“ท่านพ่อท่านแม่ของเ้าคัดค้านก็ช่างแล้ว แม้แต่เ้าก็จะคัดค้านข้ากับจือเซวียนหรือ?”
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยมองหลิงมู่เอ๋อร์ด้วยความตกตะลึงเต็มใบหน้า ราวกับนางพูดสิ่งใดที่ไม่ควรพูด ทำให้ดวงตาทั้งสองของนางเบิกโต พร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อด้วยความหุนหัน
“หลิงมู่เอ๋อร์ อีกไม่กี่วันข้าก็จะเป็พี่สะใภ้ของเ้าแล้ว ตอนนี้เ้าควรแสดงความยินดีกับข้า เ้าเป็ศัตรูกับข้าเช่นนี้ ไม่มีประโยชน์ใดกับเ้า”
“หืม? เช่นนั้นไม่ทราบว่าเจาหยางจวิ้นจู่น้อยคิดจะจัดการกับข้าอย่างไร?” มือทั้งสองของหลิงมู่เอ๋อร์กอดอก มองนางอย่างสบายๆ
จอมอันธพาลน้อยที่เมื่อครู่ยังดุร้าย ในเสี้ยววินาทีก็ขลาดแล้ว รีบกอดแขนของนางออดอ้อน “มู่เอ๋อร์คนดีของข้า เ้าก็รู้ว่าที่ข้าพูดเป็คำที่มาจากความโกรธเท่านั้น ข้าเพียงแต่รู้สึกช่างเหลือเชื่อ เหตุใดทุกคนจึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ ข้าเป็ถึงจวิ้นจู่เลยนะ”
ไม่ว่าเจาหยางจะคิดอย่างไรก็คิดไม่เข้าใจ ชาวนาสามัญผู้หนึ่งแต่งกับนางซึ่งมีฐานะเป็ถึงจวิ้นจู่ หรือว่าไม่ควรเป็เื่ดีที่รุ่งโรจน์อย่างยิ่งหรอกหรือ? เหตุใดทุกคนจึงหลบนางเหมือนหลบเทพเ้าแห่งโรคระบาดเยี่ยงนั้น?
โดยเฉพาะแม่สามีในอนาคตท่านนั้น วันนี้ถึงกับคัดค้านอย่างเด็ดขาดต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนั้น จะให้นางเอาหน้าไปไว้ที่ใด
“เหตุใดท่านแม่ของข้าถึงไม่รับปาก ในใจของเ้าไม่รู้จริงหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ถามกลับ
“ข้ารู้ ตัวข้าเมื่อก่อนค่อนข้างจะดุร้ายเกินไป เพื่อไล่จับหลิงจือเซวียนให้ได้ ก็ได้ใช้วิธีการพิเศษอยู่บ้าง ทำให้ไม่มีแม่สื่อกล้าเข้าบ้านของพวกเ้าแม้แต่คนเดียว แต่หากข้าไม่ทำเช่นนั้น หลิงจือเซวียนเขาก็จะถูกคนแย่งไปแล้วนี่นา” เมื่อคิดก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยจ้องดวงตาของหลิงมู่เอ๋อร์อย่างละเอียด “นอกจากนี้ ข้ายังได้รับประกันแล้ว ข้ารับปากแล้วว่านิสัยไม่ดีเมื่อก่อนนั้นจะแก้ไขให้หมด พวกเ้ายังมีสิ่งใดต้องกังวลอีก?”
“ข้าเป็ถึงจวิ้นจู่ พวกเ้าไม่อาจรังแกคนเกินไปกระมัง” ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ เจาหยางก้มหน้าบีบมือที่วางอยู่บริเวณหน้าตักทั้งสองข้าง หากคนพวกนี้ยังไม่รับปากอีก นางก็ได้แต่พาคนมาแย่งตัวเ้าบ่าวแล้วจริงๆ
“พี่ชายของข้าชอบเ้า ข้ามองออก คนรักกันได้ลงเอยกันเป็เื่ที่ดี ใครก็ไม่อยากเป็คนร้ายที่พรากคู่รัก แต่เขาใกล้จะสอบเคอจวี่แล้ว ยามนี้พวกเ้าแต่งงานกัน สำหรับเขาแล้วมีแต่ผลเสีย ไม่ว่าเขาจะสอบได้ตำแหน่งที่ดีหรือไม่ สุดท้ายแล้วก็ถูกคนชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์ ว่าเขาอาศัยสตรีจึงได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง ข้าคิดว่าเ้าก็คงไม่อยากให้เขาต้องทนรับการดูิ่เช่นนั้นกระมัง?”
