ทหารบนหอปราสาทส่งเสียงตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นทยอยสบตากันอย่างงุนงง
“เกิดอะไรขึ้น ใครเป็คนลงมือ?”
“มองไม่เห็นอาวุธเลย ใครตัดศีรษะของเขากัน?”
แสงสีดำสว่างวาบบริเวณเอวของฉิงชางจวิน โม่หลงดื่มเืดิบเพียงพอด้วยความพึงพอใจเป็อย่างยิ่ง ในจิตสำนึกของเจียงเฉิงเยว่มีเสียงอาวุธของตนเองเลียริมฝีปากอย่างน่าอับอายดังแว่วมา
ฐานทัพของกองทัพจากพระนครในระยะไกล เมื่อเห็นผู้ส่งสารถูกตัดศีรษะตกลงจากหลังม้า ทันใดนั้นจึงพิโรธจนยากที่จะสงบลงได้ ้าเคลื่อนไหวอย่างโง่เขลา เพียงไม่นานผู้ส่งข่าวอีกคนหนึ่งจึงะโมาจากที่ไกล “ฉู่อ๋องทรงมีพระราชกฤษฎีกา หากยังต่อต้านให้สังหารโดยไม่ละเว้น! มาดูกันว่าพวกเ้าที่ขาดแคลนน้ำกับอาหารจะยืนหยัดไปได้กี่ชั่วยาม? หากถึงเวลาที่โจมตีกำแพงเมือง…” จากนั้น ผู้ส่งสารคนนี้ไม่อาจพูดคำที่อยู่ในปากให้จบก็ลงเอยเช่นเดียวกับคนก่อนหน้านี้
ชั่วพริบตา เหล่าทหารที่ปกป้องบนกำแพงเมืองยงต่างเกิดความโกลาหลเช่นเดียวกับฐานทัพของศัตรูในระยะไกล
“เกิดอะไรขึ้น ใครเป็คนฆ่าคนผู้นี้อีกแล้ว?!”
“ไม่ใช่ว่าทั้งสองกองทัพต่อสู้กันโดยไม่มีการตัดศีรษะหรอกหรือ?”
ครั้งแรกไม่มีใครสนใจ แต่ครั้งที่สองผู้ที่สายตาเฉียบคมสองสามคนเริ่มพบสิ่งผิดปกติเล็กน้อย ทันใดนั้นทหารทางด้านเมืองยงต่างทยอยมองไปยังเด็กหนุ่มชุดดำที่ดูหล่อเหล่าไร้เทียมทานซึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นล้อมรอบเขาเป็วงกลมอย่างเคร่งเครียด ถืออาวุธเล็งไปทางเขาอย่างสั่นสะท้าน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็ศัตรูหรือมิตรจึงไม่ง่ายที่จะลงมือ
เจียงเฉิงเยว่ยังไม่หลุดพ้นกับความเ็ปจากการตายของอิ๋งเอ๋อร์ จึงคร้านที่จะใช้เคล็ดวิชาพรางตาใดๆ เพื่อปกปิดตัวตน ขณะนี้แววตาของเขาเคร่งขรึม เพียง้าระบายความโกรธโดยการสังหารกองทัพจากพระนครที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถึงอย่างนั้นสุดท้ายแล้วเขารู้ว่าด้วยฐานะาาผี ไม่ควรมีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายในโลกมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นการเข่นฆ่ามนุษย์ หากลงมือจะได้ชื่อว่า ‘หายนะต่อโลก’ ทั้งสามโลกจะไม่ปล่อยเขาอีกต่อไป
นอกจากนี้ฉิงชางจวินมาเพื่อช่วยผู้คนในครั้งนี้ เขาไม่ใช่าาผีที่กระหายเืและโเี้ ยิ่งไปกว่านั้น ทหารฝั่งตรงข้ามต่างก็เป็มนุษย์ร้อยพ่อพันแม่ที่ถูกสั่งการมาให้ลงมือเท่านั้น
เจียงเฉิงเยว่ก้าวลงมาจากหอปราสาทอย่างเชื่องช้า ผู้ชมโดยรอบทยอยรู้สึกตัวแล้วหลีกทางให้เขา
ฉิงชางจวินเดินเตร็ดเตร่อยู่รอบหนึ่ง เขาจดจำรายละเอียดของคนนับพันที่เหลือนี้แล้วจึงเดินกลับไปที่วิหารด้านใน
