“เขาอยู่นั่น!"
มู่เฟิงยังไม่ทันจะก้าวออกจากชั้นสี่ของหอคอย ข่งเซวียนเอ๋อร์ก็นำซือถูคงกับพรรคพวกของเขาเดินเข้าไปขวางหน้ามู่เฟิงเอาไว้แล้ว
มู่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นข่งเซวียนเอ๋อร์ เขาก็พลันตระหนักได้ทันทีว่าตอนนี้ตนมีปัญหาตามมาแล้ว
ซือถูคงกับพรรคพวกของเขาปิดกั้นทางเข้าออกของชั้นสี่เอาไว้ จากนั้นสายตาของพวกเขาก็เหลือบมองไปที่มู่เฟิง
“เ้าคนสารเลว ถึงเวลาที่เ้าจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เ้าทำไปเมื่อครู่แล้ว”
ข่งเซวียนเอ๋อร์กัดฟันกรอด นางจ้องมู่เฟิงขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ข้าสั่งสอนเ้าไปในห้องฝึกจะสูญเปล่าสินะ”
มู่เฟิงส่ายหน้าพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เมื่อเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มใบหน้าของข่งเซวียนเอ๋อร์ก็พลันแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้งจากเพลิงโทสะ
“เ้ายังจะกล้าพูดเื่เมื่อครู่อีกรึ”
ข่งเซวียนเอ๋อร์โมโหมากจนอยากกระทืบเท้าเพื่อระบายความอัดอั้นออกมา
“เป็ศิษย์พี่ซือถู”
“ซือถูคงเป็อันดับสามในบรรดายอดฝีมือของสำนักศึกษา เขาคือต้นแบบของข้าเลย”
“ดูจากรูปการณ์แล้ว เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าข่งเซวียนเอ๋อร์เพิ่งจะมีความสัมพันธ์กับเ้าหนุ่มผู้นั้นในห้องฝึกหรอกหรือ เหตุใดตอนนี้ถึงเหมือนว่านางกำลังจะสร้างปัญหาให้เขากันเล่า หรือว่าเื่ในห้องฝึกจะเป็เ้าหนุ่มนั่นที่บังคับขืนใจนาง?”
“อืม มีความเป็ไปได้ เ้าหนุ่มนั่นก็ช่างอาจหาญนัก ข่งเซวียนเอ๋อร์เป็คนระดับใด เื้ัของนางในสำนักศึกษานั้นไม่ธรรมดาเลย คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ารังแกนางเช่นนี้”
เหล่าบัณฑิตที่อยู่บนชั้นสี่ต่างก็พูดคุยกัน ขณะมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากระยะไกล
เมื่อคำพูดบางคำไปถึงหูของข่งเซวียนเอ๋อร์ ใบหน้าของนางก็ยิ่งแดงก่ำด้วยความโกรธ นางรู้ได้ทันทีว่าเื่ที่เกิดขึ้นในห้องฝึกกำลังถูกบิดเบือนโดยพวกคนพวกนี้
“ทั้งหมดล้วนเป็เพราะเ้า”
ข่งเซวียนเอ๋อร์จ้องมู่เฟิงอย่างโกรธเคือง
แต่มู่เฟิงกลับไม่คิดจะสนใจข่งเซวียนเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย เขาเหลือบตามองไปทางซือถูคงกับพรรคพวกของอีกฝ่าย
ซือถูคงพาสหายบัณฑิตมาด้วยสองสามคน วรยุทธ์ของแต่ละคนล้วนอยู่ในระดับหนิงกังขึ้นไป ส่วนตัวเขาเองก็ทำให้มู่เฟิงรู้สึกได้ถึงแรงกดทับอันมหาศาลเช่นกัน
“ศิษย์พี่ทุกท่าน หากพวกท่านไม่มีเื่อันใดก็โปรดหลีกทางด้วย”
มู่เฟิงถอนสายตากลับมา ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไม่มีเื่อันใดรึ? หึๆ หากว่าไม่มีเื่พวกข้าจะมาหาเ้ารึ? หนุ่มน้อย เ้ากล้ามากทีเดียว คิดไม่ถึงว่าจะกล้ารังแกศิษย์น้องเซวียนเอ๋อร์”
คำพูดเหล่านี้ซือถูคงไม่ได้เป็คนกล่าว แต่เป็ชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินที่อยู่ด้านข้างซือถูคงที่เป็คนกล่าวขึ้นอย่างเ็า
“รังแกนาง ข้ารังแกอะไรนาง?”
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็ยิ้มเยาะออกมา ก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบไปมองข่งเซวียนเอ๋อร์
“เ้ากับข้า...”
ขณะที่ข่งเซวียนเอ๋อร์กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง นางก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ สายตาของผู้คนรอบข้างกำลังจับจ้องมาที่นางเป็ตาเดียว
ข่งเซวียนเอ๋อร์ถึงกับพูดอะไรไม่ออก นางไม่สามารถพูดออกไปได้ว่ามู่เฟิงตีบั้นท้ายของนางและถอดรองเท้าเพื่อจั๊กจี้ฝ่าเท้าของนาง
“เ้ามันไร้ยางอาย!"
