เมื่อรู้ว่าเหลียงฮวนอยู่หลานเฟิ่งหวง หลิวฟางก็ไม่ร้อนใจขนาดนั้นแล้ว
สองพี่น้องทะเลาะกันไม่เห็นจะเป็อะไร เครือญาติกันทั้งนั้น ฆ่าแกงเหลียงฮวนจริงๆ ไม่ได้เสียหน่อย
“เ้าลูกคนนั้น หลุดปากพูดเื่ของบ้านฝานหรือเปล่านะ? ไม่อย่างนั้นเสี่ยวหลานจะทะเลาะอะไรกับเธอได้!”
หลิวฟางบ่นพึมพำเล็กน้อย เหลียงปิ่งอันมองค้อนเธอ “ลูกน่ะคุณเป็คนตามใจจนเคยตัว ผู้หญิงสาวอายุใกล้จะ 17 อยู่รอมร่อ ไม่มีหัวคิดเลยแม้แต่น้อย ผมว่าคงซื่อบื้อจนบอกเขาไปหมดเกลี้ยงแล้ว! อะไรพูดได้อะไรพูดไม่ได้ เธอไม่รู้จักคิดเอาเสียเลย!”
อันที่จริงหลิวฟางคิดเช่นนี้เหมือนกัน ทว่าพอเหลียงปิ่งอันอารมณ์เสียใส่ เธอก็ไม่ยอมจำนน
“บอกก็บอกสิ บ้านฝานตกลงแล้วว่าจะแต่งงานเดือนพฤษภา ต่อให้วันนี้ฮวนฮวนไม่บอก พรุ่งนี้ฉันก็จะเข้าเมืองไปบอกอยู่แล้ว”
จะเกิดการทะเลาะเบาะแว้งแน่นอนอยู่ ทว่าสุดท้ายก็ต้องแต่งงานกับฝานเจิ้นชวนโดยดีไม่ใช่หรือไร
หลิวฟางไม่ได้สนใจความรู้สึกของเซี่ยเสี่ยวหลานเลยสักนิด แต่เพื่อหน้าที่การงานของเหลียงปิ่งอัน ย่อมต้องจัดการความสัมพันธ์กับเซี่ยเสี่ยวหลานที่ตึงเครียดอยู่ให้คลายลงอีกครั้ง เหลียงปิ่งอันเองก็เชื่อคำแนะนำของเธอมากทีเดียว
ก็แค่ให้เงินหนึ่งหมื่นหยวนไม่ใช่หรือ หลิวฟางไม่มีเวลามาเสียดายแล้วด้วย
สองสามีภรรยาปรึกษากันระหว่างทาง พอกลับมาถึงบ้านหลิวฟางก็โทรศัพท์ไปยังซางตู เป็โทรศัพท์สาธารณะในซอยถัดจากบ้านย่าอวี่นั่นเอง ต่อสายอยู่นานกว่าเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานจะสะท้อนมาจากในโทรศัพท์
“ค่ะ?”
“เสี่ยวหลาน นี่น้าเองนะ เธอทะเลาะกับฮวนฮวนหรือ? ถ้าฮวนฮวนทำให้เธอโกรธ น้าขอโทษแทนลูกด้วยนะ เธออย่าถือสาหาความกับน้องเลย... เธอให้ฮวนฮวนรับโทรศัพท์หน่อยสิ น้าจะดุน้องตอนนี้!”
“โอ๊ะ แต่ตอนนี้เธอรับโทรศัพท์ไม่ได้นี่นา”
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดจบก็วางสายทันที ทำเอาหลิวฟางสับสนงุนงงมาก
ทำไมรับโทรศัพท์ไม่ได้ หรือเหลียงฮวนยังอยู่ที่ ‘หลานเฟิ่งหวง’ กันนะ? ก็ไม่แน่ เวลานี้ร้านเสื้อผ้ายังไม่ปิดทำการ เหลียงฮวนเห็นเสื้อผ้าสวยละลานตา เป็ปกติที่ไม่อยากจะไปไหน หากหลี่เฟิ่งเหมยพี่สะใภ้เธอใจกว้างเสียหน่อย ก็ควรให้เสื้อผ้าแก่ฮวนฮวนของเธอใส่สักสองชุด หลี่เฟิ่งเหมยดีกับเซี่ยเสี่ยวหลานออกขนาดนั้น เป็หลานสาวเหมือนกันทั้งคู่ การจะเลือกที่รักมักที่ชังช่างเลวร้าย!
