“หลินเยี่ยนหง” บุตรสาวคนเล็ก ของเ้ากรมพิธีการ ซึ่งสนิทสนมกับท่านอ๋อง เรียกได้ว่าท่านอ๋องให้ความเกรงใจ และเคารพบิดาของนาง ไม่ต่างกับอาจารย์ท่านหนึ่ง เพราะเขาเป็ขุนนางเก่าของฮ่องเต้
“เอาล่ะ ข้าจะยกน้ำชาไปให้เสด็จอา ก่อนจะไปเรียนดีดพิณ”
“เอ่อ… คือว่าตอนนี้”
“มีอันใดหรือ เหตุใดเ้าจึงทำหน้าเช่นนั้น”
สีหน้าของสาวใช้ ทำให้ซินหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าจะเติบโตขึ้นมาเป็สตรีที่เพียบพร้อม ทั้งปัญญาและความสามารถ แต่ก็ยังมีความ้าของตัวเอง และความดื้อดึงของนาง บางครั้งก็ทำให้ท่านอ๋องปวดหัวอยู่ไม่น้อย
“ตอนนี้คุณหนูหลินพึ่งมาเข้าเฝ้า เห็นว่าจะเชิญท่านอ๋องไปงานเลี้ยงที่จวนเ้าค่ะ”
“งั้นหรือ เช่นนั้นก็ดี ท่านอาให้คำตอบหรือยัง”
“ไม่ทราบเ้าค่ะ นางเข้าเฝ้าท่านอ๋องอยู่ที่ห้องโถงเล็ก”
“เช่นนั้นข้าจะไปดูสักหน่อย”
“จะไปจริง ๆ หรือเ้าคะคุณหนู”
“เหตุใดข้าจึงไปมิได้เล่า เสด็จอามิได้สั่งห้ามนี่ ตามข้ามาเถอะ”
ซินหรูเดินออกไปยังห้องโถงเล็กด้านนอก ่เวลานี้นางมักจะมาคารวะเสด็จอาอยู่เสมอ วันนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าจะทราบก่อนหน้าแล้วว่า ท่านอ๋องมีแขกมาพบแต่เช้าก็ตาม
ห้องโถงเล็ก
“เหตุใดพระองค์ทรงกังวลพระทัยเช่นนั้นเล่าเพคะ มีเื่ใดที่หม่อมฉันพอจะแบ่งเบาได้หรือไม่”
“ขอบใจคุณหนูหลิน แต่เื่นี้เป็เื่ในจวนของข้า รีบว่าธุระของเ้ามาเถอะ”
“เช่นนั้นเองหรือเพคะ ที่แท้หม่อมฉัน ก็เป็คนนอกสินะเพคะ”
“เอ่อ…”
“เสด็จอาเพคะ”
“ซินหรู!”
ท่านอ๋องหันมามองหน้าห้องโถง เมื่อได้ยินเสียงของฉินซินหรู และยิ้มออกมาทันที แน่นอนว่าทำให้หลินเยี่ยนหงไม่พอใจ แต่ก็ต้องพยายามเก็บอารมณ์เอาไว้
“ซินหรูถวายบังคมเสด็จอาเพคะ”
“ลุกขึ้นเถอะ เ้ารีบมาหาข้าแต่เช้าเช่นนี้ มีธุระเร่งด่วนอันใดหรือ”
“เปล่าเพคะ ข้าเพียงนึกได้ว่า กำลังจะมีงานเทศกาล ก็เลยอยากจะมาชวนเสด็จอาเอาไว้ก่อน เผื่อว่า…”
“อะแฮ่ม คุณหนูฉินขออภัย ข้าขอเสียมารยาทพูดแทรกสักนิด”
ซินหรูหันไปมองหลินเยี่ยนหง แม้ว่านางจะเป็สตรีสูงศักดิ์แห่งตงโจวเช่นกัน แต่ซินหรูก็ไม่เคยยอมให้ใคร เทียบตำแหน่งนางได้ง่าย ๆ เช่นกัน
“ในเมื่อคุณหนูหลินทราบดีว่า การพูดแทรกระหว่างการสนทนา เป็การเสียมารยาท เหตุใดจึงยังจะทำอีกเล่า”
“เอ่อ คือว่าข้า…”
“เอาเถอะ ๆ เ้านั่งลงก่อน นี่คือเื่ด่วนที่เ้ามาหาข้างั้นหรือ”
“ใช่แล้วเพคะ ตกลงว่างานเทศกาลครั้งนี้ ท่านจะไปกับข้าได้หรือไม่เพคะ เห็นว่ามีนักแสดงงิ้วจากเมืองหลวง เดินทางมาแสดงในงานด้วย ข้าอยากไปดูเพคะ”
