ตอนที่ทั้งสองมาถึง สตรีคนเมื่อวานก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู ข้างกายนางมีอี๋เหนียงสามยืนอยู่
ไม่รู้ว่านางไปพูดอันใด แต่อี๋เหนียงสามดูพอใจแล้วคว้ามือนางไปตบเบาๆ
ทั้งสองดูเหมือนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ขณะนั้นอี๋เหนียงสองยืนอยู่ไม่ไกลมองดูทั้งสองอย่างขุ่นเคือง เมื่อเห็นรถม้าของเวินซีและหรานอิ่งชุนหยุดลงก็รีบเดินไปทันที
“อี๋เหนียงสอง” หรานอิ่งชุนเปิดม่านออก เมื่อสบตากับนางก็พูดเบาๆ แล้วลงจากรถม้า
เวินซีะโลงจากรถม้าทันที แล้วมายืนข้างนาง
“เข้าจวนกันเถิด” อี๋เหนียงสองพูด
เป็เพราะยังไม่แน่ชัดว่าผู้ใดคือหรานอิ่งชุนตัวจริง นางจึงทำตัวห่างเหินกับทุกคน
“เ้าค่ะ” หรานอิ่งชุนพยักหน้าตอบรับ
ไม่รู้ว่าคนจวนหรานจะใช้วิธีใดในการหาตัวพวกนาง ใจของหรานอิ่งชุนก็ประหม่า ในตอนที่เข้าจวนไป มือของนางจับแขนเสื้อเวินซีไว้แน่น
“ไปกันเถิด” เมื่อเห็นอี๋เหนียงสองเข้าไปในจวน อี๋เหนียงสามก็เอ่ยปาก เอื้อมมือให้สตรีผู้นั้นพยุงเข้าจวนไป
ทุกคนพากันเดินเข้าไปในโถงหน้าของจวนหราน
ตอนที่พวกเขาไปถึง ทุกคนในจวนหรานก็รวมตัวกันล้อมรอบห้องโถงไว้
บนเก้าอี้เ้าบ้าน นายท่านหรานและฮูหยินผู้เฒ่าหรานต่างก็มีสีหน้าจริงจัง
เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาใกล้ ฮูหยินผู้เฒ่าหรานก็ยกไม้เท้าขึ้นกระแทกพื้นอย่างทรงพลัง
“พวกเ้าสองคนบอกว่าพวกเ้าคือหรานอิ่งชุนหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าหรานสังเกตมองทั้งสองคน
“เ้าค่ะท่านย่า”
“ท่านย่า ข้าต่างหากที่เป็ชุนเออร์”
หรานอิ่งชุนทั้งสองโค้งคำนับและพูดพร้อมกัน
ทั้งนิสัย การแสดงออก หรือแม้แต่ส่วนเว้าส่วนโค้งของพวกนางก็เหมือนกันทุกประการ ไม่สามารถแยกความแตกต่างได้เลย
“อยู่มานานเช่นนี้ นี่เป็ครั้งแรกที่ข้าได้พบเื่ประหลาดเช่นนี้ หลานสาวข้ากลายเป็คนสองคน”
“ใช้โอกาสในตอนที่ข้ายังมีความอดทน นางตัวปลอมรีบจากไปเสีย หากเ้าถูกจับได้จะหนีไม่พ้นแล้ว หากเ้าจากไปเสียแต่ตอนนี้ ไม่ว่าเ้าจะมีจุดประสงค์อันใด ข้าจะไม่คิดเอาความ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหรานพูดช้าๆ ใบหน้าที่มีคิ้วยาวๆ ของนางดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
หรานอิ่งชุนทั้งสองไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
“หากเป็เช่นนี้อย่าได้โทษสตรีชราอย่างข้าก็แล้วกัน เข้ามา พานางมาให้ข้า” ฮูหยินผู้เฒ่าหรานเอนหลังบนเก้าอี้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่า” สตรีชราสองคนพยักหน้าแล้วรีบถอยกลับไป
