ผลจากอาการเมาค้างคือเหยาเชียนเชียนรู้สึกทรมานไปเกือบครึ่งวัน จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเที่ยงนางถึงได้ดีขึ้นมาบ้าง
“อาเหยียนค่อยๆ กินนะ” เหยาเชียนเชียนตักน้ำแกงให้เขา “อย่าสำลักเล่า หากเ้าชอบลูกนกพิราบย่างจานนี้จริงๆ ที่ห้องเครื่องเล็กก็ยังมีอยู่”
อาเหยียนใช้ตะเกียบคีบอาหารบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ด้านหนึ่งตอบรับคำ อีกด้านหนึ่งก็ยัดอาหารเข้าปาก ต้องเร็วหน่อย ถึงอย่างไรท่านพ่อก็กำลังจะกลับมาแล้ว
เหยาเชียนเชียนคิดว่าเขาหิว ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่นานนักก็มีคนเข้ามาแจ้งว่าชิงผิงอ๋องเสด็จกลับมาแล้ว คราวนี้อาเหยียนจึงวางตะเกียบลง เช็ดมือเช็ดหน้าแล้วรีบขอตัวลาทันที
“เด็กคนนี้นี่นะ” เหยาเชียนเชียนยิ้มอย่างจนใจ “ไปเชิญท่านอ๋องมาเถิด ข้ามีเื่จะคุยด้วย”
เดิมทีเป่ยเหลียนโม่ก็จะมาที่นี่อยู่แล้วเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเหยาเชียนเชียนเตรียมชาดีรอไว้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุขยิ่งขึ้น เขาเล่าเื่พิษกู่ให้นางฟังอย่างสั้นๆ แต่ได้ใจความ
“ท่านอ๋องหมายความว่าพิษกู่ของหม่อมฉันถูกถอนแล้วหรือเพคะ?” เหยาเชียนเชียนประหลาดใจ “เหตุใดอยู่ๆ ถึงถอนได้แล้วเล่า?”
เป่ยเหลียนโม่บอกนางอย่างลังเลว่า เมื่อวานซ่งอีอีพาสตรีนางนั้นกลับไปและลงโทษในคืนนั้นเลย
“ขอเพียงหมู่กู่ตายแล้ว จื่อกู่ก็จะตายตามไปด้วย ดังนั้นพิษกู่ของเ้าจึงถูกถอนออกไปเมื่อคืนนี้ เพราะเ้าเมาจึงไม่ค่อยรู้สึกไม่สบายตัวนัก แต่ก็ถือเป็เื่ดี”
รอยยิ้มที่มุมปากของเหยาเชียนเชียนแข็งค้าง ที่บอกว่าลงโทษ นั่นหมายความว่าสตรีนางนั้นตายแล้วหรือ?
“แต่...แต่เรายังไม่ได้ดำเนินการตามแผนเลยนะเพคะ เหตุใดซ่งอีอีจึงปะานางโดยไม่พูดอะไรสักคำ ที่บอกว่ามีวิธีเอาพิษกู่ออกมาโดยสามารถรักษาชีวิตของนางไว้ได้ เหตุใดยามนี้ถึง...”
เหตุใดนางถึงตายไปแล้วได้ เหยาเชียนเชียนหลุบตาลง ความตั้งใจเดิมของพวกเขาไม่ใช่การฆ่าสตรีนางนั้น เดิมทีนางก็น่าสงสารอยู่แล้ว ถึงอย่างไรในยามนั้นองค์ชายสามก็เลี้ยงหนอนตัวหนึ่งไว้ในร่างกายของนางราวกับเป็ภาชนะก็ไม่ปาน
ตัวของเหยาเชียนเชียนเองก็ถือได้ว่าหัวอกเดียวกันกับสตรีนางนั้น นอกจากนี้พ่อแม่ของนางก็เสียชีวิตไปด้วยมีเหตุมาจากองค์ชายสามทั้งคู่ และยามนี้นางก็ตายจากไปแล้วเช่นกัน ครอบครัวนี้ไม่อาจเหลือสายเืทิ้งไว้ได้เลย
“ท่านอ๋อง หากไม่ใช่เพราะหม่อมฉัน นางก็คงไม่ต้องตายใช่หรือไม่เพคะ?”