“ซินหรูเื่นี้ เห็นทีว่าจะ…”
สีหน้าของท่านอ๋องที่ยิ้มออกมา ทำให้นางเริ่มผิดหวัง เสียงหัวเราะในลำคอของสตรี ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง ก็ทำให้นางเริ่มหันไปมอง
“ขออภัยน้องหญิงฉินจริง ๆ ข้ากับท่านอ๋องพึ่งจะหารือกัน เื่งานเทศกาลนี้จบพอดี ท่านอ๋องจะต้องเสด็จไปทำพิธีบวงสรวงก่อน และยังต้องอยู่ร่วมในงาน ดังนั้นในวันนั้น คงไม่ว่างไปเที่ยวเล่นดูงิ้วกับเ้า”
เดิมทีเขาอยากจะเป็คนบอกนางเอง แต่หลินเยี่ยนหง ที่รับอาสาจากเ้ากรมพิธีการ มาส่งจดหมายแจ้งกำหนดการ ในการจัดงานพิธีบวงสรวง กลับเป็คนเอ่ยปากแทนเขา ยิ่งเห็นสีหน้านิ่งของฉินซินหรู ก็เริ่มพูดไม่ออก
“ซินหรู วันนั้นข้าจะต้องทำงาน แต่ถ้าหากเ้ารอได้ละก็…”
“ไม่เป็ไรเพคะเสด็จอา ในเมื่อท่านต้องทำราชกิจสำคัญ ข้าก็จะไม่รบกวนท่าน เชิญตามสบายเถิดเพคะ”
“ซินหรูเด็กดี เช่นนั้นอาจะให้ของขวัญเ้า เอาเป็ว่าวันนี้เราออกไปเดินเที่ยวเล่นในเมืองกัน ดีหรือไม่”
“ดียิ่งนักเพคะ”
“งั้นก็ดี เ้ารีบไปเตรียมตัวเถอะ”
ซินหรูหันมามองหน้าหลินเยี่ยนหง ก่อนจะรีบกลับไปเตรียมตัวด้วยความเบิกบานใจ ั้แ่นางมาอยู่กับเขา ปีนี้ก็เข้าปีที่แปดแล้ว
“เร็วเข้าชิงเถาเริ่มสายแล้ว เตรียมของเสร็จหรือยัง ข้าไม่อยากให้เสด็จอารอนาน”
“เสร็จแล้วเ้าค่ะ คุณหนูเ้าคะ นั่น…”
ซินหรูมองไปที่รถม้า แต่ผู้ที่ยืนรอนาง มิได้มีเพียงท่านอ๋องคนเดียว ยังมีหลินเยี่ยนหงด้วย รอยยิ้มที่เบิกบานเมื่อครู่นี้ หายลงไปในทันที ท่านอ๋องเห็นว่านางหยุดเดิน จึงรีบเข้ามาหา และจับมือนางเอาไว้
“ซินหรูเ้าเป็อะไรไป ไม่รีบไปเดี๋ยวแดดจะร้อนนะ”
“น้องหญิงซินหรู ครั้งนี้ข้าขอติดรถไปเที่ยวในเมืองกับเ้าด้วย คงไม่ว่ากระไรใช่หรือไม่ ท่านอ๋องทรงอนุญาตข้าแล้ว”
ซินหรูหันมามองหน้าท่านอ๋อง ที่หันมายิ้มอย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก
“เป็เช่นนั้นจริงหรือเพคะ”
“เป็เช่นนี้แหละเ้าจะถามมากไปไย นาน ๆ ท่านอ๋องจะมีเวลาพาเ้าไปเที่ยว รีบไปเถอะน้องหญิง สายมากแดดจะร้อนนะ”
ซินหรูปัดมือของเยี่ยนหงทิ้งทันที ต่อหน้าของท่านอ๋อง ซึ่งเยี่ยนหงเองก็คงจะทราบอยู่แล้ว จึงได้แต่ร้องออกมา
“น้องหญิงซินหรู ไม่คิดเลยว่า เ้าจะรังเกียจข้าเช่นนี้”
“ข้าอยากไปเที่ยวกับเสด็จอา มิได้อยากไปกับเ้า เื่ใดควรไม่ควร เ้าที่เป็บุตรขุนนาง ยังไม่รู้อีกหรือ”
“น้องหญิงซินหรู นี่เ้า…คิดไม่ถึงว่าเ้า จะแล้งน้ำใจได้ถึงเพียงนี้”
“เ้า!”
