ชาวบ้านรอบข้างใกันหมดเมื่อได้ยินเช่นนี้ หลายคนถอยห่างออกไป กลัวเกิดการปะทะแล้วเืกระเซ็นใส่
ตอนนี้พวกจ้าวสุ่ยเซิงกับหวางฟู่กุ้ยยืนอยู่ข้างเจียงหงหย่วน มองสวีเต๋อเซิ่งอย่างตื่นตัว
สวีเทาเรียกร้องความสนใจอยู่ด้านข้าง “จ้าวสุ่ยเซิง หวางฟู่กุ้ย พวกเ้าเป็พวกเดียวกันหรือไม่? ต้าเกอ จับพวกเดียวกันไปหยาเหมินด้วยเลยขอรับ มิเช่นนั้นเกิดหนีไปจะทำเยี่ยงไร? เหยื่อยี่สิบกว่าคนนั้นไม่มีทางเป็ฝีมือคนคนเดียวเป็แน่”
สวีลั่งช่วยราดน้ำมันลงกองไฟ “ต้าเกอ ข้าว่าพวกเขาเป็พวกเดียวกัน! จับไปหยาเหมินด้วยกันเลยนั่นแหละ ถึงหยาเหมินแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สารภาพ!” เข้าไปสั่งสอนสักชุด ต่อให้ไม่มีความผิดก็ยัดความผิดให้ได้
“นี่มันไปกันใหญ่แล้ว ลูกชายบ้านจ้าวกับบ้านหวางจะเป็พวกเดียวกันได้อย่างไร”
“สุ่ยเซิง เ้าเลิกยุ่งได้แล้ว มานี่!” จ้าวเถียนเซิงอยากไปดึงจ้าวสุ่ยเซิงออกมาแต่กลัวโดนลูกหลง ได้แต่เดินไปมาท่ามกลางฝูงชนด้วยความร้อนใจ
จ้าวเฉียนไหลที่ไม่ค่อยพูดเอ่ยปากแล้วเช่นกัน “สุ่ยเซิงมานี่ อย่าเข้าไปยุ่ง”
ป้าสองจ้าวฟาดท้ายทอยสามีตัวเอง “ขี้ขลาด! ลาตาบอดยังดีกว่าเ้า!” พูดจบก็ะโไปทางสุ่ยเซิง “สุ่ยเซิง ไม่ต้องฟังพ่อเ้ากับต้าเกอ! พวกเราไม่ได้ทำกระไรผิด หรือคิดจะใช้วิธีทรมานจนต้องยอมสารภาพ? คนเราบางครั้งก็ใจร้ายยิ่งนัก แม้แต่เพื่อนบ้านหมู่บ้านเดียวกันก็กล้าลงมือ วันนี้เป็คราวของเหล่าต้าบ้านเจียง แล้วยังคิดจะลากลูกชายข้าไปเกี่ยวอีก ไม่รู้ว่าวันพรุ่งจะเป็คราวของบ้านหลี่ บ้านหวาง บ้านซุนหรือบ้านเฉียน… แค่ครอบครัวเดียวคงยังไม่พอ ตอนนี้พวกเ้ามีความสุขที่ได้เหยียบย่ำ แต่รอให้ถึงคราวที่บ้านพวกเ้าโดนเองเมื่อไร ข้าจะคอยดูว่าพวกเ้าจะไปร้องให้ผู้ใดช่วย!”
หลายสิ่งหลายอย่างก่อนหน้านี้ทำให้ป้าสองจ้าวแน่ใจแล้วว่าหลินหวั่นชิวเป็ดาวนำโชค โชคชะตาของเจียงหงหย่วนดีขึ้นเมื่อเจอนาง หากป้าสองจ้าวมั่นใจในกระไรแล้วจะไม่ยอมหวั่นไหวง่ายๆ ต้องยืนยันที่จะติดตามจนถึงที่สุดจึงจะได้โชค
ไม่ใช่ว่าผู้อื่นรวยแล้วตีสนิท แต่พอมีปัญหาก็ถอยห่าง ถอยห่างเพียงครั้งเดียว ความสัมพันธ์ก็ไม่เหลือแล้ว คิดจะได้ผลประโยชน์หลังจากนี้…เหอะ ฝันไปเถิด
อีกอย่าง ป้าสองจ้าวพอจะมองออกว่าสวีฝูสองพ่อลูกไม่กล้าทำเกินเลย เพราะหากทำเกินเลยเกินไปจะเอากระไรมาป้องกันไม่ให้ชาวบ้านแอบกลั่นแกล้งลับหลัง?