ในตอนที่พวกนางกลับมาก็พยุงสตรีผู้หนึ่งที่สวมชุดสตรีรับใช้เข้ามาที่โถงหน้า ทันทีที่ปล่อยนาง นางก็ก้มหน้าก้มตา แล้วคุกเข่าลงกับพื้น
“ฮูหยินผู้เฒ่า” สตรีผู้นั้นกล่าวด้วยความเคารพ
“ดูสิ สองคนนี้ ผู้ใดเป็เ้านายของเ้า” ฮูหยินผู้เฒ่าหรานเอ่ยกับสตรีผู้นั้น
“เ้าค่ะ” นางตอบรับและเงยหน้าขึ้นช้าๆ
“เสี่ยวเยว่ เ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร? เ้ามิได้...ตายไปแล้วหรือ?” หรานอิ่งชุนมองหน้าของนางด้วยความตกตะลึง
เสี่ยวเยว่ขมวดคิ้วแน่นมิได้ตอบ หลังจากที่มองนางแล้ว สายตาก็หันไปหาสตรีอีกคน
“เสี่ยวเยว่ เ้าไม่เป็อันใดก็ดีแล้ว หลายวันมานี้ข้าเป็ห่วงเ้ามาก” สตรีผู้นั้นเอ่ยพลางเดินไปนั่งลง เข้าไปจับมือของเสี่ยวเยว่ด้วยสายตาที่กระตือรือร้น
เสี่ยวเยว่มิได้สะบัดมือออก
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลันมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าหราน “ฮูหยินผู้เฒ่า นางที่จับมือข้าคือคุณหนูเ้าค่ะ ส่วนนางอีกคนข้าไม่รู้ว่าเป็ผู้ใด”
“เสี่ยวเยว่ เ้า...” หรานอิ่งชุนในตอนนี้ราวกับถูกทุบหัว ไม่รู้ว่าจะตอบโต้เช่นไร
“บอกข้าหน่อยเถิดว่าวันนั้นเ้ากับคุณหนูหรานเกิดเื่อันใดขึ้น?” นายท่านหรานถามอย่างไร้อารมณ์
“เ้าค่ะ นายท่าน วันนั้นในตอนที่ข้ากับคุณหนูเข้าไปในป่า เราก็ถูกโจรป่าปล้น ข้ากับสตรีรับใช้คนอื่นๆ พากันขัดขืนเพื่อให้คุณหนูได้มีโอกาสหนีไป”
“หลังจากที่คุณหนูหนีไปได้ ข้าก็แสร้งตาย จนสามารถรอดพ้นจากพวกเขามาได้ เมื่อพวกโจรป่าเอาของมีค่าไปทั้งหมด ข้าก็แอบลุกขึ้นเดินไปตามทางที่คุณหนูหลบหนีไป”
“แต่คุณหนูรวดเร็วมาก ในป่ายังลึกลับซับซ้อน ทำให้ข้ากับคุณหนูพลัดหลงกันด้วยเหตุนี้ ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในป่าเพื่อตามหาคุณหนูตลอดเลยเ้าค่ะ”
“เมื่อคืน ในระหว่างทางข้าก็ได้ยินพวกพ่อค้าบอกว่าตระกูลหรานมีคุณหนูสองคน จึงรีบกลับมาเ้าค่ะ”
เสี่ยวเยว่เล่าเื่ทั้งหมดออกมาอย่างเป็ธรรมชาติ นายท่านหรานและฮูหยินผู้เฒ่าหรานพากันพยักหน้า
“เ้าโกหก เ้าเข้าเมืองไปกับข้าแท้ๆ เป็เ้าที่ถูกคนของเหลียงฝูหรู่ฆ่าตาย”
“เสี่ยวเยว่ ข้าปฏิบัติต่อเ้าอย่างดี หากมิใช่ข้า ยามนั้นเ้าคงต้องหิวตายอยู่ข้างถนน เหตุใดต้องทำร้ายข้าด้วย?”
หรานอิ่งชุนชี้ไปที่นางพลันเอ่ยด้วยความโกรธ นางโกรธจนตัวสั่นอย่างควบคุมมิได้ น้ำตาแห่งการถูกทรยศไหลรินลงมาอย่างไร้ซึ่งหนทาง
“ท่านน่ะสิโกหก ข้าไม่เคยไปที่เมืองใด ข้าไม่เคยถูกผู้ใดฆ่าด้วย”
“คนที่มีบุญคุณต่อข้าคือคุณหนู มิใช่ท่าน”
เสี่ยวเยว่หันไปสบตานางและตอบโต้เสียงแข็ง
“เ้า...เ้า...”
