โรงแรมบูเบย์เป็โรงแรมระดับห้าดาวที่สร้างเสร็จเมื่อสองปีก่อน ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองจงไห่ ข้างๆ ฮอลิเดย์รีสอร์ต ใกล้ๆ แม่น้ำแบงก์ ตัวอาคารออกแบบหรูหราสไตล์สก็อต เหตุนี้เองหลายคนจึงเลือกที่นี่เพื่อเจรจาต่อรองธุรกิจ
หลินรั่วซีลงจากรถ เดินควงแขนหยางเฉินเข้าไปในโรงแรมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ดั่งนกน้อยหลุดจากกรงพร้อมกล่าวว่า "ไปกันเถอะ"
หยางเฉินยิ้มกล่าวว่า
"คุณทำท่าอะไรน่ะ ถ้าจะให้คนอื่นเชื่อในความสัมพันธ์ของพวกเราล่ะก็ อย่างน้อยคุณต้องยิ้มแย้มสักหน่อย หน้าบึ้งตึงอย่างนั้นคนเขาจะว่าคุณเป็สาวเ้าคิดเ้าแค้นเอานะ"
"นายนั่นแหละ"
หลินรั่วซีขมวดคิ้ว แต่ยังคงประดับรอยยิ้มน้อยๆ ไว้ดังเดิม ความจริงคือการควงแขนหยางเฉินเป็สิ่งท้าทายอย่างมากสำหรับเธอ เธอสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปก่อนกล่าวว่า
"อย่างนี้แหละ ขอแค่ไม่มีพิรุธเป็พอ"
'ไม่มีใครเขาเชื่อเธอหรอกน่า' หยางเฉินคิดในใจ ในเมื่อซีอีโอผู้ไร้เดียงสาของเขา้าจะเล่นละคร เขาก็พร้อมจะเล่นไปกับเธอ
ทางเข้าโรงแรมรอบข้างตกแต่งในสไตล์กรีกโบราณ รูปปั้นทวยเทพต่างๆ
โดยภายในโรงแรมเต็มไปด้วยภาพวาดสีน้ำมันจากศิลปินตะวันตกหลากหลายกว่า 400 ชิ้น
โรงแรมแห่งนี้ตกแต่งอย่างหรูหราโอ่อ่า แม้แต่แขกที่มาต่างสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงพร้อมแสดงสีหน้าท่าทางอันเย่อหยิ่ง
"ผมไม่ชอบภาพสีน้ำมันเลย" หยางเฉินกล่าวขณะมองไปรอบๆ "ผมคิดว่าทำไมไม่ใช้ภาพถ่ายไปเลยหากจะใช้ภาพสีน้ำมัน มันดูสดใสกว่าอีก"
ขณะกำลังควงแขนชมภาพศิลปะเพลินๆ หลินรั่วซีได้ยินดังนั้นพลันหันกลับไปมองด้วยสายตาดูถูก "ถ้านายดูไม่เป็ก็เงียบปากไปซะ ไม่มีใครหาว่านายเป็ใบ้หรอก"
"ไม่ใช่หรือไง? ผมถึงขายเนื้อแพะเสียบไม้ยังไงล่ะ" หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม
หลินรั่วซีกลอกตารอบหนึ่งก่อนหันไปกระซิบ "จำไว้นะ ตอนเราเดินเข้าไปข้างใน ถ้าฉันไม่บอกให้พูด นายห้ามพูดเด็ดขาด เข้าใจไหม?"
"รับทราบครับบอสหลิน" หยางเฉินไม่อาจกลั้นยิ้มได้ เขาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
พนักงานต้อนรับสาวสวยสองคนนำทางพวกเขาเดินผ่านห้องส่วนตัวที่มีสระน้ำสไตล์จูดาส พรีส
ประตูไม้สีขาวน้ำนมถูกเปิดออก ชายในชุดสูทผมหยักศกพร้อมหนวดเครา ใบหน้าประดับรอยยิ้มกล่าวว่า “เชิญครับ"
"ยินดีต้อนรับครับคุณหลิน นายท่านรออยู่ก่อนแล้วครับ"
ไม่แม้แต่จะมองหน้าหยางเฉิน
หลินรั่วซีพาหยางเฉินเดินเข้าไปด้านใน ภายในห้องนั้นกว้างขวาง กลิ่นหอมลาเวนเดอร์อบอวลอยู่ทั่วห้อง
"รั่วซี ในที่สุดคุณก็มา" น้ำเสียงดึงดูดมาจากชายในชุดเสื้อเชิ้ต ผมสั้นเรียบร้อย ใบหน้าหล่อซีดเซียวเล็กน้อย พร้อมด้วยบรรยากาศรอบตัวที่ไม่อาจหาได้จากครอบครัวทั่วไป
"หัวหน้าซู รบกวนคุณแล้ว"
"ผมเชิญคุณไปหลายต่อหลายครั้ง และดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยว่างเลย พ่อของคุณคุยกับผมมาบ้างแล้ว ท่านว่าคุณงานยุ่งมาก เป็เกียรติอย่างยิ่งที่คุณสละเวลามาทานอาหารในครั้งนี้"
