
ที่แท้เมื่อครู่ตอนที่ถูกไล่ล่า ลู่เต้าไม่มีทางเลือก จึงต้องจำใจปีนเข้ามาในห้องหงฮวา
คนรับใช้ที่เป็หัวหน้าก้าวไปข้างหน้าโค้งคำนับพร้อมเอ่ยอธิบาย “เมื่อครู่ข้าน้อยได้ยินเสียงดังมาจากที่นี่ ไม่ทราบว่าคุณหนูพบเห็นคนน่าสงสัยบ้างหรือไม่ขอรับ”
“อืม” หงฮวาส่ายหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าตนเองไม่เห็นอะไร ในขณะนี้คนรับใช้อีกคนหนึ่งเดินมาข้างหน้าทั้งสองคนพร้อมรายงาน “ไม่พบอะไรผิดปกติขอรับ”
“อย่างนั้นหรือ... หรือข้าได้ยินผิดไปเอง” หัวหน้าขมวดคิ้ว ส่ายหน้าหันไปออกคำสั่งกับคนรับใช้อีกคน “เ้าพาคนไปเฝ้าประตูหลัง ส่วนเ้ารับผิดชอบลาดตระเวนรอบๆ ประตูใหญ่ เ้า...”
คนรับใช้ต่างแยกย้ายกันไปประจำตำแหน่งต่างๆ ส่วนหัวหน้าก็บอกลาหงฮวา “เช่นนั้นข้าน้อยขอตัวก่อน ไม่รบกวนคุณหนูพักผ่อนแล้ว”
“ไปเถิด” หลังจากได้รับอนุญาตจากหงฮวา หัวหน้าจึงเดินจากไป
เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ นางจึงใช้เท้าเขี่ยลู่เต้าเบาๆ “พวกเขาไปกันหมดแล้ว”
ลู่เต้าโผล่หน้าออกมาจากขอบหน้าต่างอย่างหวาดระแวง ครั้นมั่นใจว่าคนรับใช้ไปกันหมดแล้ว ก็เบาใจโดยไม่รู้เลยว่าคำถามของหงฮวากำลังจะตามมา
หงฮวาปิดหน้าต่างหยิบไม้ขีดไฟมาจุดตะเกียง แสงไฟอันอบอุ่นส่องสว่างไปทั่วทั้งห้อง นางเป่าไม้ขีดไฟในมือที่กำลังลุกไหม้ก่อนจะเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณมาเยี่ยมเยียนถึงที่เช่นนี้ มีธุระอันใดหรือเ้าคะ”
“เอ่อ... ข้า ข้า ข้า...” ลู่เต้าหน้าแดงก่ำ พูดจาติดขัดไม่รู้ว่ากำลังพึมพำอะไรอยู่ เดิมทีหงฮวาคิดจะแสดงท่าทีเฉยเมยกับลู่เต้า แต่ทุกครั้งที่นางเห็นใบหน้าซื่อๆ ของเขา นางก็อดขำไม่ได้สักที
“เื่ตอนเย็น... ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” ลู่เต้าเหงื่อท่วมใบหน้า ไม่กล้าสบตาใครทั้งสิ้น
“ข้ารู้ว่าข้าทำให้เ้าหัวเราะเยาะ...” หงฮวาฝืนยิ้มหันหลังให้ลู่เต้า วางมือลงบนหน้ากากเบาๆ ที่ปกปิดแผลเป็อีกครั้ง พลางยิ้มเศร้าสร้อย “น่าเกลียดมากใช่หรือไม่”
“น่าเกลียดหรือ” ลู่เต้าชะงัก ภาพร่างอันรางเลือนแต่กลับงดงามของหงฮวาผุดขึ้นมาในหัว เขาชูหัวแม่มือขึ้นยิ้มกว้าง “ไม่เลย งดงามมาก!”