“ซินหรู ไม่เอาน่าอย่าอารมณ์เสียเลย นางแค่ขอติดรถไปเท่านั้น”
ซินหรูหันมามองหน้าเสด็จอา ที่พึ่งจะเอ่ยปากเข้าข้างอีกฝ่าย สายตาตัดพ้อของนาง ทำเอาท่านอ๋องถึงกับลอบกลืนน้ำลาย นี่เขาคงพูดอะไรผิดไปเสียแล้ว เดิมทีก็มิได้คิดจะให้หลินเยี่ยนหงไปด้วย แต่เพราะนางบอกว่าเป็ทางผ่าน และขอติดตามไปด้วย จึงยากที่จะปฏิเสธ
“ข้าพึ่งนึกได้ว่า ยังต้องเรียนดีดพิณ เห็นทีวันนี้คงไม่สะดวก ที่จะไปเที่ยวในเมืองกับพวกท่านแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนสิซินหรู ที่จริงเื่เรียนดีดพิณ เ้าพักก่อนก็ได้นี่”
“ในเมื่อเสด็จอา มีแม่นางหลินไปเป็เพื่อนแล้ว เช่นนั้นข้าไม่รบกวนทั้งสองดีกว่า ขอตัวก่อนเพคะ”
“ซินหรู เดี๋ยว…”
นางคำนับและหันมามองหน้าหลินเยี่ยนหง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างหลังท่านอ๋อง ด้วยความพอใจ
“แม่นางหลิน เ้าไม่เจ็บมือแล้วหรือ ช่างหายรวดเร็วเหมือนแสร้งทำเสียจริงนะ”
“เ้า! เอ่อ… ท่านอ๋องเพคะ”
ซินหรูรีบเดินกลับไปที่เรือนของตัวเองทันที ท่านอ๋องเริ่มรู้สึกผิดกับนาง เพราะ่นี้เขาแทบจะไม่มีเวลา อยู่พูดคุยกับนางเลย
“ท่านอ๋องเพคะ หากไม่รีบไปจะสายแล้วนะเพคะ”
“คุณหนูหลินขออภัยด้วย ข้าพึ่งนึกได้ว่า ยังมีฎีกาบางฉบับที่ยังไม่ได้ตรวจ เป็เื่เร่งด่วนที่ใต้เท้าหลิน บิดาของเ้าส่งมาให้ คงจะไปกับเ้าไม่ได้แล้ว ข้าจะให้คนไปส่งเ้าที่จวน”
"เอ่อ แต่ว่า…"
“กงอวี่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ให้คนไปส่งคุณหนูหลินให้ดี”
“ท่านอ๋องเพคะ”
“ข้าขอตัวก่อน กลับดี ๆ นะคุณหนูหลิน”
หลินเยี่ยนหงทำสิ่งใดมิได้ นอกจากถวายคำนับ และร่ำลาเขาทันที
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”
ท่านอ๋องเดินกลับเข้าไปยังตำหนักทันที นางได้แต่หันไปมองด้วยความคับแค้นใจ
‘ไม่เป็ไร วันนี้ต่อให้พลาด รับรองได้ว่างานเทศกาล ข้าไม่พลาดแน่ ฉินซินหรู เ้ามันตัวเกะกะเสียจริง ๆ คงต้องรีบกำจัดเ้าเสียก่อนแล้ว’
ศาลาดีดพิณ
“ซินหรู วันนี้เ้าอารมณ์ไม่ดีงั้นหรือ”
“อาจารย์ตู้ ท่านมองออกหรือเ้าคะ”
“พักสักหน่อยเถอะ”
“เ้าค่ะ”
ซินหรูลุกขึ้นมาจากโต๊ะดีดพิณ นางเดินมานั่งกับอาจารย์ “ตู้เหมย” ซึ่งเป็อาจารย์สอนดีดพิณของนาง ั้แ่ซินหรูย้ายเข้ามาในจวนอ๋อง
“พิณเป็ศาสตร์ดนตรีที่น่าทึ่ง นอกจากให้ท่วงทำนองที่ไพเราะแล้ว มันยังสามารถ บอกถึงอารมณ์ของผู้ที่กำลังดีดพิณอยู่ด้วย หากวันนี้เ้ายังคิดเื่อื่นอยู่ เช่นนั้นก็พักสักหน่อยเถิด”
“ในเมื่ออาจารย์ตู้บอกว่าให้เ้าพักผ่อน เช่นนั้นก็ไปเถอะ ไปหาที่ผ่อนคลายอารมณ์ บางทีเ้าอาจจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง”
“เสด็จอา! เหตุใดท่านจึงยังอยู่ที่นี่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้