ถ้าเป็หญิงสาวทั่วไปล่ะก็ พวกเธอคงหัวใจละลายถ้าทายาทหนึ่งในห้าตระกูลที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองกล่าวเช่นนี้กับพวกเธอ แต่หลินรั่วซีไม่เป็เช่นนั้น เธอเพียงกล่าว "รบกวนคุณแล้ว"
ซูจื้อหงไม่รู้สึกอะไรพลางดึงเก้าอี้ก่อนกล่าวว่า "นั่งลงก่อนเถอะรั่วซี"
ั้แ่เริ่มจนจบ ซูจื้อหงทำเหมือนว่าชายที่หลินรั่วซีควงแขนเป็แค่ท่อนไม้ท่อนหนึ่ง คล้ายฝุ่นผงในอากาศ
หลินรั่วซีเดาได้ไม่ยากว่าซูจื้อหงคงสืบประวัติหยางเฉินมาแล้ว และคิดว่าการแต่งงานของเธอเป็การแต่งงานหลอกๆ เธอไม่มีทางเลือก จำต้องปล่อยแขนหยางเฉินแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ หยางเฉินไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เขาเดินไปยังเก้าอี้ถัดจากหลินรั่วซี
ทันใดนั้น ชายผมหยักศกใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มพลันปรากฏตัวด้านหน้าหยางเฉิน พร้อมดันเก้าอี้ไว้กล่าวว่า
"ขอโทษนะครับ คุณเป็ใครหรือครับ นายท่านเชิญคุณหลินแค่ท่านเดียว"
ไม่รอให้หยางเฉินหรือหลินรั่วซีได้ตอบโต้ ซูจื้อหงยิ้มกล่าวทันทีว่า
"เหมาฉิว อย่าหยาบคายสิ ผมมั่นใจว่าเขาจะต้องเป็พี่ชายของคุณหลินแน่ๆ ไม่งั้นพวกเขาจะมาด้วยกันหรือ"
พี่ชาย? หยางเฉินแปลกใจเล็กน้อย เ้านายและบริวารพวกนี้ช่างแสดงได้แเีจริงๆ เขายิ้มพร้อมกล่าวว่า "โว้ว... ที่จริงรั่วซีมักจะเรียกผมว่า พี่ชายอยู่ 'บนเตียง' บ่อยๆ"
"..."
เงียบกริบ
อย่าว่าแต่สองนายบ่าวมหาภัยสองคนนี้เลย แม้แต่หลินรั่วซีก็ตะลึงกับคำพูดของหยางเฉิน เธอเบิกตากว้างแทบจะกลืนกินหยางเฉินด้วยดวงตาสองเธอเอง นี่... เขากล้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน! ถึงแม้คำพูดนี้จะเป็การตอกหน้าซูจื้อหงและบริวาร แต่มันออกจะ... ออกจะ...
หลังจากได้ฟังคำพูดของหยางเฉิน ทำให้เธอนึกย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน ตอนเธออยู่ในห้องกับหยางเฉิน นั่นทำให้แก้มเธอแดงระเรื่อ
ซูจื้อหงสังเกตท่าทางดั่งสาวน้อยแรกแย้มของหลินรั่วซี ‘ไม่หรอกน่า เธออาจเขินอายจากคำพูดของหยางเฉิน’ หลังจากใคร่ครวญอีกรอบหนึ่งแล้ว หัวใจของเขาเปลี่ยนเป็เย็นเยียบ หรือความสัมพันธ์นี้จะไม่ธรรมดา?
สีหน้าท่าทางของซูจื้อหงเปลี่ยนเป็อัปลักษณ์ พร้อมเค้นเสียงหัวเราะอย่างยากลำบากพลางกล่าว "พี่ชายท่านนี้มีช่างอารมณ์ขันนัก เหมาฉิวนายห้ามล้อเล่นกับพี่ชายท่านนี้อีก"
"เอาล่ะ ทุกคนเชิญนั่งครับ"
หยางเฉินสังเกตเห็นท่าทีของซูจื้อหงที่พยายามระงับโทสะไว้ เขาคิดว่าคนผู้นี้ก็ไม่ถึงกับไร้ความคิดเช่นลูกหลานคนรวยทั่วไป
หลินรั่วซีวางตัวสมกับเป็มืออาชีพในด้านธุรกิจ แม้คำพูดของหยางเฉินจะทำให้เธอโกรธ แต่เธอก็ระงับอารมณ์อย่างรวดเร็ว กล่าวไปว่า "หัวหน้าซู เรามาเริ่มหารือถึงงานออทั่มแฟชั่นโชว์กันเถอะ"
"ใช่แล้วๆ" ซูจื้อหงไม่สนใจหยางเฉินอีกต่อไป เขารีบกลับสู่สภาวะสุภาพบุรุษตามเดิมอย่างว่องไว เขายิ้มแล้วกล่าวว่า
"ไม่ว่ารั่วซีจะพูดอย่างไรในวันนี้ ผมในฐานะเ้าบ้านสมควรต้องบริการแขกเป็อย่างดี"