หลิวฟางยังไม่ได้คุยกับลูกสาว พอต่อสายไปหาอีกครั้ง ทางนั้นกลับบอกว่าไม่ต้องโทรศัพท์มาแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับสายนี้
“ดูท่าฮวนฮวนจะหลุดปากไปแล้วจริงๆ พวกเราไปคืนนี้เลยดีกว่าไหม? ถ้าไม่กล่อมเด็กเสี่ยวหลานนั่นให้สงบ เธอจะทำตัวเป็ปัญหาต่อไปแน่”
เหลียงปิ่งอันเห็นด้วยที่จะเข้าเมือง
วันนี้เขาใช้รถยนต์ของหน่วยงานพอดี เขาพาเหลียงอวี่ไปส่งที่บ้านพ่อแม่ ก่อนจะพาหลิวฟางออกเดินทาง
“พวกลูกเข้าเมืองไปทำอะไรกันตอนกลางคืนน่ะ กินข้าวหรือยัง?”
มารดาเหลียงปิ่งอันตามออกมาพลางถามลูกชาย ไม่มองไปที่สะใภ้แม้แต่น้อย หลิวฟางสะกดกลั้นความขุ่นเคืองไว้ เสี่ยวหลานแต่งงานไปเมื่อไร ทั้งตระกูลเหลียงจะต้องมองเธอใหม่ อดทนอีกหน่อย สถานะของเธอในตระกูลเหลียงจะเปลี่ยนแปลงจากเดิมในไม่ช้าแน่นอน
หลิวฟางถูกท่าทีของแม่สามีกระทบกระทั่งเข้า สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะชี้แจงเพื่ออวดโอ้เล็กน้อย
“คุณแม่ ฉันให้ปิ่งอันพาฉันเข้าเมืองไปเยี่ยมหลานสาวเสียหน่อย ลูกสาวของพี่รองฉันเองน่ะค่ะ เธอตกลงแต่งงานกับบ้านฝานเรียบร้อย เดือนพฤษภาคมนี้จะจัดงานแต่งงานแล้วค่ะ!”
นางเหลียงรู้สึกไม่ชอบมาพากล นี่กินยาผิดหรือไร ไม่พูดถึงครอบครัวตนเองมาหลายปีดีดัก บ้านเหลียงนึกว่าได้หญิงกำพร้าเป็สะใภ้ด้วยซ้ำ
คนเป็แม่สามีจะเทิดทูนหลิวฟางได้หรือ? สถานะไม่เหมาะสมกัน พอแต่งงานมาก็ลืมกำพืดของตนเอง นางเหลียงคิดว่าหลิวฟางคือผู้หญิงเืเย็นคนหนึ่ง—ผู้หญิงคนนี้ไม่ไปมาหาสู่กับครอบครัวในชนบทหลายปีโดยไม่รู้สึกรู้สา คนนอกไม่รู้ คงนึกว่าตระกูลเหลียงเ้ายศเ้าอย่าง
คนเ้ายศเ้าอย่างที่สุดคือหลิวฟางนั่นแหละ ทว่าทั้งตระกูลเหลียงต้องแบกหม้อดำ [1] กันหมด!
นางเหลียงไม่โปรดลูกสะใภ้คนนี้เลยจริงๆ เธอคิดว่าหลิวฟางไม่มีอะไรดี ตอนนั้นหลิวฟางท้องโย้เข้าบ้านมา เหลียงปิ่งอันดึงดันที่จะแต่งงาน บ้านเหลียงกลัวว่าหลิวฟางจะออกไปพูดไร้สาระข้างนอกจนกระทบต่อหน้าที่การงานของเหลียงปิ่งอัน จึงกล้ำกลืนฝืนทนยอมรับหลิวฟางเข้าเป็สะใภ้ นางเหลียงดูแคลนหลิวฟางก็จริง ถึงกระนั้นท้องแรกได้ให้กำเนิดลูกสาว เหลียงฮวนตัวขาวน่าเอ็นดู พอเริ่มพูดได้ก็ปากหวานช่างเจรจา ในเมื่อนายและนางเหลียงโปรดปรานหลานสาว จะไล่มารดาของหลานสาวไปได้หรือ?
