กงเจวี๋ยพยักหน้า
จะไม่ราบรื่นได้อย่างไร? ขบวนรถม้าหนึ่งร้อยห้าสิบคันเสด็จพี่ปล่อยให้รถม้ายี่สิบคันสุดท้ายเป็รถม้าเปล่าอีกทั้งยังผ่านการดัดแปลงบางอย่าง
รถม้ายี่สิบคันนี้ บนคานไม้ล้อหน้าของรถแต่ละคันจะมีการผูกใบหลิวหนึ่งแถวเนื่องจากมีขอบรถปิดทับ หากมองไม่ละเอียดย่อมมองไม่ออกถึงความผิดปกติบริเวณใต้รถ
ดังนั้นเมื่อรถด้านหน้าเคลื่อนผ่านไปใบไม้จากรถยี่สิบคันท้ายจะกลบทับร่องรอยของรถด้านหน้า จากนั้นจะเหลือเพียงรอยล้อของรถเปล่าด้านหลังส่วนคนที่มาสังเกตการณ์จะทำได้เพียงรอให้รถผ่านไประยะหนึ่งจึงจะสามารถเข้ามาตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็เพียงรถเปล่าขบวนหนึ่ง
เื่นี้กล่าวแล้วอาจดูเหมือนเป็เื่ง่ายแต่การลงมือทำนั้นยากยิ่งนัก คานไม้ที่ผูกใบหลิวสามารถเคลื่อนขึ้นเคลื่อนลงมีปุ่มเปิดปิดปุ่มหนึ่ง ขอแค่กดลงไป ใบหลิวจะร่วงลงมานอกเหนือจากนี้มันจะถูกเก็บขึ้น้า ดังนั้นขณะที่มีการตรวจสอบตอนออกจากวังจึงไม่ถูกตรวจพบเื่นี้
กงอี่โม่เตรียมการครึ่งปีเพื่อการออกแบบส่วนเล็กๆ เช่นนี้ ดังนั้นหากกล่าวว่าเป็การเตรียมการมาอย่างยาวนานจึงไม่ใช่พวกขุนนางทุจริตที่เตรียมใช้ของคุณภาพแย่แทนของคุณภาพดีแต่เป็ฝ่ายกงอี่โม่มากกว่า เพราะเพื่อโอกาสเช่นนี้ นางเตรียมตัวมาเป็เวลาปีกว่านางเจรจากับฮ่องเต้และองค์รัชทายาท ติดสินบนคนในกรมคลัง ถือเป็การเตรียมพร้อมในทุกด้าน
กงเจวี๋ยนั่งอยู่ตรงข้ามกับนาง เขาหยิบน้ำชาเบื้องหน้าที่เตรียมไว้สำหรับเขายกขึ้นดื่มจนหมด
เสด็จพี่มองเขาเป็เด็กอยู่เสมอ นางไม่ยอมให้เขาดื่มสุราทว่านางกลับแอบดื่มอย่างเงียบๆ ทุกครั้งไป เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ
ทว่าไม่ว่านางจะคิดเช่นไร การเดินทางไปแดนประจิมครั้งนี้ ภูผาสูงเส้นทางยาวไกลเมื่อกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่านางจะยอมรับหรือไม่ แต่เวลานั้นเขาก็เป็ผู้ใหญ่แล้ว
เขาเชื่อว่าเมื่อกลับมาอีกครั้ง เขาต้องทำให้เสด็จพี่ไม่สามารถมองเขาเป็เด็กน้อยคนหนึ่งได้อีก เขารินน้ำชาให้กับกงอี่โม่ด้วยตนเองดวงตาเรียบเย็นของเขาหลุบลง
“ในเมื่อไม่มีสุราอำลา ถ้าเช่นนั้นข้าขอใช้น้ำชาแทนสุรา ชาถ้วยแรกนี้ข้าขอคารวะเสด็จพี่”
เมื่อเห็นกงอี่โม่มองมา เขาจึงส่งยิ้มสดใสอีกครั้งดวงตาเ็าในตอนแรกดูมีชีวิตชีวา เป็ประกายระยิบระยับ
เขามองกงอี่โม่ด้วยสายตาลึกซึ้งราวกับโลกใบนี้มีนางเพียงผู้เดียว