เหยาเชียนเชียนอดคิดแบบนี้ไม่ได้ แม้ว่าโดยแก่นแท้แล้วล้วนเป็เพราะองค์ชายสามที่จงใจหลอกใช้นาง แต่หากนางไม่ได้ไปพูดคำเ่าั้กับซ่งอีอี ก็จะไม่เป็การกระตุ้นให้อีกฝ่ายปะาชีวิตซ่งเจียอี
“เพราะยามนั้นหม่อมฉันพูดเกินไปหรือ ที่จริงแล้วเดิมทีซ่งอีอีคงไม่ถึงขั้นฆ่าแกงผู้ใด หากหม่อมฉันพูดอ้อมค้อมกว่านี้สักหน่อย นางก็อาจจะแค่พาตัวซ่งเจียอีกลับมา ทำการตักเตือน ข่มขู่ หรืออาจถึงขั้นทุบตีเท่านั้น แต่อย่างไรก็จะไม่เอาชีวิตนางอย่างเด็ดขาด”
เป่ยเหลียนโม่ขมวดคิ้ว ในความคิดของเขาเหตุการณ์นี้นับเป็เื่ปกติมาก เื่ราวในบ้านเมืองมีมากมายที่โหดร้ายและไร้ความปรานียิ่งกว่านี้ ถึงอย่างไรก็เป็แค่สตรีของครอบครัวหนึ่งที่จัดการชู้ที่ถูกเลี้ยงไว้ข้างนอกเท่านั้น เื่แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใดล้วนไม่ใช่เื่แปลก
แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปยังยอมรับไม่ได้ที่สามีของตัวเองนอกใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสะใภ้ของราชวงศ์เลย
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อยเมื่อทราบข่าว ความโหดร้ายของซ่งอีอีช่วยทำให้เขาสะดวกขึ้นยิ่งนัก และช่วยให้เขาหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคตด้วย ทว่าสำหรับเหยาเชียนเชียนนั้นก็ยากที่จะยอมรับได้ในยามนี้
“เื่นี้เ้าก็เหมือนกับนาง เพียงแค่ถูกหลอกใช้และถูกหลอกลวงเช่นเดียวกัน เดิมทีนางก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอยู่แล้ว วิธีที่กล่าวไปในยามต้นก็ไม่สามารถรับประกันชีวิตของนางได้เต็มร้อย ในท้ายที่สุดแล้วเื่นี้ก็ต้องโทษคนที่วางพิษกู่”
เหยาเชียนเชียนหลับตาลง เป่ยเหลียนโม่เคยบอกนางว่านางจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อหมู่กู่ตายแล้วเท่านั้น
ทว่านางไม่มีความคิดที่จะฆ่าคนผู้นั้นเลย เพียงแค่รอให้ซ่งอีอีจับตัวสตรีผู้นั้นมาอยู่ใกล้ตัว และหาโอกาสทดลองวิธีที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย แต่ไม่คิดเลยว่าซ่งอีอีจะรีบจัดการซ่งเจียอีรวดเร็วเช่นนี้
“หม่อมฉันเข้าใจที่ท่านอ๋องบอกเพคะ เพียงแต่ในท้ายที่สุดแล้วหม่อมฉันก็ยังพัวพันกับเื่นี้อย่างสลัดไม่หลุด แม้องค์ชายสามเป่ยเซวียนเฉิงจะมีความผิด แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าหม่อมฉันบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง”
นางไม่ชอบที่ปัญหาพัวพันของตัวเอง แต่ที่อยู่ข้างหน้ามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น หากไม่ใช่คนผู้นั้นต้องตายและนางได้รับความช่วยเหลือ ก็ต้องเป็นางที่จำใจยอมรับเสียเอง และปล่อยให้เป่ยเซวียนเฉิงเลี้ยงหมู่กู่ต่อไป