หยวนรั่วเซี่ยนให้คนมาทำความสะอาดร่างของมารดาแล้ว เจียงเฉิงเยว่ขมวดคิ้ว “เื่ของแม่เ้า ยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผยให้ทุกคนรู้” หากรู้ว่าพระชายาสิ้นชีพ เกรงว่าจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจของกองทัพ
เห็นได้ชัดว่า่เวลาหลังจากที่เจียงเฉิงเยว่ออกไป หยวนรั่วเซี่ยนร้องไห้อย่างหนักโดยไม่อายใครลับหลังผู้คน ดวงตาบวมเป็ผลมันฮ่อ[1] หลังได้ยินถ้อยคำเขาใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา พยายามบังคับให้สงบลงเล็กน้อยแล้วบอก “เซียนจวินโปรดวางใจ” เขามองสตรีสองนางที่เปลี่ยนชุดให้มารดา “เซี่ยนเอ๋อร์รู้ถึงความหนักเบาแน่นอน สตรีสองนางนี้ต่างก็ติดตามอยู่ข้างกายท่านแม่ั้แ่เข้าวังมา เป็ผู้ที่ไว้ใจได้”
เจียงเฉิงเยว่มองสตรีที่ทำความสะอาดให้สวีอี่ซิน ขณะเดียวกันยังกลั้นน้ำตาอย่างสะอึกสะอื้น
เจียงเฉิงเยว่กล่าว “ข้าต้องกลับไปที่ปรโลกชั่วคราว...จะกลับมาอย่างช้าที่สุดในเช้าวันพรุ่งนี้ ในที่นี้ข้าได้วางผนึกไว้แล้ว เ้าพาแม่ของเ้ามาไว้เสีย อย่าได้ออกจากผนึกโดยเด็ดขาด คนข้างนอกจะเข้ามาข้างในไม่ได้และทำร้ายเ้าไม่ได้แม้แต่น้อยแน่นอน”
หยวนรั่วเซี่ยนกลับพูด “ไม่บังอาจรบกวนเซียนจวิน เซียนจวินโปรดวางใจ เซี่ยนเอ๋อร์ย่อมต้องปกป้องร่างของท่านแม่เป็อย่างดี ผู้คนที่เหลือในเมืองยงต่างก็เป็ผู้ที่จงรักภักดีซึ่งปกป้องเราสองแม่ลูกั้แ่เกิดจนตาย หากมีขอบเขตการป้องกันมากเกินไป เกรงว่าจะทำร้ายจิตใจผู้คน จึงไม่จำเป็ต้องวางผนึก”
ฉิงชางจวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นทำหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ทำให้เขาเสียใจที่สุดในชั่วอายุสามร้อยปีนี้ไปเสียแล้ว เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ตกลง”
หากเพียงแค่พาอิ๋งเอ๋อร์หรือหยวนรั่วเซี่ยนจากไป เพียงใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาย่อมได้แล้ว แต่หากเคลื่อนย้ายผู้คนกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคนในหนึ่งครั้ง แม้ฉิงชางจวินจะเป็หนึ่งในสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งปรโลก อาจไม่ใช่เื่ง่ายดายเช่นกัน นอกจากนี้...ยังไม่มีความจำเป็
เจียงเฉิงเยว่กลับมาถึงปรโลก เขานับนายพลผีที่เป็ลูกน้องของตนเอง โดยคัดเลือกผู้ที่แข็งแกร่งสองสามตน นำภูตผีจำนวนไม่ถึงร้อยกว่าตน หากใช้ประโยชน์จากเวลากลางคืนเพื่อพาผู้คนกว่าพันคนนั้นออกจากเมืองยง นับว่าเป็เื่ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ ไม่ต้อกล่าวถึงสิ่งอื่นใด ผีร้ายจากปรโลกเหล่านี้เพียงแค่ปลดปล่อยออกมาก็ทำให้ผู้คนใจนตาย
