เพื่อมิให้เว่ยอี๋เหนียงต้องมาคอยดูแลตน หนีเจียเอ๋อร์จึงตัดบททันที “เสี่ยวเสวียน พาเว่ยอี๋เหนียงไปพักผ่อน แล้วให้หมอมาตรวจร่างกายของนางอีกครั้งด้วยนะ”
โจวชิงหวายืนมองสถานการณ์ตรงหน้าเงียบๆ
หากแต่เสี่ยวเสวียนกลับมิได้ทำตามคำสั่ง เพราะเอาแต่ร้องห่มร้องไห้จนตาบวมแดง
เว่ยอี๋เหนียง จึงพูดเสียงสะอื้นว่า “ไม่ต้องหรอก ให้เสี่ยวเสวียนคอยดูแลเ้าที่นี่เถอะ ส่วนข้า ลวี่ซย่าจะเป็คนดูแลเอง”
ได้ยินเช่นนั้น ลวี่ซย่าที่ยืนรออยู่ข้างนอก ก็รีบเข้ามารับเว่ยอี๋เหนียงทันที
โจวชิงหวากระตุกแขนเสื้อเสี่ยวเสวียน เพื่อดึงสตินางกลับมา “ไปเอาน้ำร้อนมาหน่อย”
เสี่ยวเสวียนพยักหน้า เดินออกจากเรือนไปทันที
ในที่สุด ภายในห้องก็ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นไห้อันเสียดหู หนีเจียเอ๋อร์จึงหันมาพูดติดตลกว่า “เฮ้อ! แต่ละคน ร้องไห้อย่างกับข้ากำลังจะตายเสียอย่างนั้น”
โจวชิงหวามิได้เอ่ยสิ่งใด เพียงเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียง และมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวด้วยความเ็ป ก่อนเอื้อมมือไปหยิบขวดยามา แล้วเปิดจุกไม้ออก
หนีเจียเอ๋อร์ที่กำลังนอนอยู่ เบิกตากว้าง “เ้าจะทำอะไร! จะทายาให้ข้าหรือ?”
โจวชิงหวาเหลือบมองใบหน้าซึ่งขึ้นสีแดงเรื่อของหญิงสาว แล้วจึงตอบ “ทำไม? ตอนที่เราหลบอยู่ในถ้ำ เ้ายังทายาให้ข้าเลย”
เมื่อพูดถึงเื่นั้น ภาพที่นางป้อนน้ำให้โจวชิงหวา พลันปรากฏขึ้นมาในสมอง หนีเจียเอ๋อร์โต้กลับอย่างอึกอัก “มันเหมือนกันที่ไหนเล่า! ตอนนั้นเ้าาเ็ที่เอว แต่ที่ข้าโดนโบยคือ... ฮะแฮ่ม... บั้นท้าย เ้าจะมาทายาให้ได้อย่างไร?”
โจวชิงหวาผงะ จนเกือบทำขวดยาหลุดมือ ชายหนุ่มเบือนหลบเพื่อซ่อนสีหน้าขัดเขิน
เขาวางขวดยาลงไปที่เดิม ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “เช่นนั้น ข้าจะไปเอาน้ำร้อน แล้วให้เสี่ยวเสวียนมาทายาให้เ้าก็แล้วกัน”
กล่าวจบ ก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวมองตามแผ่นหลังอีกฝ่าย พลางหัวเราะออกมา
พอคล้อยหลังโจวชิงหวา หนีเจียเอ๋อร์ก็คลายมือที่กำแน่นของตนออก มือของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ และร่องรอยเล็บที่จิกเข้าเนื้อ พ้นสายตาผู้คนแล้ว จึงไม่จำเป็ต้องฝืนทนอีก
ไม่ช้า เสี่ยวเสวียนก็เข้ามาทายาให้ เมื่อเปิดอาภรณ์ออก ก็เห็นว่าผิวเนื้อบริเวณนั้นช้ำเืจนดูน่ากลัว ร่องรอยการโบยลุกลามสูงไปถึงเอว และกลายเป็แผลปริแตกจนเืไหลซิบ สาวใช้คนสนิทจึงพยายามทายาให้เบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ฮือๆๆ...”