หลายปีผ่านไป ครรภ์หลิวฟางมีพัฒนาการ เธอให้กำเนิดลูกชาย ใช้ประโยชน์จากหลานชายทำให้พ่อแม่สามีเกรงใจ อย่างมากนางเหลียงก็แค่เพิกเฉยเธอเท่านั้น ไม่กล้าสร้างความเดือดร้อนแก่หลิวฟางจริงๆ
ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ หลิวฟางจึงพูดถึงครอบครัวตนเองขึ้นมาราวกับกินยาผิดขนาน ตอนแรกนางเหลียงยังไม่ทันตอบสนอง หลานสาวหลิวฟางจะแต่งงานแล้วเกี่ยวข้องอะไรกับบ้านเหลียง บิดาเหลียงปิ่งอันกลับจับใจความสำคัญได้
“ตระกูลฝานแห่งเขตเหอตงของพวกเรา? แต่งงานกับตระกูลฝานคนไหน?”
นางเหลียงตรัสรู้ในบัดดล ที่แท้ครอบครัวหลิวฟางก็อาศัยการสมรสเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะคนชนบทอีกแล้ว ไม่แปลกใจที่ต้องเอามาอวดโอ้เสียหน่อย
หลิวฟางกระหยิ่มยิ้มย่อง “คุณพ่อคะ แต่งงานกับฝานเจิ้นชวนค่ะ”
ฝานเจิ้นชวน!
นายเหลียงเปลือกตาสั่นระริก
แต่งงานกับคนอื่นในตระกูลฝานนั้นไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ทว่าการสมรสกับฝานเจิ้นชวนนั้น มันคือการสมรสเชื่อมสัมพันธไมตรีน่ะสิ สิ่งนี้หมายความว่าอะไร นายเหลียงย่อมเข้าใจแน่นอน
“ปิ่งอัน ภรรยาแกพูดจริงหรือ?”
เหลียงปิ่งอันคิดว่าเื่ราวก็แน่ใจถึงเก้าในสิบส่วนแล้ว ไม่เสียหายที่จะเปิดเผยต่อครอบครัว “ทางบ้านฝานตกลงแล้ว ตอนนี้วางแผนไว้ว่าจะจัดงานเดือนพฤษภาคม น้าหลี่และฝานเจิ้นชวนเองก็ชอบหลาวสาวของอาฟางมากทีเดียว”
ความน่าเชื่อถือในวาจาของเหลียงปิ่งอันสูงมาก นางเหลียงมองลูกสะใภ้ด้วยความสงสัย เด็กสาวชนบทจะเอาอะไรไปแต่งงานกับฝานเจิ้นชวนได้ ไม่พ้นหน้าตาสะสวย เท่านี้ฝานเจิ้นชวนก็ไม่เกี่ยงคุณสมบัติอื่นแล้ว... นางเหลียงไม่โปรดสะใภ้ แต่ต้องกล่าวคำชื่นชมจากใจจริงด้วยจุดยืนอันยุติธรรม เพราะหลิวฟางหน้าตาดี เหลียงฮวนถึงสวยได้
ดังนั้นลูกพี่ลูกน้องเหลียงฮวนย่อมมีรูปลักษณ์ตามแบบฉบับคนตระกูลหลิวเป็ธรรมดา
นายเหลียงไม่คิดเล็กคิดน้อยเท่าภรรยา ผู้ชายสนใจธุระหลักมากกว่า
เมื่อหลานสาวของหลิวฟางได้แต่งงานกับฝานเจิ้นชวน หน้าที่การงานของเหลียงปิ่งอันก็จะมีจุดผลิกผัน นายเหลียงไม่ได้มีสีหน้าชื่นมื่นเบิกบาน แต่น้ำเสียงคำพูดคำจาของเขานั้นโอนอ่อนมากขึ้น “ไปเยี่ยมญาติพี่น้องดึกดื่นค่ำมืด พวกแกจะมือเปล่าไปหรือ? ฉันให้แม่แกเก็บของฝากไปให้สักหน่อยดีกว่า คนอื่นเขาส่งน้ำผึ้งมาสองกระปุกพอดี พวกแกเอาไปด้วยเถอะ”
หลิวฟางปลื้มใจที่ได้รับความเอ็นดูเหลือล้น
หลานสาวยังไม่ทันได้แต่งงานกับฝานเจิ้นชวนด้วยซ้ำ พ่อสามีเธอก็เปลี่ยนท่าทีเสียแล้ว
พอสมรสอย่างเป็ทางการ หลายปีที่ผ่านมาของเธอถือว่าสิ้นสุดความขมขื่นรสหวานชื่นมาเยือนแล้ว!