เสียงของหลิงมู่เอ๋อร์ไม่เร็วไม่ช้า หลังจากพูดจบก็พินิจดวงตาของเจาหยางอย่างละเอียด เป็ดั่งที่คาด ก็เห็นในนั้นเต็มไปด้วยความลำบากใจ
“แค่ครี่งปี พวกเ้ารออีกเพียงครึ่งปีมิได้หรือ?” กลัวว่าเจาหยางจะคิดว่านาง้าแยกพวกเขาออกจากกัน หลิงมู่เอ๋อร์รีบกล่าว่เวลาออกมา
เจาหยางเข้าใจผิดแล้วจริงๆ “ดีเหลือเกินหลิงมู่เอ๋อร์ เ้าคงไม่ใช่ไม่อยากแต่งงานหลังพี่ชาย ถึงจงใจให้พวกเราเลื่อนออกไปกระมัง? ข้ารู้ว่า่นี้เ้ากับซั่งกวนเซ่าเฉินกำลังเลือกวันใช่หรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็เป็พี่ชายของเ้านะ”
แต่โบราณมา ต้องรอให้พี่ชายคนโตแต่งงานก่อน เหล่าน้องชายน้องสาวจึงจะสามารถหมั้นหมายสมรสได้ ต่อให้ผู้เป็น้องสาวได้ดูวันแล้ว แม้ทุกสิ่งจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงพี่ชายคิดจะแต่งงาน ก็จะต้องยกเวลาให้ อีกทั้งภายในหนึ่งปีต่อจากนั้นมิอาจแต่งเข้าหรือออกเรือน นี่คือกฎระเบียบ
หลิงมู่เอ๋อร์ย่อมมิได้คิดเช่นนั้น “อีกครู่ข้าจะให้คนไปบอกซั่งกวนเซ่าเฉิน การแต่งงานครั้งนี้ไม่นับ เลือกวันเวลาใหม่ เช่นนี้เ้าพอใจแล้วหรือไม่”
“ไม่ ไม่พอใจ”
เจาหยางคล้ายกับเด็กที่ดื้อรั้น เบี่ยงศีรษะไม่กล้ามองตาของหลิงมู่เอ๋อร์ “ข้าว่าเ้าก็อย่าได้โน้มน้าวข้าเลย อย่าพูดถึงครึ่งปี ต่อให้เป็เวลาแค่ครึ่งวัน เปิ่นจวิ้นจู่ก็ไม่อยากรอ”
เหตุใดจึงได้รีบร้อนเช่นนี้?
“เจาหยาง! เหตุใดเ้าจึงต้องบีบบังคับอย่างหนักเยี่ยงนี้ ในเมื่อพี่ชายของข้าเลือกเ้าแล้ว ก็ไม่มีทางจะเสียใจ หรือที่เ้ากังวลคือ ครึ่งปีให้หลังเขาจะไม่้าเ้าแล้ว?”
ฟันที่ขาวราวเปลือกหอยของนางกัดริมฝีปากล่างแน่น ราวกับมีสิ่งใดที่ยากจะเอ่ยปาก
ในยามที่กลับมา สายตาที่มองหลิงมู่เอ๋อร์มีความเว้าวอน นางอดกลั้นไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ “เพราะว่า เพราะว่าข้ากับหลิงจือเซวียนได้ทำเื่ของสามีภรรยากันแล้ว เขาจะต้องแต่งงานกับข้าทันที ครึ่งปีข้าย่อมสามารถรอได้ แต่ถ้าเกิดเ้าท้องนี้…รอไม่ได้จะทำอย่างไร?”
ครึ่งคำหลังนั้น คำพูดของนางอ่อนแรงเป็อย่างมาก หากไม่ตั้งใจฟังให้ดี ก็ถึงกับไม่ได้ยินว่านางกำลังพูดสิ่งใด แต่หลิงมู่เอ๋อร์ตะลึงงันไปแล้ว
“เป็ไปไม่ได้ พี่ชายของข้าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้น!”