แม้ว่าการปล่อยให้ผีร้ายออกไปจากปรโลกตามอำเภอใจจะนับเป็อาชญากรรม แต่ฉิงชางจวินเชื่อมั่นว่าหากนำทัพขับเคลื่อนทหารผีด้วยตนเองแล้วควบคุมสถานการณ์ให้ดีก็พอ เพียงต้องไม่ก่อเื่จนทำให้ตี้จวินต้องรายงานกับ์ ทุกคนก็จะผ่านไปได้โดยการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
าาผีแห่งปรโลก ล้มลุกต่อเนื่องกันเป็ระลอกมานับพันนับหมื่นปี แต่ไหนแต่ไรจึงไม่มีใครสักคนที่เป็ตะเกียงประหยัดน้ำมัน[2] สุดท้ายแล้วภูตผีิญญาที่มีนิสัยต่อต้าน ย่อมเป็ไปไม่ได้ที่ทั้งสองมือจะไม่เปื้อนเือย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกับเจียงเฉิงเยว่กับหลิวเฟิงที่เป็ดอกไม้พิสดารในหมู่าาผีแห่งปรโลก ่เวลานั้น โยวหยวนที่ผงาดขึ้นมาอย่างกะทันหันยังไม่มีการกระทำที่บ้าคลั่งอย่างการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ที่ขัดแย้งในสามโลกที่ซึ่งเป็แบบอย่างที่แท้จริงของาาผีในปรโลกที่มืดมนอำมหิต ความกระหายเืกระทั่งเป็นิสัยและพร้อมปะทุเมื่อจุดไฟ
วันต่อมา เมื่อเขากลับมายังโลกมนุษย์ในเช้าตรู่ กลับพบว่าบรรยากาศในเมืองยงล้วนผิดปกติ ผู้คนยิ่งน้อยลง กลิ่นอายของความตายเข้มข้น คนจำนวนไม่น้อยกอดกันร้องไห้โดยเผยความหวาดผวาและสิ้นหวัง
เจียงเฉิงเยว่รีบเข้าไปในวิหารด้านใน กลุ่มคนในวิหารด้านในกอดหยวนรั่วเซี่ยนที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง ถึงกับไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเจียงเฉิงเยว่ที่ปรากฏตัวจากอากาศอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตาม ยามเห็นเขามาหาหยวนรั่วเซี่ยน พวกเขากลับรู้ตัวแล้วหลีกทางให้
เจียงเฉิงเยว่นั่งลงบนเตียง พลางมองใบหน้าซีดเซียวของหยวนรั่วเซี่ยนที่อ่อนแรงแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?!” เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าิญญาที่มีชีวิตของเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่มั่นคงและกำลังจะออกจากร่าง เขายกผ้าห่มผืนบางที่คลุมร่างของหยวนรั่วเซี่ยนด้วยมือสั่นเทา เผยให้เห็นหน้าอกที่พันแน่นด้วยผ้าพันแผลอย่างลวกๆ มีเืสีแดงไหลทะลักออกมาใต้ผ้าห่ม
เจียงเฉิงเยว่รู้สึกราวกับถูกทัณฑ์์ ความหวาดผวาและโศกเศร้าทั้งหมดใน่สองวันนี้กลายเป็โทสะ เขาะโใส่ผู้คนรอบข้าง “เกิดอะไรขึ้น?! พูดมา!”
ทุกคนหดตัวเล็กน้อย ค่อยๆ ทยอยกันหดคอ จากนั้นถอยหลังไปครึ่งก้าวก้มศีรษะโดยไม่กล้าสบตากับเขา
“ฉิง ฉิงชางจวิน...” เสียงที่ไร้เรี่ยวแรงของหยวนรั่วเซี่ยนดังมาจากข้างกาย เขาสะอึกสะอื้นแล้วฝืนยิ้ม “ข้าขอโทษ...” หยวนรั่วเซี่ยนยื่นมือออกไป เจียงเฉิงเยว่รีบคว้าเอาไว้ “ข้า...ควรจะฟังท่าน...”