พวกเขายังไม่ทันได้ลองวิธีที่ดีที่สุด ทว่าซ่งอีอีก็จัดการคนผู้นั้นไปเสียแล้ว เหยาเชียนเชียนไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย แต่นางก็ยังคงรู้สึกอึดอัดใจ
“เปิ่นหวังจะเชิญพระมาโปรดสัตว์ เพื่อให้ชาติหน้าของนางสงบสุขไร้กังวล เ้าอย่าได้กังวลอีกเลย”
เป่ยเหลียนโม่ถอนหายใจเบาๆ แม้ว่าเื่นี้จะมีเหตุและผลแต่ก็ไม่ถือเป็ความผิดของนาง เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ การใช้ชีวิตอย่างดีต่างหากจึงจะไม่เป็การทำให้คนผู้นั้นไม่ตายไปอย่างสูญเปล่า
เขากล่อมเหยาเชียนเชียนจนนางหลับไปอีกครั้ง จิตใจที่เดิมทีรู้สึกชื่นมื่นเพราะเื่เมื่อคืน ในยามนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไร เขาหวังเพียงว่านางจะฟื้นตัวโดยเร็ว เมื่อถึงเวลานั้นนางอาจจะสามารถไปสร้างความเดือดร้อนให้คนผู้นั้นในวังหลวงได้
ภายในตำหนักอันสง่างาม เป่ยเซวียนเฉิงนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างมืดมน ซ่งอีอีมองเขาด้วยสายตาเ็า มุมปากยกขึ้นอย่างเหยียดหยาม
“ฝ่าาเป็อะไรไปเล่าเพคะ ั้แ่เสด็จกลับมาจากว่าราชการยามเช้าก็ให้หม่อมฉันคุกเข่าอยู่ที่นี่ หรือว่าทำเพื่อนางคนต่ำเมื่อคืนเล่า?”
นางยิ้มอย่างประชดประชัน “ต่อให้หม่อมฉันลงโทษนางแล้วอย่างไรเล่า หรือว่าเช่อเฟยเช่นข้าไม่สามารถแตะต้องตัวบ่าวได้เลยหรือ”
เป่ยเซวียนเฉิงโบกมือไล่บ่าวซ้ายขวาให้ออกไป ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและก้าวไปตรงหน้าซ่งอีอีอย่างช้าๆ ั์ตาดุร้ายจ้องมองนางเขม็ง จากนั้นก็เหวี่ยงมือตบลงไปอย่างแรง
“กรี๊ด!”
ซ่งอีอีทั้งใและโกรธในเวลาเดียวกัน นางไม่เคยคิดเลยว่าเป่ยเซวียนเฉิงจะทำร้ายนางเพียงเพื่อบ่าวคนเดียว ดูท่าว่าเหยาเชียนเชียนจะพูดถูก สตรีนางนั้นมีความสำคัญในหัวใจของเป่ยเซวียนเฉิงจริงๆ
โชคดีที่นางจัดการบ่าวนางนั้นไปั้แ่เนิ่นๆ ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้นางคนต่ำนั่นอยู่ข้างกายเป่ยเซวียนเฉิง เกรงว่าตำแหน่งเช่อเฟยของนางก็จะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว
“ฝ่าาปฏิบัติต่อหม่อมฉันเช่นนี้ ไม่กลัวว่าหากข่าวแพร่ออกไปจะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะเอาหรือเพคะ? เพื่อบ่าวทาสคนเดียว พระองค์ถึงกับลงโทษเช่อเฟยที่ได้รับสมรสพระราชทานจากเสด็จพ่อ ความสัมพันธ์ระหว่างบ่าวผู้นั้นกับพระองค์เกรงว่าทั่วทั้งนครหลวงยังคงไม่มีผู้ใดรู้กระมัง หรือพระองค์อยากให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินเื่นี้หรือเพคะ?”