ข่งเซวียนเอ๋อร์โกรธเคือง นางทำอะไรไม่ได้จึงชี้นิ้วและกราดด่าเขาแทน
“ลำพังตัวเ้ายังพูดชี้แจงไม่ได้ ใครกันที่เห็นว่าข้ามู่เฟิงรังแกเ้า?”
มู่เฟิงยิ้มเยาะ
“ข้าเห็น”
ทันใดนั้นก็มีบัณฑิตผู้หนึ่งเดินเข้ามา เป็ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเทา
“ข้าเห็น ในตอนที่เ้าออกมาจากห้องฝึก บัณฑิตข่งเซวียนเอ๋อร์กำลังนอนนิ่งอยู่ในห้องนั้น”
บัณฑิตผู้นั้นชี้นิ้วไปทางมู่เฟิงพร้อมประกาศกร้าวอย่างขุ่นเคือง
เขาทำตัวราวกับว่าตัวเองนั้นเป็ผู้ผดุงความยุติธรรม
“โอ๊ะ...”
“เขาบีบบังคับข่งเซวียนเอ๋อร์จริงด้วย”
“สุดยอดเลย สหายผู้นี้ช่างกล้านัก!”
บังเกิดเสียงฮือฮาขึ้นในกลุ่มบัณฑิตที่อยู่โดยรอบทันที
บัณฑิตที่คิดว่าตนกำลังทำหน้าที่อันชอบธรรมหันไปกล่าวกับข่งเซวียนเอ๋อร์ต่อว่า “บัณฑิตข่งเซวียนเอ๋อร์ ข้าจะช่วยเป็พยานให้เ้าเอง!”
ใบหน้าของข่งเซวียนเอ๋อร์กลายเป็มืดครึ้มจนดูไม่น่ามอง เมื่อเห็นหน้าชายผู้นั้นนางก็ยิ่งกัดฟันกรอด ก่อนจะยกมือขึ้นตบเขา
การตบครั้งนี้ของนางทำให้บัณฑิตทุกคนพากันตื่นตะลึง
“เ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย ข้า...ข้า...”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ทั้งอับอายทั้งเดือดจัด สิ่งที่อีกฝ่ายพูดยิ่งทำให้เื่ราวมันพูดยากขึ้นไปอีก
“ข้าพูดความจริง...”
บัณฑิตผู้นั้นก็มีสีหน้าหน้าเสียใจเช่นกัน
“ไสหัวไป!”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ชี้นิ้วไปที่เขาพร้อมกับตะคอกออกมาอย่างเดือดดาล บัณฑิตผู้นั้นจึงรีบหลบออกไปทันที
ด้านมู่เฟิงเองก็ส่ายหน้าอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าจะมีคนโง่โผล่หน้าออกมาหาเื่ให้ตนโดยด่าเช่นนี้กัน
“พอได้แล้ว หากพวกเ้ายังเอาแต่พูดเื่ไร้สาระ เกรงว่าอีกเดี๋ยวกระบี่ของข้าคงจะไร้ตา”
ซือถูคงตวาดออกมาอย่างหมดความอดทน บัณฑิตที่กำลังส่งเสียงฮือฮาอยู่รอบข้างต่างก็ปิดปากเงียบในทันที ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีก และสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นถึงอำนาจของซือถูคงได้เป็อย่างดี
ซือถูคงมองมู่เฟิงก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “มู่เฟิง ข้าเคยได้ยินเื่ของเ้ามาบ้าง”
มู่เฟิงทราบดีว่าคนตรงหน้าเขาผู้นี้คือใคร ซือถูคง อันดับสามในรายชื่อยอดฝีมือของสำนักศึกษา
“การที่ศิษย์พี่ซือถูรู้จักมู่เฟิง นับว่าเป็เกียรติยิ่งนัก”
มู่เฟิงกล่าเสียงเรียบ
“ในเมื่อเ้าเรียกข้าว่าศิษย์พี่ เช่นนั้นข้าก็จะกล่าวในฐานะศิษย์พี่ เ้าเป็ลูกผู้ชายคนหนึ่ง การรังแกสตรีเป็เื่ที่ไม่สมควร ข้าเห็นว่าเ้ายังเป็บัณฑิตใหม่ ดังนั้นข้าจะไม่สร้างความลำบากให้กับเ้า เพียงแค่เ้ายอมก้มหัวและกล่าวขอโทษเซวียนเอ๋อร์แต่โดยดี เื่นี้ข้าจะยอมปล่อยผ่านไป”
ซือถูคงมองมู่เฟิงขณะเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ
“ก้มหัวขอโทษนาง?”