เดิมทีศพของอิ๋งเอ๋อร์วางไว้ที่วิหารด้านในนี้ ทว่ายามนี้กลับไม่เห็นแล้ว ฉับพลันเจียงเฉิงเยว่กลับเข้าใจ หัวใจราวกับถูกคมมีดกรีดและบิด เขาบอกด้วยเสียงทุ้ม “ไม่ต้องพูดแล้ว” จากนั้นเคลื่อนไหวเคล็ดวิชา โดยตั้งใจที่จะฟื้นฟูอาการาเ็ของหยวนรั่วเซี่ยน ในเวลาเดียวกันเขาสื่อสารทางจิตไปยังปรโลกเพื่อเรียกเสวียนชิง จากนั้นรายงานวันเกิดกับปาจื้อเพื่อให้อีกฝ่ายตรวจสอบบนบันทึกหลัวเซิง จึงค้นพบว่าความจริงว่าอายุขัยของอีกฝ่ายได้จบสิ้นลงแล้ว
โชคชะตาก็เป็เช่นนี้
ชั่วขณะหนึ่งเจียงเฉิงเยว่เกือบถูกบดขยี้ด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างลึกล้ำและอ่อนแรงอย่างไม่เคยปรากฏออกมาในร้อยกว่าปี
หยวนรั่วเซี่ยนกุมมือของเจียงเฉิงเยว่อย่างสั่นเทา จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉิงชางจวิน...ไม่ต้องแล้ว...”
ดวงตาทั้งสองของเจียงเฉิงเยว่แดงก่ำ ใบหน้าขาวซีดและมีท่าทีจริงจัง เขากัดฟันกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ไม่! ข้าเคยรับปากกับเสด็จพ่อของเ้าแล้ว! ต้องปกป้องเ้าให้ปลอดภัย!”
ผู้คนที่้าจะปกป้องกลับเสียชีวิตอย่างหน้าสังเวชต่อหน้าเขาทีละคน เวลานี้เจียงเฉิงเยว่เกลียดชังตนเองจนแทบคลั่ง
หยวนรั่วเซี่ยนบอก “ฉิงชางจวิน...พูดตามตรง...ข้าเกิดมาพร้อมสถานะที่สูงส่ง ้าลมก็ได้ลม ้าฝนก็ได้ฝน[3] หากต้องออกไปจากที่นี่จริงโดยต้องซ่อนนาม ใช้ชีวิตธรรมดาไปตลอดชีวิต...อาจเป็ความทรมานอีกรูปแบบหนึ่ง เป็เช่นนี้ก็ช่างเถิด...ตายที่นี่ก็เหมาะสมแล้ว...ิญญาได้กลับปรโลกกับเสด็จพ่อเสด็จแม่อย่างครอบครัวพร้อมหน้าก็ดี...ดีกว่าอยู่อย่างโดดเดี่ยวกับชีวิตที่เหลืออยู่ แค่กๆๆ”
เจียงเฉิงเยว่มองข้ารับใช้ที่ลูบหลังของอีกฝ่ายแ่เบาอย่างเหม่อลอย หยวนรั่วเซี่ยนมีใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ยังคงกระอักเืสดกองหนึ่งออกมาจากริมฝีปาก
เขาพึมพำจนริมฝีปากสั่นเทาไม่หยุด กลับไม่อาจเปิดปากพูดความจริงได้ โดยบอกอีกฝ่ายว่าเสด็จพ่อของเขาเข้าสู่สังสารวัฏกลับชาติมาเกิดแล้ว ส่วนเสด็จแม่ของเขาสลายเป็เมฆหมอกไปแล้ว ไม่พบร่องรอยในสามโลกอีกต่อไป...แล้วครอบครัวจะมาพร้อมหน้ากันได้อย่างไร? นับแต่ตอนนี้ทั่วทั้งสามโลกหกเหล่า อีกฝ่ายถูกกำหนดให้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเสียแล้ว
