ณ โรงเตี๊ยมที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง เสิ่นเสวียนและเสิ่นว่านซื่อกำลังนั่งดื่มสุราด้วยกัน เสิ่นเสวียนมีท่าทางสบายๆ ไม่ใส่ใจสิ่งใด แต่เสิ่นว่านซื่อกลับไม่เป็เช่นนั้น
หากกล่าวถึงสายเืและครอบครัวแล้ว ในเมืองอวี่ฮว่า เสิ่นว่านซื่อสนิทสนมกับซือหม่าหว่านเอ๋อร์มากที่สุด แต่ต้องเผชิญกับผลลัพธ์เช่นนี้
“พี่เสวียน ท่านว่าทำไมหว่านเอ๋อร์ถึงเป็แบบนี้ไปได้”
เสิ่นว่านซื่อเมาเล็กน้อย จู่ๆ ก็ถามเสิ่นเสวียนเช่นนี้
ท่านพ่อของเขาจัดงานฉลองรอให้ซือหม่าหว่านเอ๋อร์กลับไปที่บ้าน ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ไม่ได้กลับไป เขาไม่รู้จะไปบอกท่านพ่อว่าอย่างไรดี
“นางใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมานานขนาดนั้น ทั้งยังมีพร์โดดเด่น สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้เป็ปกติ พวกเราไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับนางอีกต่อไปแล้ว” เสิ่นเสวียนดื่มสุราเข้าไปเล็กน้อย ไม่กล่าวไม่ได้เลยว่า สุราในโลกนี้หอมและร้อนแรงมาก
“พี่เสวียนก็ฝึกฝนพลังได้เหมือนกัน พร์ก็สูงมาก และยังเป็นายน้อยของตระกูลอีกด้วย แต่พี่เสวียนก็ไม่ได้เปลี่ยนไปนี่นา!” เสิ่นว่านซื่อยังคงไม่เชื่อ
“มนุษย์เราไม่เหมือนกันหรอกนะ ใส่ใจอนาคตให้มากขึ้นก็พอ”
เสิ่นเสวียนกล่าวเตือน เขาไม่ใส่ใจเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้เลย
เพราะตอนที่กลับมา เขาค้นเจอความทรงจำเกี่ยวกับซือหม่าหว่านเอ๋อร์แล้ว
มันคือความทรงจำ่หนึ่งที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ หรือกล่าวได้ว่าถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น
เมื่อแปดปีก่อน เสิ่นเสวียนมีอายุแปดขวบ ส่วนซือหม่าหว่านเอ๋อร์มีอายุเจ็ดขวบ ทั้งสองคนเติบโตขึ้นมาด้วยกัน ในใจของเสิ่นเสวียนแอบชอบนางมานานแล้ว เขาที่ยังเป็เด็กไม่ค่อยเข้าใจเื่ความรักเช่นนี้ แต่เขารู้ว่าซือหม่าหว่านเอ๋อร์ต้องออกจากเมืองอวี่ฮว่าไป ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไร
ในคืนก่อนที่ซือหม่าหว่านเอ๋อร์จะออกจากเมืองอวี่ฮว่า เสิ่นเสวียนพับนกกระเรียนตลอดทั้งคืน เขียน ‘จดหมายรัก’ ด้วยลายมือที่ยังเขียนไม่ชำนาญจนเต็มหน้ากระดาษ แต่เพราะตอนเด็กเขาขี้อายมาก จึงไม่กล้าส่งให้นางต่อหน้า
เขาแอบปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องนอนของซือหม่าหว่านเอ๋อร์ั้แ่ฟ้ายังไม่สาง เตรียมที่จะวางจดหมายฉบับนั้นไว้บนโต๊ะ แต่กลับไม่ระวังทำเก้าอี้ล้มจนเกิดเสียงดังลั่น ทำให้ซือหม่าหว่านเอ๋อร์ที่กำลังนอนหลับสะดุ้งตื่น
ซือหม่าหว่านเอ๋อร์เห็นเสิ่นเสวียนอยู่ในห้องของตัวเองกลางดึกก็ส่งเสียงร้องดังลั่น ทำให้คนตระกูลเสิ่นหลายคนใตื่นและเข้ามาเห็นเหตุการณ์ สร้างความวุ่นวายขึ้นไม่น้อย ส่วนประโยคที่ฝังอยู่ลึกสุดในความทรงจำของเขาก็คือ ‘คนชั่ว ต่ำทราม อายุแค่นี้กลับกล้าทำเื่แบบนี้!’