นางคิดว่าพวกเขาทั้งสองคนเพียงแค่อดใจไม่ไหว จึงไม่ทันระวังทิ้งรอยประทับไว้เท่านั้น
“เื่เช่นนี้ ข้าหรือจะยังทำลายความบริสุทธิ์ของตนเอง? ไม่ใช่เขา ก็ใช่แล้ว สรุปแล้ว เขาจะต้องแต่งงานกับข้าทันที ข้าเป็จวิ้นจู่นะ ข้าไล่ตามเขานานขนาดนี้ อย่าพูดถึงครึ่งปีเลย หนึ่งปีข้าก็รอได้ แต่คงไม่อาจรอให้ท้องของข้าโตขึ้นมาแล้วค่อยมาเตรียมการเื่พวกนี้กระมัง เช่นนี้จะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ใด”
เป็เวลานาน หลิงมู่เอ๋อร์พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว คำที่อยากโต้แย้ง อยากขอร้องล้วนติดอยู่ในลำคอ
นางถึงได้เข้าใจว่า ที่หลิงจือเซวียนกล่าวว่า ‘สายไปแล้ว’ นั้น มีความหมายเยี่ยงไร
เขาตั้งใจ
หลิงจือเซวียนรู้ว่า นางไม่มีทางยอมให้เขาทำลายอนาคตของตนเองเด็ดขาด จะต้องคิดหาทุกวิธีมาขัดขวาง ดังนั้นเขาจึงจงใจทำเช่นนี้ ตัดหนทางที่เหลือทิ้งทั้งหมด
ไม่พูดว่าคนเขาเป็ถึงจวิ้นจู่ ต่อให้เป็หญิงสาวจากครอบครัวสามัญ พวกเขาก็ไม่อาจล้อเล่นแล้วตีจากได้
แต่ว่า เขาต้องใช้ทั้งชีวิตมาทนรับการติฉินนินทาของผู้คน แม้ภายหลังเนื่องจากความสามารถด้านวรรณกรรมจะทำให้คนชื่นชม บนร่างก็จะถูกครอบด้วยหมวกบุตรเขยของท่านอ๋องตลอดไป มิอาจทำให้ผู้อื่นยอมสยบอย่างจริงใจต่อความสามารถของเขาได้ไปตลอดกาล
พี่ชาย สิ่งที่ท่านนำมาพนันใหญ่เกินไปแล้ว
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ก็ขอแสดงความยินดีกับพี่สะใภ้ในอนาคตไว้ ณ ที่นี้แล้ว และหวังว่าท่านจะจดจำสิ่งที่รับปากข้าไว้ได้ จะเป็ภรรยาที่ดีเป็ลูกสะใภ้ที่ดี”
หลิงมู่เอ๋อร์ห่อเหี่ยวราวกับมะเขือที่ถูกหิมะ พลันสูญเสียความเปล่งประกายทั้งหมดไปในเสี้ยววินาที คำพูดไร้สาระแม้แต่คำเดียวก็ไม่อยากกล่าวอีก
ในสายตาของเจาหยางแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกว่านางถูกบังคับให้อวยพร
“หยุดนะ!” วิ่งตึงตังไปเบื้องหน้าของนาง ราวกับกลับไปเป็จวิ้นจู่ที่มีบุคลิกดุร้ายเกเรอีกครั้ง เจาหยางเชิดศีรษะมองนางอย่างมาดร้าย “ข้า้าให้เ้าพูดให้ชัดเจน นอกจากเื่นี้แล้ว เหตุใดเ้ายังต้องยับยั้งไม่ให้ข้าแต่งงานกับจือเซวียนอีก?”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อยากเป็คนที่โหดร้ายคนนั้น
ในเมื่อเจาหยางเชื่ออย่างหมดใจว่า หลิงจือเซวียนเป็เพราะรักอย่างลึกซึ้งจึงได้อยู่กับนาง เช่นนั้นก็ให้นางได้ฝันต่อไปเถิด
ส่ายศีรษะ อ้อมผ่านร่างของนางคิดจากไป แต่ในมุมฝั่งตรงข้ามนั่นเอง พลันมีเงาร่างหนึ่งวิ่งออกมากะทันหัน ชี้หน้าของเจาหยางร้องเสียงดังว่า “เพราะพี่ชายของข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับท่านอย่างจริงใจ เขาเป็เพราะ้าจะยืมฐานะจวิ้นจู่ของท่าน เขาเพียง้าปกป้องคนในครอบครัวของพวกเราไม่ให้ถูกรังแก เขาเพียง้าปกป้องพวกเรา”
หลิงมู่เอ๋อร์ตะลึงงันไปแล้ว รีบหมุนกายไปอุดปากหลิงจืออวี้ที่พุ่งออกมาอย่างกะทันหัน เมื่อมองเจาหยางอีกครั้ง ก็เป็ท่าทางที่ราวกับฟ้าได้ถล่มลงมาอย่างที่คิดจริงๆ
นางรีบอธิบายอย่างเร่งร้อนว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น เด็กน้อยพูดจาเหลวไหล จวิ้นจู่อย่าได้ถือเป็จริง”
“ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล!”