หยวนรั่วเซี่ยนอายุขัยสิ้นสุดลง ผู้คุมิญญาจึงต้องมาค้นหาิญญาโดยธรรมชาติ เพราะสาเหตุที่เมื่อครู่สื่อสารทางจิตกับเสวียนชิง ครั้งนี้เสวียนชิงจึงตามออกมาด้วยตนเอง ยามเงาร่างของพวกเขาปรากฏอยู่ห้องด้านใน วิหารด้านในพลันเกิดความวุ่นวาย หยวนรั่วเซี่ยนหายใจออกมากกว่าหายใจเข้า ทุกคนคุกเข่าร้องไห้อย่างเศร้าโศก เจียงเฉิงเยว่นั่งอยู่บริเวณหัวเตียงอย่างเหม่อลอยราวกับเด็กคนหนึ่งซึ่งกระทำความผิด ณ ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก
เสวียนชิงเดินผ่านไป มนุษย์มองไม่เห็นผู้คุมิญญา ยังคงสลด
“ฉิงชางจวิน” เสวียนชิงเอ่ยเรียกอย่างเป็กังวล
เจียงเฉิงเยว่เพียงทำเป็ไม่ได้ยิน
เสวียนชิงถอนหายใจ “นี่คือโชคชะตา...ไม่มีหนทางแล้ว อีกทั้ง...เ้าเองก็พยายามเต็มที่แล้ว...อย่าคิดมาก”
เจียงเฉิงเยว่ระบายยิ้มอย่างฝืนใจแล้วหลับตาลง
หยวนรั่วเซี่ยนกำลังจะหมดลมหายใจ เดิมทีิญญาที่มีชีวิตควรออกจากร่างแล้ว แต่เพราะสาเหตุที่เจียงเฉิงเยว่ร่ายเคล็ดวิชาไว้ก่อนหน้านี้ ิญญาที่มีชีวิตของเขาจึงยังถูกขังอยู่ในร่าง ไม่สามารถออกมาได้
เสวียนชิงกล่าว “ฉิงชางจวิน...ปลดปล่อยิญญาของเขาเถิด...แม้ว่าจะผนึกิญญาของเขาไว้ในร่าง แต่เ้าที่เป็าาผีจะทำอย่างไรเพื่อต่อชีวิตให้เขา? นอกจากนี้...เดิมทีการต่อชีวิตที่ขัดกับ์นั้นย่อมผิดกฎ์”
เจียงเฉิงเยว่ไม่พูดและไม่เคลื่อนไหว เมื่อหยวนรั่วเซี่ยนกำลังจะสิ้นใจ จู่ๆ ดวงตาคู่งามกลับเบิกกว้าง เขายื่นมือออกมาพลางเอ่ยเรียก “ฉิงชางจวิน! ฉิงชางจวิน!”
เจียงเฉิงเยว่ตกตะลึง รีบกำมืออีกฝ่ายแน่น สุดท้ายหยวนรั่วเซี่ยนเอ่ย “ได้โปรด...ได้โปรด...พา...พาพวกเขาออกไปเถอะ...ข้าไม่้าให้ใคร...มาตายเพื่อข้าอีก...”
เจียงเฉิงเยว่ก้มศีรษะพูดด้วยเสียงทุ้ม “ตกลง!”
ในที่สุดคนบนเตียงจึงเผยรอยยิ้ม ข้างแก้มปรากฏลักยิ้มจางๆ เจียงเฉิงเยว่จ้องมองโดยนึกถึงทารกน้ำนมที่ถูกเขาอุ้มไว้ในอ้อมแขนเมื่อปีนั้น ซึ่งคว้าเส้นผมของเขาแล้วส่งเข้าปาก หลังจากถูกเขาแกว่งไกวก็อ้าปากชื้น แล้วยิ้มอย่างเบิกบานใจ เผยให้เห็นเหงือกสีชมพูที่ฟันยังไม่ขึ้นดีกับลักยิ้มสาลี่บนแก้มขวา...