หรือหมายความว่า ที่พวกเขากล้าเล่นงานเจียงหงหย่วนเพราะบ้านเจียงสนิทกับคนในหมู่บ้านแค่ไม่กี่บ้าน โดดเดี่ยวลำพัง แต่เ้าลองเล่นงานหลายครอบครัวดูสิ ทั้งหมู่บ้านเป็ญาติกันทั้งนั้น
นางเข้าใจหลักการนี้ดี ด้วยเหตุนี้จึงกล้าก้าวออกมาโวยวาย
ป้าสองจ้าวเป็สตรีปากร้าย โดนนางด่าเช่นนี้เข้าไป ชาวบ้านหลายคนหน้าแดง
ส่วนพี่น้องบ้านสวี สวีไคซานและฟ่านซื่อยิ่งมีสีหน้าไม่สู้ดี หน้าเปลี่ยนสีไปมาประหนึ่งเปิดโรงย้อม
“ป้าสอง เื่นี้ท่านไม่ต้องห่วงเ้าค่ะ” หลินหวั่นชิวพูดกับป้าสองจ้าว
นางพูดกับสวีเต๋อเซิ่งว่า “พวกข้าไม่ไปหยาเหมิน เ้ามีกระไรหรือไม่ ข้าขอพูดอีกครั้ง ป้ายหยกนี้ข้าไม่เพียงซื้อมาในราคาหนึ่งตำลึง แต่ยังซื้อป้ายหยกเช่นนี้มาอีกจำนวนมาก สองตำลึง สามตำลึงก็มี ซื้อมาเป็หีบใหญ่!”
“อย่ามาโกหก!” หลัวจินซานก้าวออกมา “ป้ายหยกไม่ใช่ผักกาดขาวนะที่จะซื้อก็ซื้อได้เลย ยอมใจเลยจริงๆ อยากพ้นผิดจนยอมพูดกระไรก็ได้”
หลินหวั่นชิวยิ้มเยาะ “ข้าไม่ได้โกหก เ้าเอาแต่พูดว่าป้ายหยกของพวกข้าเป็ของเ้า บอกว่าพวกข้าเป็โจร หากป้ายหยกนี่ไม่ใช่ของเ้า สามีข้าไม่ได้เป็โจร เ้าจะรับผิดชอบอย่างไร?”
“เขาเป็โจร ส่วนเ้าก็เป็ภรรยาโจร!” หลัวจินซานด่า
หลิวหวั่นชิวหรี่ตา “เช่นนั้นเ้ากล้าพนันหรือไม่ ไม่ต้องพนันเยอะ แค่พันตำลึงเป็พอ หากป้ายหยกไม่ใช่ของเ้า เ้าต้องจ่ายเงินพันตำลึงให้ข้า! วันนี้เป็วันมงคลย้ายเข้าบ้านของพวกข้า จะให้เ้าก่อกวนแล้วรอดตัวไปโดยไม่ชดใช้ไม่ได้”
“หากป้ายหยกนี่เป็ของข้าเล่า?” หลัวจินซานถาม เขามั่นใจมากกว่าป้ายหยกนี่เป็ของตัวเอง
แค่ไปหยาเหมินก็จะได้รับการยืนยัน ดิ้นไม่หลุด
หลินหวั่นชิว “ข้าจะจ่ายให้เ้าสองพันตำลึง!”