“ขอบคุณเสด็จพี่ที่ช่วยข้าวางแผนมาตลอดหลายปีนี้ สิ่งละอันพันละน้อยแต่ละชิ้นแต่ละอัน ไม่ได้เกิดจากฟ้าประทาน แต่เป็เสด็จพี่ที่ประทานให้ข้า ดังนั้นชาถ้วยนี้ข้าขอคารวะเสด็จพี่ ขอบคุณเสด็จพี่ที่ช่วยสร้างสิ่งเหล่านี้ให้กับข้า”
เมื่อกล่าวจบ เขาจึงใช้ชาแทนสุรา ดื่มหมดอย่างรวดเร็วกงอี่โม่ก็ดื่มด้วยเช่นกัน เมื่อดื่มเสร็จแล้วนางจึงใช้มือเท้าคางรอฟังคำพูดถัดไปของเขา
“ชาถ้วยที่สองยังคงคารวะเสด็จพี่”
เขามองกงอี่โม่ด้วยสายตาลึกซึ้ง สีหน้าราวกับคนมึนเมาเล็กน้อยดูเหมือนว่าเขา้าจดจำใบหน้าของนางไว้ในจิตใจ
“หลายปีมานี้ ข้าเป็ภาระให้ท่านมากมายเหลือเกิน” เขายิ้มเยาะเย้ยตนเอง
“ข้าไม่มีอะไรเลย ทว่าเสด็จพี่กลับทำทุกอย่างเพื่อข้า ดังนั้นชาถ้วยที่สองนี้ขอขอบคุณเสด็จพี่ที่ไม่ทอดทิ้งข้า”
“ที่แท้เวลาก็ผ่านไปรวดเร็วมากจริงๆ เ้ากำลังโบยบินเหินเวหาแล้ว” กงอี่โม่รู้สึกซึ้งใจกับคำพูดของเขาสิ่งละอันพันละน้อยผุดขึ้นในสายตา นางถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อกล่าวจบกลับกลายเป็ความเศร้าโศก
กงเจวี๋ยรินน้ำชาถ้วยที่สาม เวลานี้สายตาสดใสของเขาค่อยๆ จางหายไปมีเพียงความอาลัยอาวรณ์ที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ทว่าเขาไม่มีทางถอยหลังเขาทำเพื่อสิ่งเดียว เพื่อ้ามีสิทธิ์ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับนาง
“ชาถ้วยที่สามนี้” เขาเกิดอาการลังเล นิ้วมือขาวดุจหยกคลึงขอบถ้วยสุดท้ายยังคงถอนหายใจออกมา
ศาลาสิบลี้แห่งนี้เงียบสงบและเดียวดายมันเป็ประจักษ์พยานการอำลามากมายนับไม่ถ้วนทว่ากงเจวี๋ยไม่ชอบคำว่าอำลาเช่นนี้เลย เขาไม่ชอบมันมากจริงๆ
เขายิ้มอย่างซีดเซียว ใบหน้าหนุ่มน้อยที่ยังดูไร้เดียงสาสะท้อนความเ็ปทรมาน
เขายกถ้วยชาอีกครั้งพร้อมกล่าวกับกงอี่โม่
“ถ้วยที่สามนี้ ยังคงคารวะเสด็จพี่”ดวงตาเรียบเย็นของเขาคู่นี้กลับสะท้อนประกายแวววาวขึ้นเล็กน้อย
“ข้าเคยจินตนาการนับครั้งไม่ถ้วน หากตำหนักเย็นไม่มีท่านข้าจะเป็คนลักษณะเช่นไร ข้าต้องเป็คนโเี้อำมหิต มีจิตใจบิดเบี้ยว มีพฤติกรรมรุนแรงข้าต้องรู้สึกโดดเดี่ยวและหมดหวังกับโลกใบนี้ ดังนั้นชาถ้วยนี้ ข้าขอคารวะท่านขอบคุณที่ท่านมีชีวิตอยู่ในชีวิตของข้า”
ประโยคสุดท้ายประโยคนี้ เขากล่าวด้วยความรู้สึกที่ยังไม่สิ้นสุดน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทำให้กงอี่โม่ไม่เข้าใจทำไมหนุ่มน้อยเบื้องหน้าของนางจึงมีความรู้สึกมากมายที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาได้ล่ะ?