หรานอิ่งชุนถูกเลี้ยงดูให้โตมาแต่ในห้องหับ นางจะจัดการสถานการณ์นี้เองได้เช่นไร นางไม่มีหนทางโต้ตอบเสี่ยวเยว่ ทำได้เพียงหันไปหาฮูหยินผู้เฒ่าหรานกับนายท่านหรานและคุกเข่าลง
“ท่านพ่อ ท่านย่า ข้าคือหรานอิ่งชุนจริงๆ นะเ้าคะ พวกท่านจำได้หรือไม่ ตอนเด็กที่ข้าไม่เชื่อฟัง เื่ที่ข้าตกแม่น้ำเกือบตายในครานั้น?”
“ท่านพ่อต้องคอยดูแลข้าอยู่ที่เตียงทั้งวี่ทั้งวัน ท่านย่าต้องไปคุกเข่าสวดมนต์ขอพรที่โถงบรรพชน ข้าถึงฟื้นขึ้นมาได้”
“อีกอย่าง พวกท่านยังจำ...”
“พอแล้ว หยุดพูดได้แล้ว อี๋เหนียงสามบอกว่าเ้ารู้เื่ทั้งหมดของชุนเออร์ดี ข้ายังไม่เชื่อ ไม่คิดเลยว่าจะเป็เช่นนั้นจริง เ้าเตรียมการมาดีจริงๆ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าหรานพูดขัดหรานอิ่งชุนอย่างประชดประชัน
หรานอิ่งชุนสับสนและทำอันใดไม่ถูกมากยิ่งขึ้น
สตรีผู้นั้นมองนางด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะคุกเข่าลงข้างฮูหยินผู้เฒ่าหราน
“ขอบพระคุณท่านย่าและท่านพ่อที่จำข้าได้เ้าค่ะ ท่านย่าเ้าคะ เราจะจัดการกับนางตัวปลอมคนนี้เช่นไรเ้าคะ?”
“เข้ามา จับนางกับพรรคพวกของนางไว้”
ฮูหยินผู้เฒ่าหรานพูด คนรับใช้จากสองข้างก็รีบผลักหรานอิ่งชุนไปที่พื้น
เวินซีกำลังขัดขืน แต่ก็ได้ยินหรานอิ่งชุนพูดขึ้นมาอีก
“ท่านย่า ท่านยังจำฟันซี่นี้ได้หรือไม่เ้าคะ? ตอนนั้นชุนเออร์ฟันหัก จึงใจไม่ดีอยู่ตลอด แต่เป็ท่านเองที่พูดให้ข้าสบายใจว่าฟันหักแปลว่าข้ากำลังเติบโต”
“ท่านยังพาชุนเออร์เอาฟันไปกลบไว้ที่ใต้ต้นฮวายด้วย ท่านบอกว่าหากวันหน้าชุนเออร์รำคาญใจเื่ใด ให้กลับมาดูฟันสองซี่นั้น เมื่อคิดถึงท่านย่า ความรำคาญใจก็จะหายไป”
“ท่านย่า เื่นี้มีเพียงเราสองคนที่รู้กัน ท่านย่ายังจำได้หรือไม่เ้าคะ? ท่านย่า ความสัมพันธ์ของเราลึกซึ้งเช่นนี้แท้ๆ เหตุใดต้องฟังเสี่ยวเยว่ด้วย? ข้ามิได้โกหกจริงๆ นะเ้าคะ เสี่ยวเยว่ถูกเหลียงฝูหรู่ฆ่าตายไปแล้วจริงๆ”
“พูดไร้สาระเก่งจริงๆ นะ” อี๋เหนียงสามโบกมืออย่างรำคาญเต็มทน
ขณะนั้นคนรับใช้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แล้วรีบลากหรานอิ่งชุนออกไปด้านนอกประตู
สตรีผู้นั้นกับเสี่ยวเยว่ยืนขึ้น กำลังจะก้าวเท้าออกไป
“ช้าก่อน” ฮูหยินผู้เฒ่าหรานะโเรียกคนรับใช้ นางเอื้อมมือเป็สัญญาณให้พวกเขาปล่อยตัวก่อน
เมื่อเห็นว่ายังมีความหวัง หรานอิ่งชุนก็รีบคุกเข่าลง
“เ้าพูดเื่ของเ้ากับเสี่ยวเยว่มาอีกรอบ ข้าจะฟังั้แ่ต้นจนจบ ข้าจะดูสิว่าผู้ใดกันแน่ที่พรางเป็เทพแสร้งเป็ผี” ฮูหยินผู้เฒ่าหรานตบโต๊ะพลันลุกขึ้นยืน