หนีเจียเอ๋อร์หันไปดุเบาๆ “เด็กโง่ เลิกร้องไห้ได้แล้ว หากน้ำตาของเ้าหยดลงบนาแ คงจะแสบน่าดู”
“ขออภัยเ้าค่ะ!” เสี่ยวเสวียนขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ แล้วรีบยกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตน
กว่าจะทายาเสร็จ ก็เล่นเอาหนีเจียเอ๋อร์เจ็บจนิญญาเกือบจะหลุดออกจากร่าง นางพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็จังหวะ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บแสบ และตอนนั้นเอง ก็รู้สึกได้ถึงความเย็นชื้นที่่แขน เมื่อหันไปมอง จึงพบว่าโจวชิงหวากำลังเช็ดแขนและมือให้ตน
…
อีกด้านหนึ่ง
สวีซื่อกับหลินมามากำลังปรึกษาหารือกันถึงเื่ของหวงซาน คุยกันไปได้สักพักใหญ่ สวีซื่อก็ตัดสินใจได้ว่า ไม่ควรจะปล่อยเขาเอาไว้
แต่การพูดนั้นง่ายกว่าการลงมือ ใครเล่าจะกล้าสังหารผู้คนโดยไม่หวั่นเกรงอาญา?
ดวงตาคมของสวีซื่อ เหลือบมามองบ่าวรับใช้คนสนิท...
ตอนนั้นเอง หลินมามาก็พูดขึ้นทันที “เดี๋ยวบ่าวจะจัดการเื่นี้เองเ้าค่ะ!”
สวีซื่อจึงกำชับไปว่า “อย่าให้หลงเหลือหลักฐาน ที่จะสาวมาถึงตัวข้าได้”
ขาดคำ หลินมามาก็ออกจากจวนไป...
การทำงานของนางในครานี้ รวดเร็วกว่าครั้งก่อนมาก เพียงครึ่งชั่วยาม บ่าวรับใช้าุโก็กลับมาถึงจวนพร้อมใบหน้าที่เรียบเฉย ท่าทีอันสงบเสงี่ยมเช่นนี้ ใครเล่าจะไปคิด ว่าเพิ่งลงมือฆ่าคนมา?
ในเมื่อหวงซานถูกสังหารไปแล้ว ย่อมไม่มีหลักฐานใดที่จะสืบสาวมาถึงตัวนางได้ สวีซื่อจึงไม่กังวลอันใดอีก
แต่หลินมามาก็ยังไม่ลืมความแค้น ที่ตนโดนหนีเจียเอ๋อร์ตบหน้า นางจึงพยายามยุยงให้สวีซื่อสังหารอีกฝ่ายไปเสีย
สวีซื่อก็เห็นดีเห็นงามด้วย ทั้งสองจึงเริ่มคิดหาแผนการใหม่อีกครั้ง
นางหยิบตั๋วแลกเงินจำนวนห้าร้อยตำลึงออกมา ยื่นให้หลินมามา “ระวังให้ดี! อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้เด็ดขาด”
“ไม่ต้องวิตกเ้าค่ะ นายหญิง” หลินมามาออกจากเรือนของสวีซื่อ มุ่งหน้าไปยังจวนของหมอประจำตระกูลทันที
ซึ่งคนผู้นี้ ก็เคยช่วยสวีซื่อโป้ปดเกี่ยวกับพิษบนภาพวาดไปแล้วครั้งหนึ่ง
ด้วยไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงจำต้องรับยาพิษมา แล้วผสมลงไปในยาทาที่จะมอบให้หนีเจียเอ๋อร์ตามคำสั่งของหลินมามา และเช้าวันรุ่ง เขาก็มอบมันให้กับเสี่ยวเสวียน
