ไม่รู้เป็เพราะเหตุใดน้ำเสียงหนักแน่นเช่นนี้ทำให้เสี่ยวกงเจวี๋ยรู้สึกหลงใหล กงอี่โม่ เซียงหรูอี่โม่(相濡以沫)แต่เดิมคำนี้ใช้อธิบายลักษณะปลาสองตัวที่ใกล้ตาย ต่างฝ่ายต่างหันปากเข้าหากันใช้น้ำลายสร้างความชุ่มชื้นให้อีกฝ่ายเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปทว่าเมื่อใช้กับมนุษย์จะหมายถึง ถึงต้องตายก็ยังพึ่งพาซึ่งกันและกันช่างเป็คำอธิบายที่น่าประทับใจยิ่งนัก
เขาเอามือเท้าคางมองใบหน้าด้านข้างของกงอี่โม่พร้อมแอบคิดในใจเขากับเสด็จพี่ในตอนนี้ถือว่าเป็ ''เซียงหรูอี่โม่'' ด้วยใช่ไหม?
กงอี่โม่ ช่างเป็ชื่อที่ดีเสียจริง
เขาไม่เคยคาดคิดว่าชื่อนี้จะกลายเป็ตราประทับที่ฝังลึกอยู่บนร่างของเขาท่ามกลางแสงจันทรายามค่ำคืนเป็ความทรงจำที่เขาไม่เคยลืมเลือนตลอดชั่วชีวิตนี้การตายของเสวี่ยเฟยทำให้ชื่อนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยผงธุลีทว่าในความคิดของเสี่ยวกงเจวี๋ยนั้น ชื่อนี้ให้ความหมายที่แตกต่างออกไปเป็การมอบความสว่างสดใสขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อฝึกวรยุทธ์่เช้าเรียบร้อยแล้วกงอี่โม่จึงนั่งหน้าบูดอยู่ในสวน จะร้องไห้ก็ไม่ใช่ จะหัวเราะก็ไม่เชิง
เมื่อสักครู่จู่ๆ นางก็อยากเก็บข้าวของในช่องว่างมิติเวลาของนางช่องว่างนี้สร้างความปวดหัวอย่างยิ่ง ไม่มีของดีของวิเศษก็ช่างเถิดแต่มันไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตได้เลย ตรงจุดนี้ทำให้นางโมโหที่สุดตอนที่นางทะลุมิติมาในชาติแรกเป็่จังหวะไม่ค่อยดีช่องว่างมิติเวลาของนางจึงไม่ได้เก็บของสำคัญมากมายนัก
ก่อนทะลุมิติมา นางชื่นชอบการท่องเที่ยวมากในช่องว่างมิติเวลาจึงมีอุปกรณ์สนามต่างๆ และของใช้ชีวิตประจำวันที่สำคัญ ช่องว่างนี้มีขนาดไม่ใหญ่นักก็แค่สองสามลูกบาศก์เมตรเท่านั้นเอง
ทว่าก่อนที่นางทะลุมิติมานั้น เพื่อนของนางขอให้นางช่วยย้ายบ้านส่วนเพื่อนคนนั้นก็เป็พวกหนอนหนังสือ ภายในบ้านมีหนังสือมากมายเต็มไปหมดเดิมทีนางกับเพื่อนนัดแนะกันไว้ว่านางจะมาช่วยเท่านั้นแต่แล้วก่อนย้ายบ้านเพียงไม่นาน อีกฝ่ายกลับมีธุระด่วนต้องกลับไปก่อนนางจึงต้องเป็คนขนย้ายข้าวของอยู่คนเดียว ตอนที่อีกฝ่ายจัดการติดต่อย้ายบ้านเขาเรียกรถมาเพียงหนึ่งคันเมื่อวางเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านแล้วก็ไม่เหลือที่ว่างอีกกงอี่โม่แอบี้เี จึงวางหนังสือทั้งหมดไว้ในช่องว่างมิติเวลานางใส่จนเต็มไม่เหลือที่ว่างแต่คาดไม่ถึงว่ารถรับจ้างขนของกลับเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง นางจึงทะลุมิติมาดังนั้นนอกจากพวกยาและของใช้จำเป็ยามเดินทางแล้วช่องว่างมิติเวลาของนางจึงเต็มไปด้วยหนังสือ มีหนังสือเต็มไปหมด!