“เอ๊ะ” หงฮวาคิดว่าตนเองหูฝาดไป ดวงตางามเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ นางอุทานออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “จริงหรือ”
“อืม!” ลู่เต้ายิ้มพยักหน้าพร้อมปลอบโยน “ข้าว่าเ้าควรจะมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้! อย่าเอาผมปกปิดใบหน้าแบบนี้เลย เสียดายแย่”
ไป๋เสียที่อยู่ในร่างของลู่เต้าลอยตัวอยู่เหนือทะเลปราณอย่างเฉยเมย เมื่อได้ยินทั้งสองที่คุยคนละเื่เดียวกัน เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ
หงฮวาหันหลังกลับไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ รู้สึกถึงไอร้อนบนใบหน้า ไม่กล้าสบตาลู่เต้า หัวใจเต้นแรงราวกับกวางน้อย
ลู่เต้าที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นยืนงงอยู่กับที่ “เป็อะไรไป โกรธหรือ”
ไป๋เสียอดไม่ได้ที่จะต่อว่า “โง่เง่า เ้าช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย”
คนในไม่รู้ แต่คนนอกกลับเห็นชัดเจน ทั้งสองคนอาจจะไม่เข้าใจ แต่ไป๋เสียที่อยู่ข้างๆ กลับเห็นชัดเจนนัก
ความรู้สึกที่หงฮวามีต่อลู่เต้านั้นนำมาใช้ประโยชน์ได้ บรรยากาศตอนนี้เป็โอกาสอันดี ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจความรู้สึกของลู่เต้า เข้าควบคุมร่างเขาทันที
ร่างของลู่เต้าสั่นเทาเล็กน้อย ท่าทางไร้เดียงสาบนใบหน้าหายไปในพริบตา ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มเ็าสุขุมของไป๋เสีย
ลู่เต้าที่ถูกแย่งร่างไปถามอย่างงุนงง “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ ข้าชมว่านางงดงามก็ผิดด้วยหรือ”
ไป๋เสียไม่สนใจเขา ก้าวเท้าเข้าไปใกล้หงฮวาเงียบๆ ตอนนี้นางกำลังดีใจกับคำชมตรงไปตรงมาของลู่เต้า นับั้แ่ที่ใบหน้าของนางมีาแ คนในจวนก็ถือเป็ข้อห้าม ทุกคนต่างก็กลัวว่าจะไปกระทบจิตใจของนาง จึงจงใจหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง
ตอนนี้ลู่เต้ากลับชมว่านางงดงามตรงๆ หงฮวาจึงประหลาดใจยิ่งนัก
ในขณะที่หงฮวากำลังคิดไม่ตกว่าจะตอบอย่างไร ทันใดนั้นก็มีแขนคู่หนึ่งโอบกอดนางจากด้านหลังอย่างอ่อนโยน ก่อนที่นางจะทันได้ตอบสนอง ไป๋เสียก็เข้าไปใกล้ใบหูของนาง แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าหลงใหล “หากเป็ไปได้...”
ไป๋เสียขยับไปกระซิบข้างหูอีกข้างหนึ่ง “ข้าอยากกินอาหารที่เ้าทำทุกวันเลย”
‘เช่นนี้ต้นไม้ิญญาก็ออกดอกออกผลสม่ำเสมอแล้ว’ ไป๋เสียคิดในใจ
ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันมากจนััได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของลู่เต้า หงฮวาเหมือนกับโดนไฟฟ้าช็อต ร่างกายอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง
ลู่เต้าที่อยู่ในร่างได้แต่เอามือปิดหน้าด้วยความเขินอาย ไป๋เสียเห็นว่าหงฮวาไม่ขัดขืน จึงเผยยิ้มเ้าเล่ห์ แล้วลอบหยิบลูกกวาดสีม่วงดำออกมาจากแขนเสื้อ ลูกกวาดนั้นมีกลิ่นอายชั่วร้ายแผ่ออกมา มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ของที่คนดีพกติดตัวแน่
“มา อ้าปากสิ อ้า...” ไป๋เสียอ้าปากเลียนเสียง
หงฮวาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับหงฝู ไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน ใจจึงเต้นไม่เป็จังหวะ ดวงตาเหม่อลอยราวกับต้องมนตร์สะกด ไป๋เสียพูดอะไรนางก็ทำตามอย่างว่าง่าย
ไป๋เสียเห็นว่าแผนการของตนสำเร็จ จึงยิ้มเยาะเตรียมจะป้อนลูกกวาดศพเดินได้เข้าปากหงฮวาเพื่อให้นางกลายเป็หุ่นเชิด
และในตอนนี้เอง ลู่เต้าที่อยากรู้อยากเห็นจึงแอบมองผ่านช่องนิ้วมือ เห็นภาพไป๋เสียป้อนลูกกวาดพอดี หัวใจพลันเย็นเฉียบ รีบควบคุมแขนตัวเองกลับคืนมา
มือของไป๋เสียที่กำลังยกขึ้นชะงักค้างกลางอากาศ และรู้ได้ทันทีว่าเป็ฝีมือลู่เต้า จึงด่าทอในใจ “ปล่อย!”
“เ้านี่มัน...” ลู่เต้าพยายามต่อต้านไป๋เสียอย่างยากลำบาก เขากัดฟันพูดอย่างแ่เบา “ไม่มองไม่ได้เลยสินะ!”