ในที่สุดหยวนรั่วเซี่ยนก็หมดลมหายใจ ทุกคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นต่างร้องโหยหวนดังลั่นไปถึงฟ้า
เสวียนชิงวางมือบนไหล่ของเจียงเฉิงเยว่พร้อมถอนหายใจ “เสียใจด้วย...ข้าให้คนตรวจสอบเล็กน้อยแล้ว จิ่งอ๋องผู้นี้ไม่มีอาชญากรรมร้ายแรงยามมีชีวิต แม้ว่าจะเข้าสู่ปรโลก แต่คิดว่าสามารถกลับชาติมาเกิดได้โดยเร็ว เปลี่ยนเป็ชะตาที่โชคดียิ่งกว่าเดิม เ้าวางใจเถอะ มีข้าอยู่ด้วยทั้งคน ย่อมต้องช่วยเ้าดูแลเขาอยู่แล้ว”
เจียงเฉิงเยว่นั่งอย่างเหม่อลอย จับมือของหยวนรั่วเซี่ยน ในที่สุดก็ปล่อยให้ผนึกคลายออก หลังจากนั้นเหล่าผู้คุมิญญาจึงจับิญญาของหยวนรั่วเซี่ยนไว้ ้าพากลับไปยังปรโลกอีกครั้ง
เสวียนชิงจำเป็ต้องตามกลับไป ก่อนจากไปเขายังไม่วางใจอยู่ดีจึงกำชับนับพันนับหมื่นครั้งแล้วปลอบใจเจียงเฉิงเยว่
เจียงเฉิงเยว่ปล่อยมือของหยวนรั่วเซี่ยนให้วางไว้ข้างกายเขาก่อนห่มผ้าห่มผืนบางให้เป็อย่างดี จากนั้นลากฝีเท้าหนักๆ ก้าวออกไปจากห้องด้านใน เดินไปบนกำแพงเมือง
เวลานี้ แสงแรกของยามเช้าสาดส่องผ่านเมฆลงมา ฐานทัพของศัตรูที่อยู่ห่างไกลยังคงส่งเสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่วฟ้าอย่างครึกครื้น กำลังเฉลิมฉลอง
นายพลหนุ่มคนหนึ่งเดินตามหลังเจียงเฉิงเยว่ เขารวบรวมความกล้าแล้ว จึงกล้าที่จะออกมาข้างหน้าเพื่อประสานมือทำความเคารพ “ฉิงชางจวิน...” จากนั้น เขามองตามสายตาของเจียงเฉิงเยว่ไปยังศพสตรีเปลือยกายที่ถูกข้าศึกแขวนไว้บนประตูปราสาทไม้ ซึ่งสามารถมองเห็นสีเนื้อได้จางๆ นายพลหนุ่มเล่าความเป็ไปด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “หลังจากข่าวการสิ้นพระชนม์ของกุ้ยเฟยรั่วไหลออกไป ภายในเมืองยง...มีพลทหารที่แปรเปลี่ยนเป็ฏเกิดจิตใจชั่วร้าย...จิ่งอ๋องถูกคุ้มกันโดยทหารเกราะหนักจึงเคลื่อนไหวไม่ได้ พลทหารทำการลักลอบขโมยศพของกุ้ยเฟย นำกลุ่มคนกว่าร้อยคนออกจากเมืองแปรพักตร์ไปหาฝ่ายศัตรู จิ่งอ๋องทรงกตัญญูรู้คุณมาแต่ไหนแต่ไร หลังจากตื่นตระหนก โดยไม่สนว่าเหล่าพลทหารจะคัดค้าน ทรงนำกลุ่มคนบุกโจมตีด้วยตนเองอย่างตั้งใจจะสกัดกั้น ไม่้าตกอยู่ในกับดักของฝ่ายศัตรู ทหารที่ไปด้วยกันพยายามอย่างสุดกำลัง จนเกือบกวาดล้างกองทัพทั้งหมด สุดท้ายแล้วช่วยเหลือจิ่งอ๋องกลับมาที่หอปราสาทได้ เนื่องจากไม่้าให้พระองค์ได้รับาเ็สาหัส...”