พอมาถึงห้อง เสี่ยวเสวียนก็จัดเตรียมยาเหมือนทุกวัน แต่ครั้งนี้ หนีเจียเอ๋อร์กลับรู้สึกได้ว่า กลิ่นของยานั้น แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เล็กน้อย
“เดี๋ยว!” หนีเจียเอ๋อร์คว้ากระปุกยามาอังจมูกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันไปถามสาวใช้คนสนิท “เสี่ยวเสวียน ตอนที่เ้าไปเอายาตัวนี้ หมอได้พูดอะไรกับเ้าหรือไม่? ทำไมข้ารู้สึกว่า ส่วนผสมของยาดูจะต่างจากเมื่อวานเล็กน้อย”
เสี่ยวเสวียนพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่ายหน้า “ไม่นะเ้าคะ หมอมิได้เอ่ยอะไร เพียงมอบยาให้ข้า แล้วก็เดินจากไป”
หนีเจียเอ๋อร์กวักมือให้เสี่ยวเสวียนก้มหน้าลง และกระซิบบางอย่าง
ได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเสวียนก็รับวางยาลงบนโต๊ะทันควัน พลางมองมันด้วยความหวาดผวา ก่อนจะรีบไปจับหนูเป็ๆ มา ตามคำสั่งของหนีเจียเอ๋อร์
เมื่อได้มาแล้ว หนีเจียเอ๋อร์ก็ป้อนยาให้หนูทันที
ผ่านไปสักพัก จู่ๆ หนูตัวนั้นก็เริ่มชัก ร่างกระตุกเกร็ง ก่อนแน่นิ่งไป
เสี่ยวเสวียนขาอ่อน ฟุบลงกับพื้นทันที “คุณหนู ยานี่อันตรายยิ่งนัก!”
หนีเจียเอ๋อร์มองซากหนูตรงหน้า แล้วเอ่ยเสียงเ็า “เอาเื่นี้ไปรายงานให้ท่านพ่อทราบโดยเร็วที่สุด”
…
แม้ตอนแรกนายท่านหนีจะไม่เชื่อ แต่เมื่อหนีเจียเอ๋อร์สั่งให้บ่าวในบ้านไปจับหนูตัวใหม่มา และป้อนยาให้ดูต่อหน้าทุกคน สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ทุกคนถึงกับตื่นตระหนก
นายท่านหนีโกรธมาก สั่งปะาหมอประจำตระกูลทันที
แต่หนีเจียเอ๋อร์ขัดขึ้นมาเสียก่อน “ท่านพ่อ ข้าและหมอท่านนี้มิได้มีเื่บาดหมางกัน ดังนั้นข้าคิดว่าเขาจะต้องถูกใครบางคนข่มขู่ให้ทำเ้าค่ะ ข้าว่าเราควรจะเอาตัวเขาไปไต่สวนเสียก่อน ส่วนยานี่ข้าจะขอตรวจสอบเอง”
ได้ยินเช่นนั้น นายท่านหนีก็พยักหน้าเห็นด้วย “ทำเช่นที่เ้าว่า พวกเ้า มานำตัวหมอออกไป”
เอ่ยจบ ก็หันไปมองหนีเจียเอ๋อร์ “เสี่ยวเอ๋อร์ ไม่ต้องห่วง พ่อจะทวงความเป็ธรรมให้เ้าเอง”
หนีเจียเอ๋อร์เหยียดยิ้มเย็น ก่อนตอบเสียงเรียบ “เ้าค่ะ! เช่นนั้นลูกจะรอดู ว่าท่านพ่อจะทวงความเป็ธรรมให้ลูกอย่างไรบ้าง”
นายท่านหนีชะงักงัน ก่อนเบือนหน้าหนี
จากนั้น เสี่ยวเสวียนก็ก้าวมาช่วยพยุงหนีเจียเอ๋อร์กลับเรือนไป…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้