ชาติที่แล้วตอนที่นางคารวะอาจารย์ศึกษาวิชาอยู่บนูเาอวิ๋นติ่งนั้น่ยามว่างนางจึงอ่านหนังสือไปไม่น้อย เพียงแต่ภายหลังเมื่อนางลงจากูเาแล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งนางช่วยกงเช่อแอบขนย้ายอาวุธนางจึงขนหนังสือในช่องว่างมิติเวลาออกมาทั้งหมด ภายหลังจวนท่านอ๋องเกิดอัคคีภัยหนังสือทั้งหลายจึงกลายเป็เถ้าถ่าน นางยังรู้สึกเสียดายไป่หนึ่งคาดไม่ถึงว่าเมื่อนางกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง หนังสือเหล่านี้จะกลับมาด้วยกงอี่โม่เบะปาก หากนางรู้ล่วงหน้าว่าจะทะลุมิติมานางควรจะหาปืนมาสักสองสามกระบอกน่าจะดีกว่า
ทว่าหนังสือส่วนใหญ่ก็ยังมีประโยชน์มากเพื่อนของนางคนนั้นมีความชอบสารพัด มีความสามารถมากมายหนังสือที่เขาสะสมจึงมีหลากหลายประเภท และเพราะหนังสือเหล่านี้ชาติที่แล้วนางจึงสามารถช่วยกงเช่อไว้ได้มากทว่าเนื่องจากนางใช้เทคโนโลยีทันสมัยเกินไป ทำให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมอยู่ไม่น้อยสายตาของกงอี่โม่พลันหม่นลง นางเลิกคิดเื่นี้แล้ว
ตอนนี้สิ่งที่นางรู้สึกปวดศีรษะมากเื่หนึ่งก็คือการให้วิชาความรู้แก่เด็กน้อยนางศึกษาเกี่ยวกับตัวอักษรของมิตินี้ได้ั้แ่ชาติที่แล้วทว่านางกลับศึกษาเื่อื่นๆ น้อยมาก เนื่องจากนางไม่สนใจวัฒนธรรมล้าหลังของที่นี่จึงไม่รู้ว่าคนในยุคสมัยนี้สอนหนังสือเด็กอย่างไร
ช่างเถิด ก็เริ่มจากเรียนรู้ตัวอักษรก็แล้วกัน
เวลานี้พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น กงอี่โม่สะบัดมือข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ในสวนทั้งหมดพลันหายไป กงอี่โม่ะโข้ามกำแพงออกไปโดยตรงนางปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของผู้มาเยือน ทำให้นางกำนัลน้อยผู้นั้นใขนาดหนัก
นางกำนัลน้อยผู้นี้ก็คือคนที่นางช่วยไว้ในตอนนั้นเมื่อนางกำนัลน้อยมาแล้ว กงอี่โม่จึงให้อีกฝ่ายไปดูแลเสี่ยวกงเจวี๋ยหากมีธุระให้มาเคาะประตู นางกำนัลน้อยผู้นี้เป็คนขี้กลัว ไม่กล้าต่อต้าน ดังนั้นกงอี่โม่จึงให้อีกฝ่ายอยู่ข้างกายกงเจวี๋ย ชื่อของนางกำนัลผู้นี้คือซินเอ๋อร์
ซินเอ๋อร์อายุสิบห้าปี เป็คนขี้กลัวมาแต่ไหนแต่ไรก่อนหน้านี้เมื่อนางเห็นว่าองค์หญิงป่วยหนักที่ร่ำลือกันผู้นั้นคือเด็กน้อยที่ช่วยนางไว้นางก็ใแทบสิ้นสติ แต่เมื่อได้ติดต่อกันระยะหนึ่งแล้วนางเห็นองค์หญิงะโลอยไปลอยมา นางจึงมองภาพเหล่านี้เป็เื่ปกติโดยปกติพระโอรสและพระธิดาย่อมแตกต่างกันอีกทั้งแม้ว่านางจะพูดเื่นี้ออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ นางจึงอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อเห็นองค์หญิงมีความสามารถเช่นนี้ หากนางเชื่อฟังคำพูดขององค์หญิงแล้วต่อไปนางอาจมีโอกาสได้ดิบได้ดีเช่นกัน
“องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันไปหยิบสำรับแล้ว แต่ถูกพวกเขาไล่ออกมาเพคะ”นางเอ่ยปากอย่างน่าสงสาร น้ำตาไหลพรากนิ้วมือของนางจิกบนชุดนางกำนัลสีเรียบของตนโดยไม่รู้ตัวท่าทางดูน่าสงสารน่ารังแกอย่างยิ่ง นางก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิมพอเอ่ยออกมาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี เื่เล็กๆแค่นี้นางยังจัดการไม่ได้ ทว่าหากอีกฝ่ายไม่ยอมให้มา นางก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ
เมื่อได้ยินแล้ว กงอี่โม่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใดแต่ไหนแต่ไรคนในตำหนักเย็นเ่าั้ก็เป็เช่นนี้อยู่แล้วพวกเขามีความสุขกับการรังแกคนที่เคยเป็เ้านายมาก่อน
ไม่เชื่อฟังใช่ไหม? นางชอบคนไม่เชื่อฟังเช่นนี้ที่สุด
แม่นางตัวน้อยคลี่ยิ้มจนเห็นฟัน ทำให้ซินเอ๋อร์ใจนไม่กล้าเงยหน้า“ข้าหิวแล้ว ในเมื่อขอไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปคุยกับพวกเขาด้วยเหตุผลกัน”
“เสด็จพี่จะไปไหนหรือ?”