“ได้!” หลัวจินซานตอบตกลง ไม่ตกลงก็บ้าแล้ว แม้เขาจะมั่นใจว่าเจียงหงหย่วนเป็โจร แต่ตอนนั้นมีโจรหลายคน เจียงหงหย่วนอาจไม่ใช่หัวหน้า
ยอมพนันแล้วได้เงินสองพันตำลึง ถือว่าเหมาะสมมาก
“แต่ต้องเขียนสัญญา มิเช่นนั้นถึงเวลาแล้วพวกเ้าไม่ยอมรับจะทำอย่างไร?” หลัวจินซานพูด เขารู้ว่าพูดแค่ปากเปล่ายังไม่มั่นคงพอ
“เถ้าแก่หลัว ทำเช่นนี้จะเกินไปแล้ว!” น้ำเสียงสวีเต๋อเซิ่งไม่ค่อยสบอารมณ์ ตอนนี้เขามองว่าเงินบ้านเจียงเป็เงินของตัวเอง การที่หลัวจินซานเพิ่มความยุ่งยากทำให้เขาไม่พอใจมาก
แล้วยังจะเขียนเป็ลายลักษณ์อักษรอีก ถึงเวลาจะทำอย่างไร?
ให้อีกฝ่ายเอาเงินสองพันตำลึงจากบ้านเจียง?
เช่นนั้นแล้วเขาจะเหลือกระไรเล่า?
สวีฝูพูดว่า “ไม่ต้องหรอก พ่อแม่พี่น้องทุกคนก็เป็พยาน ผู้ใดจะกล้าไม่จ่าย?”
เมื่อไม่มีหลักฐานเป็ลายลักษณ์ ไว้เจียงหงหย่วนโดนจับแล้ว หลินหวั่นชิวคงต้องยุ่งจับการช่วยเจียงหงหย่วน และยิ่งไม่มีหลักฐานเป็ลายลักษณ์อักษร นางคงไม่โง่นำเงินไปจ่ายให้หลัวจินซาน
แผนการนี้ปราดเปรื่องนัก
หลินหวั่นชิวสบโอกาสพูดตามคำพูดสวีฝู “พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ขอให้ทุกท่านช่วยเป็พยานให้ข้าด้วย หากป้ายหยกนี้ไม่ใช่ของเถ้าแก่หลัว เช่นนั้นเขาต้องจ่ายให้พวกข้าหนึ่งพันตำลึง แต่หากเป็ของเถ้าแก่หลัวจริง เช่นนั้นข้าจะจ่ายให้เขาสองพันตำลึง”
“ได้ พวกข้าเป็พยาน!”
“ใช่ มีคนเห็นตั้งมากขนาดนี้ ผู้ใดจะกล้าเบี้ยวหนี้”
์ เอ่ยปากพูดแต่ละทีเกี่ยวข้องเป็พันเป็สองพันตำลึง จะน่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว…
“หวั่นชิว…” หลิวซื่อร้องเรียกหวั่นชิวด้วยความเป็ห่วง หลินหวั่นชิวส่งสายตาปลอบประโลมมาให้นาง
“เลิกพูดมาเสียที ไปหยาเหมินได้แล้ว!” สวีเต๋อเซิ่งพูดเร่งพร้อมกับโยนชามใบใหญ่ไปทางด้านนอก
เสียงแตกดังขึ้นได้ไม่นานก็มีเ้าหน้าที่นักการเดินเข้ามาจากด้านนอก
“สวีต้าเกอ” พวกเขาทักทายสวีเต๋อเซิ่ง
สวีเต๋อเซิ่งชี้ไปที่เจียงหงหย่วน “พาเขากลับไปที่หยาเหมิน เขาเป็โจรในคดีปล้นสินค้าของเถ้าแก่หลัว หากขัดขืนการจับกุมสามารถสังหารโดยไม่ต้องปราณีได้เลย”
“ขอรับ” เหล่านักการขานรับและพากันชักดาบ
เอาจริงหรือ?
บรรดาชาวบ้านใเงียบกันหมด
“มือปราบสวีวางมาดใหญ่โตยิ่งนัก!” จังหวะนี้เองที่มีเสียงบุรุษสายหนึ่งดังขึ้น สวีเต๋อเซิ่งหน้าเปลี่ยนสี เขาหันไปมอง…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้