มู่เฟิงเหลือบมองไปทางข่งเซวียนเอ๋อร์ ก่อนจะกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “ศิษย์พี่ซือถู ข่งเซวียนเอ๋อร์และข้านั้นมีเื่ขัดแย้งกันจริง แต่คนที่สมควรจะขอโทษเกรงว่าจะไม่ใช่ข้า”
ซือถูคงขมวดคิ้วมุ่น แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มด้านข้างเขาก็ะโขึ้นมาว่า “เ้าหนุ่ม พูดดีด้วยแล้วเ้าไม่ชอบ ้าให้พวกข้าบีบบังคับอย่างนั้นรึ!”
“หึ ข้าขอถามท่านหน่อยเถิด หากว่าท่านกำลังฝึกฝนจนถึง่เวลาที่สำคัญที่สุดอย่าง่เวลาในการทะลวงวรยุทธ์ขึ้นสู่ระดับต่อไป แต่กลับถูกผู้อื่นเข้ามาขัดจังหวะนั้นจนความพยายามของท่านล้มเหลว อีกทั้งพลังปราณยังตีกลับ เช่นนี้ท่านจะทำอย่างไร?”
มู่เฟิงแค่นเสียงถามชายผู้นั้นอย่างเ็า
“แน่นอนว่าข้าจะสังหารเขา”
ชายหนุ่มตอบกลับโดยไม่ต้องคิด สำหรับผู้ฝึกยุทธ์แล้วเื่นี้ถือเป็เื่สำคัญที่สุด
“นั่นก็ถูกต้องแล้ว สตรีผู้นี้เข้ามาขัดจังหวะใน่เวลาการฝึกที่สำคัญของข้า และทำให้การทะลวงวรยุทธ์ของข้าล้มเหลว การที่ข้าสั่งสอนบทเรียนให้นาง มีเื่ใดไม่สมควรกัน?”
มู่เฟิงชี้นิ้วไปทางข่งเซวียนเอ๋อร์ขณะกล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“ข้า…”
ข่งเซวียนเอ๋อร์บื้อใบ้ไปชั่วขณะ นางไม่อาจโต้แย้งได้เพราะว่าเดิมทีก็เป็นางที่เป็ฝ่ายทำผิดก่อน
ซือถูคงและพรรคพวกของเขาต่างก็ขมวดคิ้ว จากสิ่งที่ข่งเซวียนเอ๋อร์กระทำลงไปถือว่าไม่สมเหตุสมผลจริง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจโต้แย้งมู่เฟิงได้ หากเป็แค่การสั่งสอนบทเรียนเพียงเล็กน้อย ข่งเซวียนเอ๋อร์ก็สมควรได้รับมันแล้ว
“ศิษย์พี่ทุกท่านคงไม่ใช่คนไร้เหตุผล แน่นอนว่าหากพวกท่านยังยืนกรานที่จะสร้างปัญหาให้กับบัณฑิตใหม่อย่างข้า ข้าก็ไม่มีสิ่งใดต้องพูดแล้ว”
หลังจากมู่เฟิงกล่าวจบ เขาก็ไม่สนใจกลุ่มคนเ่าั้อีก เขาเดินหลบไปด้านข้างและเตรียมจะจากไปทันที
ใบหน้าของซือถูคงพลันเปลี่ยนเป็ไม่น่ามอง คาดไม่ถึงว่าบัณฑิตใหม่จะกล้ากล่าวกับเขาเช่นนี้ ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางข่งเซวียนเอ๋อร์อีกครั้ง เขารับปากกับข่งย่วนแล้วว่าจะช่วยข่งเซวียนเอ๋อร์จัดการเื่นี้
“ช้าก่อน!”
ทันใดนั้นซือถูคงก็เอ่ยปากรั้งมู่เฟิงเอาไว้
มู่เฟิงหยุดเดินโดยไม่ได้หันกลับมามอง เขากล่าวเพียงว่า “ศิษย์พี่ซือถู มีเื่อันใดอีกหรือขอรับ?”
“ไม่ว่าเ้าจะอ้างเหตุผลอะไร แต่การที่ศิษย์น้องมู่เฟิงลงไม้ลงมือกับเซวียนเอ๋อร์ก็ดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ถึงอย่างไรนางก็เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ซือถู ดังนั้นข้าจึงไม่อาจปล่อยผ่านเื่นี้ไปได้”
ซือถูคงกล่าวอย่างเ็า
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เฟิงก็หรี่ตาลง เขาหันไปมองซือถูคงก่อนจะกล่าวขึ้นว่า "แล้วศิษย์พี่ซือถู้าสิ่งใด?”
“ง่ายมาก เพียงเ้าสามารถรับมือข้าได้สามกระบวนท่า เื่ในวันนี้ก็จะถือว่าแล้วกันไป ศิษย์น้องมู่เฟิงกล้ารับคำท้านี้หรือไม่?”
ซือถูคงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เหล่าบัณฑิตที่อยู่โดยรอบต่างก็มองไปทางมู่เฟิงด้วยแววตาเห็นใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้