มีเพียงผู้เฒ่าถางคนเดียวที่เสนอราคาที่ดินแปลงนี้ ส่งผลให้ฝ่ายบริหารรู้สึกเสียหน้า แต่ใช่ว่าพวกคนฝ่ายบริหารเองจะคาดหวังอะไรกับที่ดินในลู่เจียโค่วแปลงนี้ อีกทั้งยังมีการประมูลที่ดินตี้หวางรออยู่ ฝ่ายบริหารนำที่ดินแปลงเล็กนี้มาประมูลเพื่อปรับอารมณ์ของเหล่าๆ นายทุนนี้ก็เท่านั้น
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่คิดว่ามันจะพลิกคว่ำถึงขนาดที่มีเพียงผู้เฒ่าถางคนเดียวเป็ผู้เสนอราคา แต่ในเมื่อตอนนี้คนของฝ่ายบริหารเห็นผู้เฒ่าหวังแห่งเฉียนต๋ากรุ๊ปเสนอราคาเพิ่มอีกหมื่นหยวนมา ก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้นขึ้นมากอยู่เหมือนกัน
ถ้าไม่เกิดการแข่งขันในการประมูล แล้วงานนี้จะมีความหมายอะไร?
แต่ขาใหญ่เหล่านี้กลับตบหน้าคนจากฝ่ายบริหารจนงานประมูลตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เป็เพราะผู้คนที่อยู่รอบๆ ผู้เฒ่าหวังรู้ความจริงแล้ว
ตัวผู้เฒ่าหวังไม่ได้สนใจเข้าร่วมประมูลที่ดินแปลงนี้ในลู่เจียโค่ว
การเสนอราคาครั้งนี้เป็ผลมาจากชายหนุ่มที่เดินไปขอความช่วยเหลือจากเขาต่างหาก
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินบทสนทนาอย่างชัดเจน แต่ขาใหญ่ทั้งหลายก็เข้าใจแล้วว่า ผู้เฒ่าหวังเพียงแค่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นเท่านั้นเอง
ไม่อย่างนั้นจากนิสัยของผู้เฒ่าหวังแล้ว เขาคงไม่ทำให้ตัวเองอับอายโดยการเสนอราคาเพิ่มแค่หนึ่งหมื่นหยวนแบบนี้แน่
ถ้าผู้เฒ่าหวัง้าเสนอราคาแข่งขันจริง คนแบบเขาคงเสนอราคาหนึ่งล้านหยวนไปนานแล้ว
คนจากฝ่ายบริหารไม่มีทางเลือกอื่น ในเมื่อไม่มีใครเสนอราคาเพื่อเข้าร่วมประมูล ในเมื่อทุกคนเอาแต่รอดูผู้เฒ่าหวังถูกตบหน้า คนจากฝ่ายบริหารจึงต้องเริ่มนับถอยหลังเพื่อจบการประมูล
“เก้าแสนหนึ่งหมื่นหยวน ครั้งที่หนึ่ง...”
“เก้าแสนหนึ่งหมื่นหยวน ครั้งที่สอง...”
“เก้าแสนหนึ่งหมื่นหยวน ครั้ง....ที่...สาม...และขายครับ!”
ในความคิดของเหล่าขาใหญ่รวมถึงเื่ที่พวกเขากำลังกระซิบกระซาบกันตอนนี้ ไม่ใช่เื่อะไรนอกจากกำลังเยาะเย้ยเฉินเฟิง
พวกเขากำลังล้อเลียนชายหนุ่มผู้ใช้เงินของครอบครัวโดยไม่คิดให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อที่ดินแห้งแล้งอันไร้ค่า
แม้แต่ผู้เฒ่าหวังกับคุณชายหวังก็ตกเป็ขี้ปากคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
“หรือว่าไอ้หนุ่มนั่นจะเป็ลูกนอกกฎหมายของไอ้เฒ่าหวังมันหรือเปล่า?!”
“ข้าก็ว่างั้น ดูไอ้หนุ่มนั่นดีๆ สิ น่าจะประมาณยี่สิบต้นๆ ส่วนไอ้เฒ่าหวังนั่นน่าจะย่างเข้าสี่สิบเอ็ดปีพอดี อายุตรงกันพอดี!”
“คุณชายหวังตัวน้อยผู้น่าสงสาร เกิดในปี 88 ปีเดียวกับการก่อตั้งเฉียนต๋ากรุ๊ป อายุแค่เจ็ดปี มาตอนนี้สิทธิ์ในการสืบทอดมรดกยังสั่นคลอนอีก”
........................................