ดวงตาเย้ยหยันของซ่งอีอีแทงลึกลงไปในหัวใจของเป่ยเซวียนเฉิง นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ่าวผู้นั้นมีความสำคัญต่อเขาอย่างไร เหยาเชียนเชียนแต่งงานกับเป่ยเหลียนโม่แล้ว ยามนี้พันธะที่เขามีต่อนางก็ถือว่าถูกตัดขาดไปโดยสมบูรณ์
“เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้าทำพังไปกี่อย่างแล้ว” เป่ยเซวียนเฉิงเหยียบลงบนนิ้วมือของซ่งอีอีพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงน่าครั่นคร้าม
“เพื่อชื่อเสียงอันน่ารังเกียจเ่าั้ เ้าถึงกับทำเื่เช่นนี้ลงไปได้ ช่างมองอะไรตื้นเขินยิ่งนัก คำสั่งสอนของเฉิงเซี่ยงโยนให้สุนัขกินไปหมดแล้วหรืออย่างไร มิน่าเล่าเป่ยเหลียนโม่ถึงได้ดูแคลนเ้าทุกทาง หากเป็ข้าคงดูแคลนยิ่งกว่านั้นเสียอีก”
ซ่งอีอีรู้สึกเพียงว่าแรงใต้ฝ่าเท้าของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งของนางถูกเขาเหยียบจนแทบจะแหลก เหงื่อเย็นไหลเข้าไปในดวงตา ทำให้การมองเห็นที่พร่าเลือนอยู่แล้วยิ่งไม่ชัดเจนมากขึ้นไปอีก
ท่านอ๋องไม่ได้ดูแคลนนาง แต่เป็เพราะเหยาเชียนเชียนผู้นั้นคอยเล่นลูกไม้อยู่ข้างกายเขาชัดๆ ในเมื่อเป่ยเซวียนเฉิงชื่นชมเหยาเชียนเชียนถึงเพียงนี้ เหตุใดยังต้องเลี้ยงสตรีอื่นลับหลังนางอีก
ดูยามนี้สิ เขาบีบให้นางต้องอยู่ในสภาพจนมุมเช่นนี้เพียงเพื่อบ่าวผู้นั้น เขากล้าพูดหรือว่าในใจของเขาไม่มีความรู้สึกผิดต่อเหยาเชียนเชียนเลยแม้แต่น้อย?
“ทว่าพระองค์กลับเอาตัวรอดได้ดียิ่ง” ซ่งอีอีกล่าวพลางยิ้มเยาะ “หากหม่อมฉันร้ายกาจเช่นนี้ แต่พระองค์ก็ยังคงอภิเษกสมรสกับหม่อมฉันมิใช่หรือ ทั้งเหยาเชียนเชียนและนางคนต่ำผู้นั้น พระองค์รักษาผู้ใดไว้ไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว จึงทำได้เพียงระบายโทสะกับหม่อมฉันในยามที่ไร้ซึ่งผู้คน พระองค์ช่างองอาจยิ่งนัก”
เป่ยเซวียนเฉิงดึงนางขึ้นมา แววตาของเขามืดครึ้ม น้ำเสียงเย็นะเื
“เหตุที่ข้าต้องอภิเษกสมรสกับเ้าก็เพราะว่าเ้าโง่เองไม่ใช่หรือ ไม่อาจได้รับความรักจากเป่ยเหลียนโม่ก็ช่างเ้าเถิด แต่นี่ยังลำบากมาถึงข้าด้วย เ้าลองออกไปสอบถามดูก็ได้ มีผู้ใดบ้างในนครหลวงแห่งนี้ที่จะไม่กล่าวถึงเช่อเฟยเช่นเ้าว่าเป็ดอกหยางน้ำ ข้าและเ้าผูกติดอยู่ด้วยกันจึงเรียกได้ว่าขยะแขยง”
ขยะแขยงหรือ ซ่งอีอีขบฟันกรามจนแทบแตก ครั้งหนึ่งชิงผิงอ๋องก็เคยมองนางด้วยสายตาเช่นนี้
ในสายตาของเขาส่อแววรังเกียจอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน ไม่ว่านางจะวอนขออย่างต่ำต้อยเพียงใด เขาก็ไม่เคยมองมาที่นาง แม้กระทั่งเื่ไร้สาระกับเป่ยเซวียนเฉิงในยามต้น เขาก็ถือเป็เพียงบทเรียนสำหรับตักเตือนนางเท่านั้น
มีสิทธิ์อันใดกัน!