ออกแรงดึงมือพี่สาวออก หลิงจืออวี้มองเจาหยางอย่างดุร้าย “ท่านเป็จวิ้นจู่ ข้ารู้ว่าคำพูดเมื่อครู่ของข้าทำให้ท่านโมโหแล้ว ย่อมมีผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงตามมา แต่ข้ายังคง้าพูด พี่ชายเขามิได้้าแต่งงานกับท่านอย่างจริงใจ เขาเป็เพราะ่นี้ คนในสกุลหลิงของพวกเราถูกคนรังแกติดต่อกัน มีแต่เปลี่ยนเป็ยิ่งใหญ่แข็งแกร่ง จึงจะสามารถปกป้องสกุลหลิงได้”
เจาหยางยืนอยู่ที่เดิมอย่างเหม่อลอย เป็เวลานานมิได้สติกลับมา
นางมองหลิงจืออวี้อย่างละเอียด ฟังถ้อยคำที่เมื่อครู่เขาพูดออกมาเป็ชุด เกือบจะหายใจไม่ออก รู้สึกเพียงว่า หัวใจที่เต็มไปด้วยความจริงใจของนางราวถูกหมื่นกระบี่ทะลวงไป เจ็บเหลือเกิน
เจ็บเหลือเกิน
“พวกเ้า พวกเ้ารวมหัวกันมารังแกข้า!”
เจาหยางปิดปาก หมุนกายวิ่งหนีไป รวดเร็วอย่างยิ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์มองหลิงจืออวี้ทีหนึ่งอย่างโมโห คิดอยากตำหนิก็ทำใจไม่ได้ รีบไล่ตามไปอย่างเร่งร้อน
เจาหยางอย่างไรก็เป็จวิ้นจู่น้อย เป็ไข่มุกในอุ้มมือที่จวนจวิ้นอ๋องประคองไว้ในฝ่ามือ คำพูดเดียวของนาง ก็สามารถเอาชีวิตคนทั้งบ้านได้ พวกเขาล่วงเกินไม่ไหว
ถูกนางรู้ความจริงเข้า ดูตามนิสัยเผด็จการของจวิ้นจู่นางนี้ ไม่รู้ว่าจะทำเื่คาดไม่ถึงใดออกมา
ด้านหน้ามีเงาร่างหนึ่งควบม้าผ่านไป หลิงมู่เอ๋อร์ไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งอื่น รีบไล่ตามไปอย่างเร่งร้อน การแต่งงานครั้งนี้สามารถเชื่อมสัมพันธ์ได้หรือไม่เป็เื่เล็ก ไม่อาจล่วงเกินบรรพบุรุษท่านนี้ได้จึงจะเป็เื่จริง
ความเร็วของเจาหยางรวดเร็วเป็อย่างมาก ไม่สนใจฝูงชนที่กำลังคึกคักอยู่ตอนนี้ โบกสะบัดแส้ ประหนึ่งกลับไปเป็จวิ้นจู่ผู้เอาแต่ใจอีกครั้ง
“หลีกไป หลีกไปให้เปิ่นจวิ้นจู่ให้หมด” ด้านหนึ่งร้องะโ อีกด้านเจาหยางสะบัดแส้ เหล่าชาวบ้านเมื่อเห็นเช่นนี้ก็พากันหลบ กลัวว่าหากถูกแซ่นี้โบยลงไปจะถูกพรากไปครึ่งชีวิต
จากที่ไกล คล้ายจะมีรถม้าคันหนึ่งกำลังวิ่งมา ความไวรวดเร็วเช่นเดียวกัน เจาหยางราวกับมองไม่เห็น และบางทีอาจคิดว่า อีกฝ่ายจะเกรงต่อฐานะของนางทำให้หลบไป แต่คนทั้งสองต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ความเร็วของผู้ใดก็ไม่มีท่าทีจะลดลงเลย
ที่ด้านหลัง หลิงมู่เอ๋อร์เห็นอยู่กับตา ใจทั้งดวงหลันพุ่งขึ้นมาถึงลำคอ เจาหยางจวิ้นจู่น้อยนางนี้พุ่งออกมาจากสกุลหลิงของพวกนาง หากเกิดเป็อะไรขึ้นมา สกุลหลิงยากจะปัดความรับผิดชอบได้ นอกจากนี้รถม้าของอีกฝ่ายยังเทียมด้วยม้าสองตัว ทันทีที่ชนกันไม่ตายก็ต้องาเ็
“เจาหยาง ระวัง!”