หลังจากดูแลมาสองสามวัน สีหน้าของเสี่ยวกงเจวี๋ยจึงดูดีขึ้นไม่น้อยเวลานี้เขาสวมชุดเหมาะสมกับขนาดตัว แม้ว่าเขายังผอมมาก ทว่าท่าทางสง่างามที่มีมาั้แ่กำเนิดยังคงมีอยู่อีกทั้งความระแวดระวังก่อนหน้านี้ก็หายไปเวลานี้เขาจึงมีความไร้เดียงสาของเด็กน้อยขึ้นมาบางส่วน กงอี่โม่พยักหน้าพอใจในใจของนางคิดว่าต่อไปเมื่อเลี้ยงดูอย่างดีแล้วเด็กน้อยคนนี้ก็ยังเป็ซาลาเปานุ่มๆ น่าเอ็นดูได้อยู่ดี
“ไม่เป็ไร ข้าจะพาซินเอ๋อร์ไปคุยกับใครสักหน่อยอีกประเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
เขารู้ดีว่าเสด็จพี่กำลังจะไปเอาเื่คนในตำหนักเย็นเ่าั้เพื่อเขาเขาในฐานะเป็พระโอรส เขาจะลำบากเสด็จพี่ทุกเื่ได้อย่างไร? เขากะพริบตากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าก็ไปด้วย”
กงอี่โม่ส่ายศีรษะ
่ที่กงเจวี๋ยอยู่ในตำหนักเย็นแห่งนี้ผ่านไปไม่กี่วันก็ต้องมีคนมาลอบสังหารเขาเห็นได้ชัดว่ามีคนกังวลกับฐานะพระโอรสของเขาอยู่ ในเมื่อเป็เช่นนี้ ปัญหาต่างๆก็ปล่อยให้นางเป็คนออกหน้าเถิด ในเมื่อตัดสินใจดูแลเขาแล้ว ตอนที่เขายังเล็กเช่นนี้นางจะต้องขจัดปัญหาทุกอย่างอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างเต็มความสามารถ
เมื่อคิดดูแล้ว นางช่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดจริงๆนางเกือบซาบซึ้งกับความเป็มารดาผู้ปกป้องของตนเสียแล้ว!
ระยะเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมา ในความคิดของกงเจวี๋ยนั้น กงอี่โม่มีอำนาจออกคำสั่งเขาแล้วในเมื่อเสด็จพี่บอกว่าห้ามไป นั่นก็หมายความว่าเขาต้องห้ามขัดคำสั่งอย่างเด็ดขาดดังนั้น แม้ว่ากงเจวี๋ยจะไม่เต็มใจเลยแต่เขายังคงกลับไปทบทวนตัวอักษรที่เสด็จพี่สอนเขาไว้ก่อนหน้านี้ความรู้สึกว่าตนเองเป็ภาระทำให้เสี่ยวกงเจวี๋ยรู้สึกไร้พลังขณะที่เขาใช้กิ่งไม้เขียนตัวอักษรนั้น เขากดกิ่งไม้จนมันหักออกจากกัน
ทั้งๆ ที่เสด็จพี่อายุมากกว่าเขาไม่เท่าไรแต่นางกลับเป็ฝ่ายปกป้องเขาในทุกเื่ แล้วเมื่อไรเขาจะเติบโตจะเหมือนเสด็จพ่อ? เมื่อถึงตอนนั้นเขาไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายเสด็จพี่แม้แต่นิดเดียว
ขณะที่กงอี่โม่มาถึงเรือนที่พักฝ่ายในของตำหนักเย็นนั้น พวกเขาต่างทานอาหารเรียบร้อยแล้วตรงจุดนี้ทำให้กงอี่โม่รู้สึกเดือดจัด นางถีบประตูด้านนอกจนเปิดออกพวกเขาเจ็ดแปดคนต่างมองกงอี่โม่อย่างตกตะลึง สายตาไม่ค่อยเป็มิตรนัก
“โอ้! นี่ก็คือองค์หญิงไม่ใช่หรือ? ดูท่าทางสิ น่าจะหายดีแล้ว ช่างเป็คนโชคดีเสียจริง”
ผู้ที่กล่าวประโยคนี้คือแม่นมผู้ดูแลตำหนักเย็น นางนามสกุลสวี่ตอนนี้นางทำงานมานานมากแล้ว จึงไม่มีตำแหน่งสูงกว่านี้ให้เลื่อนขึ้นแล้ว ดังนั้นสายตาที่มองคนอื่นจึงเต็มไปด้วยความเ็า การพูดจาเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
กงอี่โม่ไม่ชอบพูดจาอ้อมค้อม นางคลี่ยิ้มหวาน ท่าทางเหมือนตุ๊กตาน่ารักน่าเอ็นดู ราวกับว่าผู้ที่ถีบประตูเมื่อสักครู่ไม่ใช่นาง
“แม่นมสวี่ ตอนนี้เ้าทำไม่ถูกนะ ข้าที่เป็องค์หญิงยังไม่ได้ทานแต่พวกเ้ากลับทานกันหมดแล้ว ถึงเสด็จพ่อจะส่งข้ามาที่ตำหนักเย็นแต่ยังไม่ได้ถอดตำแหน่งองค์หญิงของข้า พวกเ้าทำเช่นนี้ถือเป็การดูิ่อย่างยิ่ง”