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ! เช่นนั้นฉันขอเอาไปเลย วันหลังจะส่งน้ำผึ้งใหม่มาให้คุณพ่อคุณแม่อีกที”
“ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ของเล็กๆ น้อยๆ ยังจะคิดอะไรมากมายอีกหรือ”
นายเหลียงบอกพวกเขาให้ห่อน้ำผึ้งและรีบเข้าเมืองเสีย
เหลียงปิ่งอันขับรถจากไป นางเหลียงถึงเข้าใจว่าอะไรเป็อะไร
“คุณ คุณว่าจริงหรือหลอก?”
นายเหลียงกุมมือไพล่หลังอย่างอารมณ์ดี “ปิ่งอันยืนยันแล้ว แบบนั้นก็ต้องจริงแน่นอน”
หลิวฟางหายใจแรงด้วยความปลื้มปริ่มเสียฟองน้ำมูกแทบออกจากจมูก เธอสนทนาเื่นี้กับเหลียงปิ่งอันตลอดทาง แต่เหลียงปิ่งอันกลับตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก “อีกเดี๋ยวคุณพูดให้มันน้อยลงหน่อย ให้ผมคุยกับหลานเอง เด็กสาววัยรุ่นไม่มีเหตุผลมากพอ เห็นแค่พวกเราสองคนทาบทามจับคู่โดยปิดบังเธอ แต่ไม่เข้าใจข้อดีของการแต่งงานเข้าตระกูลฝานหรอก”
นี่คือวิวาห์เชื่อมสัมพันธ์ มิใช่การกลายเป็ศัตรูเสียหน่อย
ถ้าทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานยินยอมพร้อมใจแต่งงานเองจะดีที่สุด เช่นนั้นทุกคนล้วนเป็สุขกันถ้วนหน้า!
แต่หากไม่ยินยอม อย่างไรก็ต้องแต่งอยู่ดี การแต่งงานทั้งที่คร่ำครวญหวนไห้จะะเือารมณ์ขนาดไหน?
หลิวฟางวาจารื่นหูสู้เหลียงปิ่งอันไม่ได้ เหลียงปิ่งอันมีวาทศิลป์ อย่างไรเสียเป็ถึงรองหัวหน้าหน่วยงาน มีปฏิสัมพันธ์กับคนทุกรูปแบบในทุกๆ วันจึงรู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร เหลียงปิ่งอันขับรถไปเรื่อยๆ พอสองสามีภรรยามาถึงซางตูก็มุ่งตรงไปบ้านย่าอวี๋ทันที
“อยู่ที่นี่นะ ฉันจะไปเรียกที่ประตู”
หลิวฟางถือน้ำผึ้งสองกระปุกไปเคาะประตู เหลียงปิ่งอันก็ลงจากรถเช่นกัน
ประตูถูกเปิดออกจากด้านใน เศษอาหารเหลือทิ้งก็ถูกสาดออกมาอย่างนั้น หลิวฟางยืนอยู่ด้านหน้า เธอโดนสาดไปทั่วทั้งตัว ส่วนเหลียงปิ่งอันหลบทัน เขาจึงโดนเพียงเล็กน้อย หลิวฟางกำลังอ้าปากอยู่ เศษอาหารเลยกระเด็นเข้าปากเธอ กลิ่นและรสเหม็นบูดนั้นทำเอาเธอพะอืดพะอมสำลักไปหลายหน
หลิวเฟินผู้ใสซื่ออ่อนแอถือถังที่เคยใส่เศษอาหารเอาไว้
“...ไม่อนุญาตให้อาเจียนหน้าประตูบ้านฉัน ออกไปให้ไกลกว่านี้!”
เชิงอรรถ
[1]背黑锅 แบกหม้อดำ หมายถึง รับความผิดหรือถูกกล่าวโทษอย่างไม่ยุติธรรม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้