ไม่มีเวลาไปสนใจสิ่งอื่น หลิงมู่เอ๋อร์รีบเร่งม้าไล่ตามไป ในยามที่เจาหยางกับอีกฝ่ายใกล้จะชนกันนั้นเอง นางลอยตัวขึ้น พาเจาหยางลงจากม้าแล้วคร่อมทับไว้ใต้ร่าง
ม้าชั้นยอดสามตัวชนกัน เกิดเสียงกรีดร้องดังอย่างคลุ้มคลั่งขึ้นมา รอบด้านโกลาหลไปหมด
“เ้าไม่เป็ไรกระมัง าเ็ที่ใดหรือไม่?” ไม่มีเวลามาสนใจความเ็ปที่เกิดจากการเสียดสีบนร่าง หลิงมู่เอ๋อร์รีบประคองเจาหยางขึ้นมา
แม่นางน้อยยังคงร้องไห้ บนใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา นางผลักร่างของหลิงมู่เอ๋อร์ออกไปอย่างดื้อรั้น “เปิ่นจวิ้นจู่ไม่ต้องให้เ้ามาสนใจข้า! ใครให้เ้ายุ่งไม่เข้าเื่กัน”
รู้ว่านี่เป็การแสดงออกที่มีในยามเ็ปใจอย่างมากโดยเฉพาะ หลิงมู่เอ๋อร์จึงมิได้โกรธ แต่กลับคล้อยตามความ้าของนาง “ได้ ในเมื่อจวิ้นจู่ไม่้าให้ยุ่ง เช่นนั้นข้าก็จะไม่ยุ่งเื่ไม่เป็เื่อีก แต่ว่าหม่อมฉันยังคงขอกล่าวเตือนท่านสักคำ เวลาเดินบนถนน ก็ควรเบิกตาให้กว้าง เพราะอย่างไรในเมืองหลวงนี้ ผู้ที่กล้าช่วยท่านมีไม่มากนัก ถึงเวลานั้นหากเกิดสิ่งใดขึ้นมาจะทำให้การแต่งงานล่าช้าได้ ลาก่อน”
นางเสียใจถึงเพียงนี้แล้ว หลิงมู่เอ๋อร์คนนี้ยังดุนางเช่นนี้อีก
เจาหยางเต็มไปด้วยความน้อยใจ ปาดน้ำตาบนใบหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ะโอย่างโมโหใส่แผ่นหลังของนางที่หมุนตัวไป “หยุดนะ! หลิงมู่เอ๋อร์เ้าจงใจใช่หรือไม่? เมื่อครู่ยังพูดว่าข้าเป็พี่สะใภ้ในอนาคตของเ้าอยู่เลย นี่ก็เป็ท่าทีที่เ้าพูดกับพี่สะใภ้ในอนาคตหรือ?”
หลิงมู่เอ๋อร์ตะลึง หันสายตามาอย่างไม่อยากเชื่อ ก็เห็นสาวน้อยเชิดหน้าอย่างดื้อรั้น “เ้า ไม่โมโหแล้ว?”
“ในเมื่อหลิงจือเซวียนกล้าวางแผนใส่ข้า คอยดูว่าหลังพวกเราแต่งงานกันแล้วข้าจะจัดการกับเขาอย่างไร แต่ว่า ข้าขอบอกเ้าหลิงมู่เอ๋อร์ จือเซวียนมีความจริงใจต่อข้า ข้าไม่อนุญาตให้พวกเ้าไม่ว่าใครพูดจาใส่ร้าย ต่อให้เ้าเป็น้องสาวแท้ๆ ก็ไม่ได้ ยังมี เปิ่นจวิ้นจู่เป็พี่สะใภ้ในอนาคตของเ้า วันหลังจวนจวิ้นอ๋องก็คือภูผาที่หนุนหลังเ้า ไม่ว่าจะเป็เื่ใดเปิ่นจวิ้นจู่จะคุ้มครองเ้าเอง!”