คำที่น่ารังเกียจต่างๆ นานา ทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งจะเปิดใจต้องเก็บซ่อนตนเองเอาไว้อีกครั้ง และใน่เวลานั้นเองที่ซือหม่าหว่านเอ๋อร์เริ่มรังเกียจเสิ่นเสวียน กระทั่งถึงทุกวันนี้
สำหรับนางแล้ว เสิ่นเสวียนเป็เพียงเศษขยะที่ไร้ความสามารถ ตอนเด็กไม่ตั้งใจฝึกฝน เติบโตมาก็ยิ่งเป็ขยะ อีกทั้งหลายปีที่ผ่านมานี้ นางรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็เพียงขยะที่ไร้ความสามารถ ยิ่งทำให้นางเหยียดหยามเขามากกว่าเดิม
เขาทำได้เพียงยิ้มให้กับความทรงจำ่นี้ ไม่แปลกใจเลยที่นางเหยียดหยามเ้าเช่นนี้ ชอบนางก็บอกไปตรงๆ สิ หลบซ่อนเช่นนี้ จากเื่ดีเลยกลายเป็เื่ร้ายไป ไม่ใช่เื่น่าอายกว่าหรอกหรือ อย่างไรก็ตาม แม้จะทำผิดพลาดไปในตอนเด็ก แต่คนที่ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างไม่เป็สุขก็คือซือหม่าเจ๋อ
คนที่ด่าเสิ่นเสวียนได้โเี้มากที่สุดในตอนนั้นก็คือซือหม่าเจ๋อ ท่านพ่อของซือหม่าหว่านเอ๋อร์ เด็กทำผิดพลาดไป คนเป็พ่อสามารถปกป้องลูกของตนเองได้ แต่วิธีการของเขากลับน่าเกลียดอย่างที่สุด อีกทั้งในความทรงจำของเขา ซือหม่าเจ๋อยังเตะเสิ่นเสวียนที่มีอายุเพียงแปดขวบด้วย ทำให้เขาล้มกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบ หลังจากนั้นเสิ่นเสวียนมีไข้สูงถึงสามวันกว่าไข้จะลดลง
“ซือหม่าเจ๋อ ข้าจดจำเ้าไว้แล้ว เท้าที่เ้าเตะข้า ไม่ช้าก็เร็วข้าจะคืนให้เ้า” เสิ่นเสวียนกล่าวพึมพำ
ทั้งสองคนดื่มสุราไปมากมาย หลังจากนั้นอีกครู่ใหญ่ก็พากันเดินโซเซออกไปจากโรงเตี๊ยม
เมื่อกลับมาถึงตระกูลเสิ่น เสิ่นว่านซื่อดื่มจนเมาแล้ว เสิ่นเสวียนจึงคุยกับท่านพ่อของเสิ่นว่านซื่อเล็กน้อย จากนั้นจึงกลับไปยังเรือนของตน
สำหรับเขาแล้ว สุราแค่นี้ทำให้เมาได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น หากโคจรกำลังภายในออกมาจะทำให้สร่างเมาได้ทันที นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เมามายเช่นนี้ เขาชอบความรู้สึกแบบนี้ เพราะมันทำให้สมองของเขาตอบสนองได้ช้าลง ไม่ต้องคิดอะไรมาก
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เขาสร่างเมาแล้ว จึงนั่งสมาธิอยู่ภายในเรือนต่อไป เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพิธีแต่งตั้งในวันพรุ่งนี้
ค่ำคืนแห่งความเงียบงันได้ผ่านพ้นไป
รุ่งเช้า แสงสีขาวราวกับท้องปลาพลันปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก เสิ่นเสวียนผลักประตูเปิดออกไปเบาๆ ยืดแขนทั้งสองข้างออกไปสุดแขน พลางสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า
หลังจากนั่งสมาธิมาทั้งคืน แม้มิอาจทะลวงไปถึงขั้นปี้กู่ระดับกลางได้ แต่ก็อีกไม่ไกลแล้ว
เขาเดินไปยืนที่ใจกลางลานแล้วหลับตาลง ระลึกถึงเคล็ดวิชาในความทรงจำอย่างรวดเร็ว
การฝึกฝนพันปีทำให้เคล็ดวิชาในหัวของเขามีระดับค่อนข้างสูง ไม่เหมาะสมกับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ ต้องฝึกฝนถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดให้ได้ก่อนจึงจะค้นพบวิถีทางให้ก้าวเดินต่อไปได้ หลังจากค้นหาเคล็ดวิชาทั้งหลาย ในที่สุดเขาก็เจอเพลงหมัดวิชาหนึ่ง
คมหมัดปะทุ!