ซ่งอีอีกอบกุมมือข้างที่โดนเป่ยเซวียนเฉิงเหยียบย่ำเอาไว้ ผิวเนื้อซึ่งเดิมทีอ่อนนุ่มทว่ายามนี้กลับแตกยับและมีเืออกเสียแล้ว สิบนิ้วเชื่อมโยงถึงหัวใจ ในสายตาของเป่ยเซวียนเฉิง นางเทียบกับบ่าวผู้นั้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ฝ่าาดูแคลนหม่อมฉัน ไหนเลยจะให้หม่อมฉันให้เกียรติพระองค์” นางลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ แม้ว่านางจะเป็เช่อเฟยของเขา แต่พวกเขาก็ไม่มีไมตรีต่อกันอยู่แล้ว ทว่าก็ไม่มีเหตุผลใดที่นางจะต้องถูกเขาทำให้เสียเกียรติเช่นนี้
“ความบริสุทธิ์ตลอดทั้งชีวิตของหม่อมฉันถูกทำลายโดยพระองค์ ยามนี้หม่อมฉันยังต้องทนต่อแววตาเย้ยหยันเพื่อเื่พวกนั้นอีกหรือ ท้ายที่สุดแล้วพระองค์เป็องค์ชายผู้มีฐานะสูงศักดิ์ แล้วหม่อมฉันเล่า หม่อมฉันเป็ถึงบุตรสาวแห่งจวนอัครมหาเสนาบดี แต่ทำได้เพียงยอมให้พระองค์เหยียดหยามได้ตามอำเภอใจหรือ!”
ซ่งอีอีเดินไปที่เก้าอี้และนั่งลงโดยไม่มองสีหน้าบึ้งตึงของเป่ยเซวียนเฉิงเลยแม้แต่น้อย นางก็เป็คุณหนูทองพันชั่งผู้ซึ่งได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนเช่นกัน แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับเหล่าองค์ชายและองค์หญิงในวังหลวง แต่นางก็อยู่ในฐานะที่คนสามัญไม่สามารถเทียบเคียงได้
ถึงแม้เป่ยเซวียนเฉิงจะเป็สามีของนางและเป็ถึงองค์ชาย แต่เขาก็ไม่อาจมองนางเป็อากาศธาตุได้
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าเหยาเชียนเชียนเคยเชื่อฟังพระองค์เป็อย่างยิ่ง และยังลำบากหาเทียบยามามอบให้พระองค์เพื่อใช้รักษาร่างกาย นางทั้งเชื่อฟังและถ่อมตัวยิ่งนัก ทว่าพระองค์คงไม่ได้คิดว่าหม่อมฉันก็ต้องเป็เช่นนั้นหรอกกระมัง”
แล้วเหยาเชียนเชียนได้อะไรกลับคืนมาเล่า แม้ว่าท่านอ๋องจะยืนอยู่ข้างนาง แต่ท้ายที่สุดแล้วคนที่นางรักก็ยังคงเป็องค์ชายสามอยู่ดี
ซ่งอีอียิ้มประชดประชัน พอกล่าวเช่นนี้ นางก็แค่ฝืนมีชีวิตต่อไปเท่านั้น พวกเขาทั้งสี่คนต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่มีผู้ใดรู้สึกสบายใจเลย
แต่ในเมื่อทุกคนล้วนไม่ได้มีชีวิตที่ดี เช่นนั้นนางก็เป็สุขมากแล้ว