หลังจากคนของฝ่ายบริหารทุบค้อนประมูลสามครั้งเป็การบ่งบอกว่าขายที่ดินเป็ที่เรียบร้อย เขาก็กัดฟันพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แล้วจ้องมองมาทางผู้เฒ่าหวังกับเฉินเฟิง
“ขอแสดงความยินดีกับท่านประธานหวัง ประธานของเฉียนต๋ากรุ๊ป ท่านได้ยื่นมือเข้าร่วมประมูลแทนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างท่าน จนชนะประมูลที่ดินฮวงจุ้ยหลักแห่งนี้ในลู่เจียโค่ว ขอเชิญคุณชายขึ้นมาชำระค่าธรรมเนียมการประมูลเป็จำนวนเงินเก้าแสนหนึ่งหมื่นหยวนบนเวทีด้วยครับ หากคุณไม่สามารถชำระได้ ทางเราจะถือว่าคุณกำลังก่อกวนการประมูลครั้งนี้ และจะถูกแจ้งข้อหาพร้อมโดนถูกจับกุม”
พิธีกรไม่ไว้หน้าเฉินเฟิงแม้แต่น้อย เนื่องจากทุกคนทราบกันดีว่าเป็ผู้เฒ่าหวังช่วยประมูลแทนเขา จะพูดว่าพิธีกรกำลังข่มขู่เฉินเฟิงก็ไม่ผิด
เพราะยังไงตัวพิธีกรก็ไม่ได้อยู่ที่โรงแรมเฉียนต๋า และเขาก็ไม่ได้รู้ว่าเฉินเฟิงใช้เงินสามสิบล้านซื้อที่ดินเจ็ดตารางกิโลเมตรจากฝ่ายบริหารแล้ว
ถ้าเขารู้ หรืออย่างน้อยๆ ผู้นำการประมูลเป็คนเดียวกับเมื่อวาน เื่คงกลายเป็ ไม่มีใครกล้าดูถูกเฉินเฟิง
เมื่อเฉินเฟิงได้ยินคำขู่เช่นนี้ เขากลับไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะยังไงก็เป็เขาเองที่มาเข้าร่วมกลางคัน
ทุกคนที่นี่มีแต่เ้าสัวนายทุนซึ่งเป็ขาใหญ่กันทั้งนั้น แถมผู้จัดการประมูลยังเป็คนจากฝ่ายบริหารของเมืองที่ส่วนใหญ่เป็คนเ้าอารมณ์อีกด้วย
ถ้าเฉินเฟิงเป็ผู้จัดงาน แล้วมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาก่อกวน เขาก็คงไล่มันออกไปทันที
แม้ว่าในชาติก่อนเฉินเฟิงจะเป็อัจฉริยะแห่งตลาดหลักทรัพย์ แต่เขาไม่ค่อยมีประสบการณ์ในด้านอสังหาริมทรัพย์มากนัก
เขามีความรู้มากมายในด้านการเงินและหุ้นก็จริง แต่เขาไม่แม้แต่จะคุ้นเคยกับการประมูลที่ดินด้วยซ้ำ
สำหรับวงการที่เขาไม่คุ้นเคยเช่นนี้ เป็การดีกว่าที่จะไม่ทำตัวเด่น
“งั้นพี่หวัง ผมขอตัวไปจ่ายเงินก่อนแล้วกัน ผมยังไม่วางใจจนกว่าจะได้จ่ายเงินและลงนามในสัญญาซื้อขาย หลังจากนั้นผมถึงค่อยสบายใจได้ ที่ดินแปลงนี้เป็ผืนดินแกนหลักทางฮวงจุ้ย น่าเสียดายที่ไม่มีใครให้ความสนใจ”
เฉินเฟิงจับไหล่ของผู้เฒ่าหวังพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม
แต่บางทีบางครั้งการทำตัวไม่เด่นก็เป็เื่ที่ดี แต่ถ้าได้ตบหน้าพวกขาใหญ่ชอบอวดก็เป็เื่จำเป็
เมื่อสักครู่เขาทำตัวราวกับผู้เฒ่าหวังเป็เพื่อนรุ่นเดียวกัน ซึ่งเป็การตอบโต้ต่อคำเยาะเย้ยจากพวกขาใหญ่ทั้งหลายอย่างเงียบๆ
ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกขาใหญ่บางคนยังถึงขั้นคิดไปว่าเฉินเฟิงเป็ลูกนอกกฎหมายของผู้เฒ่าหวัง
ทันใดนั้น!