เขาไม่เคยกล่าวคำพูดมากมายขนาดนี้ ทว่าเมื่อเริ่มกล่าวออกมาแล้วแต่ละคำแต่ละประโยคล้วนออกมาจากหัวใจ
เวลาเริ่มดึกแล้ว เขามองขบวนรถที่จัดเตรียมอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยใบหน้าของเขาพลันปรากฏความมุ่งมั่นเด็ดขาด
เวลานี้เขาวางถ้วยชาลง เดินเข้าไปเบื้องหน้าของกงอี่โม่
ที่แท้เขาก็สูงขนาดนี้แล้ว กงอี่โม่ถอนหายใจเล็กน้อย เห็นเขายกมือขึ้นท่าทางของเขาราวกับ้าโอบกอดนาง
กงอี่โม่หลับตา หากการโอบกอดสามารถทำให้หนุ่มน้อยรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงถ้าเช่นนั้นก็กอดเถิด ทว่านางรออยู่เป็นานกลับััได้ว่าเขากำลังเลือกเส้นผมของนางเส้นหนึ่งจากนั้นจึงใช้พลังภายในทำให้ขาด
เขาอยากโอบกอดนางไว้ในอ้อมกอดมากจริงๆ มือของเขายกขึ้น แต่แล้วก็ปล่อยทิ้งลงมาเป็ความรู้สึกรุนแรงจนแทบจะดูดกลืนเขาไปทั้งหมด
ทว่าเขาควบคุมตนเองอยู่นาน เขาไม่้าให้ความพยายามของเขาต้องพังลงในวินาทีสุดท้ายดังนั้นเขาจึงหยิบเส้นผมของนางหนึ่งเส้นพร้อมทั้งกระซิบด้วยน้ำเสียงเสียงทุ้มต่ำอยู่ข้างใบหูของนางอย่างหนักแน่น
“โม่โม่รอข้ากลับมา”
เมื่อกล่าวจบเขาไม่รอดูกงอี่โม่ที่เงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ รีบขึ้นม้าจากไปอย่างรวดเร็ว กงอี่โม่ลูบเส้นผมของตนดวงตาสะท้อนประกายตกตะลึง ทว่าเพียงไม่นานความรู้สึกนี้ก็ถูกกลบทับไป
หนุ่มน้อยบนหลังม้าลูบหน้าอกของตน มุมปากยกยิ้มอย่างทุกข์ใจ
นางไม่มีทางรู้ว่าสำหรับเขาแล้วการอำลาเป็ความทุกข์มากมายขนาดไหนฝ่ายหนึ่งคือความสุขที่ได้ยืนเป็เพื่อนอยู่เื้ัของนางฝ่ายหนึ่งคือความทะเยอทะยานที่ได้ยืนเคียงข้างนาง ทั้งสองฝ่ายเป็ความปรารถนาที่ทำให้เขาลุ่มหลงทว่าเขาเลือกฝ่ายหลัง
วันนั้นตอนที่เขาเห็นองค์รัชทายาทจากไปพร้อมสายตาพึงใจแกมตื่นตระหนกเขารู้ดีว่าสายตาเช่นนั้นหมายความเช่นไรเนื่องจากเขาก็เคยผ่านประสบการณ์ลังเลสับสนเช่นนั้นมาก่อนเขาเคยััความรู้สึกเ็ปเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่ลังเล
หากกลายเป็องค์รัชทายาทสามารถทำให้นางพึงพอใจ หากกลายเป็ขุนนางใหญ่สามารถกลายเป็คนที่นาง้าเป็พวกด้วย หากกลายเป็จักรพรรดิสามารถเป็ที่พึ่งพาของนาง ทั้งหมดนี้เขายอมทำทั้งนั้น
ขณะที่ก้าวข้ามออกจากเมืองหลวง กงเจวี๋ยรั้งม้าหันกลับมาเขามองไปทิศทางนั้นด้วยสายตาลึกซึ้ง
เสด็จพี่รอข้ากลับมา
ในขณะที่กงเจวี๋ยเดินทางอย่างราบรื่นนั้น ทางราชสำนักกลับเกิดเื่ใหญ่เป็แผนร้ายที่กำลังรอการปะทุ
เมื่อทราบว่าขบวนรถของกงเจวี๋ยออกจากเมืองหลวงได้อย่างราบรื่นอีกทั้งยังมีคำสั่งขององค์รัชทายาทช่วยอารักขา ฮองเฮาจึงโกรธจัดเวลานี้องค์รัชทายาทกำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฮองเฮาด้วยสีหน้าจริงจัง
ตำหนักเฟิ่งชีเย็นเฉียบปิดสนิทบรรยากาศภายในอึมครึมยิ่งนัก
ฮองเฮาไม่แม้แต่จะเหลือบมององค์รัชทายาทเบื้องหน้า นางคลึงหน้าผากเห็นได้ชัดว่านางโกรธไม่น้อยจริงๆ
เวลานี้ภายในตำหนักมีเพียงคนสนิทสองคนอยู่ที่นี่ขณะนี้เองมีใครคนหนึ่งเปิดม่านเดินเข้ามา กระซิบเสียงเบาอยู่ริมหูของฮองเฮาดวงตาหงส์ของนางพลันเบิกกว้าง สายตาเต็มไปด้วยความโเี้
“เหนียงเหนียงโปรดไว้ชีวิต” นางรีบคุกเข่าลงกับพื้นแอบกล่าวกับตนเองอยู่ในใจว่าช่างโชคร้ายเสียจริง
“ไว้ชีวิต? พวกเ้าแต่ละคนทำงานไม่ได้เื่ทำไมข้าจึงเลี้ยงคนอย่างพวกเ้าไว้เช่นนี้ ทหาร ลากนางออกไปปะาชีวิต” นางยิ้มอย่างเ็า มงกุฎหงส์บนศีรษะสะท้อนประกายเย็นเฉียบ