โดยเฉพาะกับเป่ยเซวียนเฉิงที่กำลังมองนางอยู่ยามนี้ ยามที่กล่าวถึงเหยาเชียนเชียนในอดีต เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเขาก็ยังคงเห็นแววผูกพันและอาวรณ์อยู่ นั่นทำให้นางยิ่งมีความสุข
“ฝ่าาไม่รู้หรือว่าพระชายาของชิงผิงอ๋องตั้งใจมาบอกหม่อมฉันเื่บ่าวผู้นั้นด้วยตัวเอง พระองค์ซ่อนนางไว้หลายปี แต่สุดท้ายเหยาเชียนเชียนก็รู้เื่แล้วไม่ใช่หรือ เมื่อเทียบกับความอดกลั้นและความเศร้าโศกของนาง หม่อมฉันกลับต้องโเี้กว่าสักหน่อย แม้จะต้องรองรับไฟโทสะของพระองค์เช่นนี้ แต่หม่อมฉันก็ยินดีเพคะ”
เป่ยเซวียนเฉิงหันกลับไปทันควัน เขามองนางอย่างไม่อยากเชื่อ
“เ้าว่าอย่างไรนะ เชียนเชียนเป็คนมาบอกเ้าหรือ นางกล่าวอะไรอีกหรือไม่?”
ซ่งอีอีเช็ดเืตรงมุมปากเบาๆ ฝ่ามือนั้นตบลงมารุนแรงยิ่งนัก แต่ยามนี้คาดว่าจิตใจของเป่ยเซวียนเฉิงจะต้องเ็ปยิ่งกว่านางเป็แน่
“พระชายาชิงผิงอ๋องกล่าวเพียงว่านางมองคนไม่ขาด นั่นก็ใช่ หากเป็หม่อมฉันถูกคนที่รักกันมาหลายปีหลอกลวง หม่อมฉันก็น่าจะเสียใจยิ่งกว่านี้ พระองค์เลี้ยงนางคนต่ำผู้นั้นไว้ข้างกายมาตั้งหลายปี พระชายาชิงผิงอ๋องจะเสียใจสักเพียงใด พระองค์ทรงจินตนาการออกหรือไม่?”
ซ่งอีอีจ้องใบหน้าของเป่ยเซวียนเฉิงเขม็ง ด้วยไม่อยากพลาดการแสดงเล็กน้อยใดๆ ไปแม้แต่นิดเดียว ยิ่งเห็นเขาเ็ปมากเท่าไรนางก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อนึกไปถึงยามที่เขาเปิดเผยความในใจกับเหยาเชียนเชียน แต่พอหันหลังก็อาจจะไปพบสตรีอื่น ความรู้สึกที่เหยาเชียนเชียนถือเป็ความภาคภูมิใจและให้ความสำคัญนั้น ไม่แน่ว่าอาจเป็เพียงเื่สนุกที่เขาใช้ผ่อนคลายอารมณ์เท่านั้น
ชายที่นางคะนึงหาทุกค่ำคืนอาจจะโอบกอดสตรีอีกคนไว้ทั้งคืนเช่นกัน ความสิ้นหวังและการโดนเย้ยหยันนั้นจะเป็เหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่ทุบหัวใจของนางจนยับเยิน
ซ่งอีอีลูบมือของตนเองที่แตกยับอย่างแ่เบา แม้ว่าหัวใจดวงนั้นของเขาจะต้องเ็ปยิ่งกว่านางเป็ร้อยเท่า แต่นางก็อยากให้เป่ยเซวียนเฉิงได้ลิ้มรสมันอย่างเต็มที่สักครั้ง