เขาควรจะคาดเดาได้ แม้ว่าในอดีตจะจงรักภักดีอย่างแท้จริง แต่ภายใต้ความสิ้นหวังซึ่งรวมกับการถูกล่อลวงด้วยผลตอบแทน ย่อมยากที่จะคาดเดาว่า ‘ความจงรักภักดี’ นี้จะสามารถยืนหยัดไปได้นานเพียงใด
เมื่อครู่เขายังคงรู้สึกว่าหยวนรั่วเซี่ยนเหมือนกับบิดา เกิดมาสูงส่งเกินไป ได้รับการปกป้องที่ดีเกินไป จึงไม่เข้าใจถึงอันตรายและความเลวร้ายของโลก จิตใจดีแต่กลับไร้เดียงสาอย่างไม่ถูกกาลเทศะ แล้วผลลัพธ์เล่า? ตัวเขาเองกับบิดารัชทายาทโง่เง่าผู้นั้นมีอะไรแตกต่างกัน ไม่สิ...อายุของตนห่างกับพวกเขาหลายสิบปีหากเทียบกันอย่างละเอียดแล้ว ตนนั้นไร้เดียงสายิ่งกว่าจนไม่อาจให้อภัยกระมัง!
บนปราสาทไม้ที่อยู่ห่างไกล ศพของนางแกว่งไกว ถูกแขวนไว้ราวกับเนื้อแดดเดียว ด้านล่างกลุ่มข้าศึกกำลังรวมตัวกันอย่างครื้นเครง เครื่องหมายสีแดงบนข้อมือผอมบางสีเทาอมฟ้าที่ห้อยอยู่เปลี่ยนเป็สีน้ำตาลดำ เครื่องหมายที่ราวกับนกหรือสัตว์ร้ายสั่นไหวตามร่างไม่หยุด
ในที่สุดท้องฟ้าก็สว่างขึ้น สำหรับประชาชนคนธรรมดาในซีเฉียนแล้ว วันนี้ดูเหมือนเป็เพียงวันธรรมดาวันหนึ่ง
เหล่าผู้สูงอายุ ผู้เจ็บป่วยหรือพิการที่เหลืออยู่ในเมืองยงทยอยมารวมตัวกันที่เชิงกำแพงเมือง เงยหน้าขึ้นมองเงาร่างเพรียวบางของเด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่บนหอปราสาทอย่างงุนงงโดยที่ทำอะไรไม่ถูก ข่าวการสิ้นพระชนม์ของจิ่งอ๋องได้แพร่สะพัดออกไปแล้ว ขณะเดียวกันสิ่งที่ถูกแพร่ออกไปเป็คำสั่งเสียสุดท้ายของจิ่งอ๋องที่ฝากฝังพวกเขาไว้กับาาผีผู้นี้ที่ทั้งร่างเปล่งลมปราณเย็นะเืราวกับน้ำแข็ง
เจียงเฉิงเยว่ถอนสายตาออก จากนั้นหันกลับมามองเงาร่างคนที่รวมตัวกันสองหรือสามคนเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันบริเวณใต้หอปราสาท ชาวเมืองยงที่สูญเสียบุคคลสำคัญไปแล้วต่างสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าหวาดผวา ในดวงตาแฝงไปด้วยความหวังจางๆ พวกเขามองเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าเ็าหล่อเหลา ราวกับว่ามองไปยังเทพผู้กอบกู้โลก
เจียงเฉิงเยว่ถามนายพลหนุ่มผู้นั้นที่อยู่ข้างกายอย่างแ่เบา “ยังมีเหลืออยู่กี่คน?”
------------------------
[1] ผลมันฮ่อ หมายถึง วอลนัท
[2] ตะเกียงประหยัดน้ำมัน หมายถึง เื่เยอะ เื่มาก
[3] ้าลมก็ได้ลม ้าฝนก็ได้ฝน เป็การอุปมา หมายถึง อยากได้อะไรก็ได้