ขาใหญ่บางคนรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย
หลังจากผู้เฒ่าหวังรับฟังคำพูดนั้นของเฉินเฟิง เขาก็อยากจะหยุดเฉินเฟิงไว้ก่อน เพราะเขารู้ว่าการจ่ายเงินควรเริ่มตอนไหน แต่เขากลับเปลี่ยนใจ คิดว่าปล่อยให้เฉินเฟิงเรียนรู้เล่ห์กลด้วยตัวเองจะเป็การดีกว่า
หลังจากพูดกับผู้เฒ่าหวังเสร็จ เฉินเฟิงก็รีบเดินไปอย่างใจร้อน
ภายในไม่กี่อึดใจ เขาก็ขึ้นไปบนเวทีประมูลสำเร็จ เขาเปี่ยมไปด้วยความใจร้อนและกระฉับกระเฉงของวัยหนุ่มอย่างเต็มที่
แม้ว่าก่อนหน้าเขาจะไม่ใส่ใจคำพูดข่มขู่จากพิธีกร เพราะเขามีเงินสำหรับการจ่ายเงิน แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องจ่ายเงินจริงๆ เฉินเฟิงยังคงถามอย่างลำพองใจ
“คุณ...รับการทำธุรกรรมผ่านบัตรไหม? ผมไม่ได้พกเงินสดติดตัว”
เมื่อพิธีกรได้ยินคำถามเช่นนี้ เลยถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ทราบว่าเป็บัตรจากธนาคารไหนครับ? ทางเรารับเฉพาะ ICBC POS [1] เท่านั้น...”
ในปี 1992 นิทรรศการ ‘การคัดเลือกเครื่องชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เชิงพาณิชย์แห่งชาติ และ ระบบ POS’ ถูกจัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง โดยมีทั้งหมด 54 โมเดลจากผู้ผลิต 26 ราย ในบรรดารายชื่อมี ซื่อทง จิงเยว่ อ่ายฮว๋า และบริษัทจงร่วนรวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็กลุ่มวิสาหกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐและเอกชน
จุดแข็งสำคัญคือบริษัทเหล่านี้เล็งเห็นโอกาสในตลาดจีน และผ่านการดำเนินการพัฒนามาอย่างยาวนานั้แ่ปลายทศวรรษ 1980 หรือ่ต้น 1990
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงเครื่องพิมพ์ใบเสร็จเชิงพาณิชย์ อุปกรณ์บาร์โค้ด ระบบ POS เวอร์ชันใหม่ รวมถึงคอมพิวเตอร์ในเวิร์คสเตชันเชิงพาณิชย์ จนในที่สุดปี 1995 เครื่อง POS ก็วางจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม ตัวยูเนี่ยนเพย์ยังไม่ได้ถูกก่อตั้งขึ้นจนกระทั่งปี 2002 ซึ่งเป็่เวลาผลัดเปลี่ยนเทคโนโลยี POS จากเดิมที่เครื่องสามารถรับบัตรได้จากธนาคารเดียว
เมื่อเวลานั้นมาถึง ในหนึ่งร้านค้า เคาน์เตอร์ชำระเงินหนึ่งตัว หรือเครื่องชำระเงินเพียงเครื่องเดียวก็สามารถทำทุกอย่างได้ทั้งหมดแล้ว
แต่ ณ ปัจจุบันนี้ เครื่องชำระเงินจะประมวลผลจากบัตรได้เพียงธนาคารเดียวต่อหนึ่งเครื่องเท่านั้น
“บังเอิญจริง บัตรผมมาจากธนาคาร ICBC พอดี คุณนำสัญญาซื้อขายมาให้ผมเซ็น แล้วเดี๋ยวผมจะโอนเงินเข้าฝ่ายบริหารของเมืองเอง”
เฉินเฟิงหยิบบัตรธนาคารจากกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแกว่งเล่นต่อหน้าผู้จัดการประมูล
แม้ว่าเฉินเฟิงจะเมินคำพูดคำจาเชิงดูิ่และข่มขู่เมื่อสักครู่ได้ แต่เมื่อถึงเวลาต้องชำระเงิน เขาก็อยากจะพลิกโต๊ะและตบหน้าอีกฝ่ายคืนสักหน่อย
ยังไงเสีย ฝ่ายบริหารเมืองเองนั่นแหละที่อยากขายที่ดินแปลงนี้ในลู่เจียโค่วใจจะขาด
เชิงอรรถ
[1] ICBC POS ธนาคาร ICBC POS เป็เครื่องสำหรับบริการร้านค้าผ่านบัตรชนิดหนึ่ง