นี่คือเพลงหมัดพร์ ใช้ร่างกายในการโคจรพลังหมัด รวบรวมพลังไว้ที่ร่างกาย จากนั้นก็ผสมผสานเข้ากับเพลงหมัดผ่านการะเิ จะทำให้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นเป็สามเท่า ทั้งหากโจมตีโดนอีกฝ่าย กำลังภายในจะปะทุออกมาและพุ่งตรงเข้าไปในร่างของคนผู้นั้น ทำให้ร่างกายะเิออก นำไปสู่ผลลัพธ์ของการสังหาร
เคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียรแบ่งออกเป็ เคล็ดวิชาพรแสวง เคล็ดวิชาพร์ เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ และเคล็ดวิชาขั้นเซียน แม้คมหมัดปะทุจะเป็เพียงเคล็ดวิชาพร์ เนื่องจากระดับในการเริ่มต้นค่อนข้างต่ำ แต่เมื่อแสดงพลังถึงขีดสุดแล้ว ผู้ฝึกฝนขั้นหยวนก่อกำเนิดลงไปมิอาจรับมือได้เลย เป็เคล็ดวิชาในตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้เริ่มต้น และนี่คือเคล็ดวิชาที่แย่งชิงมาจากกุนซือ[1] ของจูโหย่วกุย[2] เมื่อครั้งราชวงศ์ถังล่มสลาย เขาเก็บมันไว้ในแหวนมิติ ต่อมาร่างของเขาแตกสลายกลายเป็เซียนพเนจร จึงเก็บเคล็ดวิชาทั้งหมดเข้าไปในจิติญญา คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้มันในวันนี้
เสิ่นเสวียนยืนหลับตาอยู่กลางลาน วิเคราะห์คมหมัดปะทุอีกครั้ง หลังจากนั้นประมาณหนึ่งร้อยลมหายใจ เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งพลันกำหมัดแน่น แล้วแสดงพลังหมัดออกไปด้วยความเร็วสูง
เพลงหมัดโเี้และทรงพลัง หอบเอาพลังมิติที่อยู่รอบๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งแรงกดดันทำให้พลังะเิออก
ทั่วทั้งร่างของเขาเหมือนจะมีพลังปะทุออกมาอยู่ตลอดเวลา อานุภาพรุนแรงไร้เทียมทาน
หลังจากแสดงเพลงหมัดครบชุดแล้ว เสิ่นเสวียนรู้สึกปลื้มใจมาก เพลงหมัดในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เมื่ออยู่ในโลกแห่งการฝึกตนแห่งนี้ ทำให้มันมีอานุภาพรุนแรงกว่าเดิมประมาณสามส่วนเนื่องจากพลังที่หนาแน่นกว่า อานุภาพของคมหมัดปะทุนี้ หากโจมตีออกไปจริงๆ แม้แต่เสิ่นเหวินเทาก็ไม่แน่ว่าจะรับมือได้
ดูจากสีท้องฟ้าแล้ว ยังพอมีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพิธีแต่งตั้ง เขายังคงฝึกฝนเพลงหมัดต่อไปจนชำนาญ แสดงเพลงหมัดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
เสิ่นเสี่ยวเม่ยได้ยินเสียงดังอยู่ภายนอกก็ลุกจากเตียงมานั่งบนรถเข็นแล้วออกไปดู นางเห็นพี่ชายของตนเองยอดเยี่ยมเช่นนี้ ทำให้นางมีความสุขมากจริงๆ
ท้องฟ้าสว่างขึ้นเรื่อยๆ ข้ารับใช้ตระกูลเสิ่นบางส่วนเริ่มตื่นนอน จัดเตรียมลานประลองขึ้นภายในตระกูลเสิ่น
วันนี้คือวันแต่งตั้งผู้นำตระกูล ซึ่งห่างจากพิธีแต่งตั้งครั้งก่อนถึงสามสิบห้าปีแล้ว สามสิบห้าปีผ่านไปได้จัดพิธีแต่งตั้งขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้หลายๆ คนรู้สึกตื่นเต้น
สิ่งที่พวกเขาตื่นเต้นไม่ได้มีเพียงเื่นี้ ยังมีเสิ่นเสวียนที่ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความลึกลับอีกด้วย
สามวันที่ผ่านมา เื่ราวของเสิ่นเสวียนลือกันไปในตระกูลมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนพวกเขาก็หวังว่าผู้นำตระกูลของตนเองจะนำพาตระกูลให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปได้
การจัดเตรียมสถานที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนในตระกูลเสิ่นเริ่มมากันเรื่อยๆ ต่างคนมาถึงแล้วก็เข้าไปนั่งในตำแหน่งของตนเอง
เสิ่นล่าง เสิ่นเหวินเทา ผู้ดูแลคนอื่นๆ ในตระกูลเสิ่น และผู้าุโทั้งหลายมาถึงกันพร้อมหน้า พวกเขาต่างนั่งอยู่้า ส่วนด้านล่างเต็มไปด้วยคนในตระกูลเสิ่น เฝ้ารอพิธีแต่งตั้งครั้งนี้อย่างเงียบๆ
ขณะนั้นเอง ห่างไปไม่ไกลเสิ่นเสวียนกำลังเข็นรถเข็นของเสิ่นเสี่ยวเม่ยเข้ามา พวกเขาทั้งสองเดินคุยกันพลางยิ้มอย่างสดใส
………………………………………………………..
[1] กุนซือ แปลว่า ที่ปรึกษา, ผู้ให้คำปรึกษา
[2] จูโหย่วกุย พระโอรสในจักรพรรดิจูเฉวียนจง (จูเวิน) ซึ่งเป็ปฐมกษัตริย์ในยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร ผู้ล้มล้างราชวงศ์ถัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้