ดวงตาแดงก่ำของหลัวไป๋เฉียนมลายสิ้น เขามองฝาแฝดคนเดียวที่เหลืออยู่ หัวใจพลันอ่อนลงทันที ชายที่เกรี้ยวกราด ดุร้ายและเต็มไปด้วยเจตนาสังหารเมื่อครู่หายไปในชั่วพริบตา เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้คุณชายเว่ยผู้เป็ลูกชาย แม้เขาจะให้กำเนิดบุตรอีกสี่คนทว่าฝาแฝดคู่นี้เป็ลูกชายคนโตของเขา ทั้งสองมีใบหน้ารูปไข่น่ารักน่าเอ็นดูและแววตาดำขลับเช่นเดียวกัน แม้สตรีน่ารังเกียจจะเป็ผู้ให้กำเนิด แต่เขาก็รักลูกชายคู่นี้ยิ่งนัก ตอนนี้เหลือลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้นจะไม่ให้สงสารได้อย่างไร
“แม่นมอยู่ไหน? ในเรือนหลิวหลี่มีคนหรือไม่? ตายกันหมดแล้วหรือ?” หลัวไป๋เฉียนะโเสียงดัง “มานี่ อุ้มคุณชายเว่ยเข้าห้อง”
บ่าวรับใช้ที่เห็นต่งซื่อและหลัวไป๋เฉียนทะเลาะกันดุเดือดในเรือนหลิวหลี่เมื่อครู่ล้วนหนีออกไปหลบนอกลาน มีเพียงสี่ห้าคนที่อยู่หลังเรือน เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดโดยหลัวไป๋เฉียนเป็ผู้ชนะ ต่างก็พากันวิ่งออกมาด้วยความโล่งอก ช่วยเช็ดน้ำตา เช็ดมือ ลูบศีรษะและลูบตะโพกปลอบคุณชายเว่ยมือเป็ระวิง
ไม่มีใครกล้าเอ่ยแทรกขัดขวางการต่อสู้ของทั้งสองสักคน ทุกคนยังจำขึ้นใจว่าคราวที่แล้วต่งซินสาวใช้จากบ้านสกุลเดิมของต่งซื่อเคยเข้าไปคลี่คลายการทะเลาะของพวกเขา แต่สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงอย่างอนาถ
ต่งซินพูดจาฉะฉาน มีน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะ ทำให้หลัวไป๋เฉียนหยุดทะเลาะกับต่งซื่อได้ชั่วขณะ เมื่อเขาหันกลับมาสบตาแล้วเห็นใบหน้างดงามประณีตของนาง ความโกรธดั่งไฟสุมก็พลันหายไป หลังจากนั้นเขาก็กลับไปอ่านหนังสือที่เรือนฉีลู่ เดิมทีทุกคนนึกว่าเื่จะได้รับการแก้ไขสมบูรณ์แล้ว ทั้งยังชื่นชมต่งซินว่ามีความสามารถ ทว่าหลังหลัวไป๋เฉียนกลับไป จู่ ๆ ต่งซื่อก็ลุกขึ้นปิดประตู ขังตัวเองและต่งซินไว้ในห้องตามลำพัง คนด้านนอกพยายามเงี่ยหูฟังอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียง สักพักต่งซินก็เดินก้มหน้าออกมา ดวงตาแดงก่ำราวตากระต่าย เดินตรงออกไปจากเรือนหลิวหลี่โดยไม่เอ่ยสิ่งใด เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีคนพบศพต่งซินในสระบัวด้านหลังูเาจำลอง
นับแต่นั้นมา บ่าวรับใช้ในเรือนหลิวหลี่ล้วนให้ความเคารพนายหญิงใหญ่ที่กรีดนิ้วยาวโดดเด่นงดงามราวกับหลันฮวายกถ้วยชายิ่งนัก เมื่ออยู่ภายใต้สายตาของนางก็ไม่มีใครกล้าเกียจคร้านสักคน นางและคุณชายใหญ่ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างเป็ครั้งคราว ทุกครั้งก็จะพบเหตุการณ์เช่นวันนี้ คนที่สามารถหาเหตุผลออกจากเรือนหลิวหลี่เพื่อหลบภัยนั้นล้วนออกไปั้แ่แรกเริ่มทะเลาะกัน หากการทะเลาะเบาะแว้งของผู้เป็นายปิดกั้นทางออกเช่นวันนี้ บ่าวรับใช้บางส่วนที่มีความสามารถก็จะปีนออกทางกำแพง ส่วนบ่าวรับใช้ที่ไม่มีความสามารถก็จะแอบไปชงชาในห้องน้ำชา แสร้งตระเตรียมน้ำชาให้เ้านายโดยใช้เวลานานกว่าปกติ
น่าเสียดายที่ซินเอ๋อร์ต้องจบชีวิตลงอย่างอนาถ นางคือสาวใช้ที่เติบโตในตระกูลของต่งซื่อ ติดตามนายหญิงมาที่จวนของสามี เป็คนสนิทข้างกายมาหลายปี ทว่ากลับจบชีวิตลงเพียงเพราะคุณชายใหญ่มองนางสองสามครั้งเท่านั้น มีหรือสาวใช้ในเรือนหลิวหลี่จะกล้าทำเื่เช่นนี้อีก? แม้เมื่อก่อนจะมีสาวใช้หลายคนที่คิดเป็อื่นกับนายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาหาใดเปรียบ ทว่าเมื่อพวกนางเห็นต่งซื่อโเี้เพียงนี้จึงไม่กล้า ต่างแอบคิดในใจว่าแต่งงานกับชายหนุ่มซื่อสัตย์ในระดับเดียวกันคงดีกว่า อย่างน้อยก็จะไม่ตายอย่างอนาถเช่นนั้น ได้ยินว่าตอนงมศพซินเอ๋อร์ ศีรษะของนางบวมเป่งเหมือนหัวหมู แยกแยะได้เพียงเสื้อผ้าและจุดงดงามบนใบหน้าเท่านั้น...
“เหตุใดคุณชายเว่ยจึงมาที่นี่ได้? มิใช่ส่งไปอยู่ที่เรือนจ้าวซื่อหรือ?” หลัวไป๋เฉียนเอ่ยถามอย่างเดือดดาล “แม่นมของเขาอยู่ที่ใด?” ช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ยังดูแลไม่ได้ เขาเกือบสังหารต่งซื่อสตรีชั่วให้ตายได้แล้วแท้ ๆ ทว่าตอนนี้ไม่เพียงนางยังมีลมหายใจเท่านั้น แม้แต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ยังใกลัวอีก ช่างโชคร้ายเสียจริงที่เลี้ยงบ่าวรับใช้เช่นนี้ในเรือน
สาวใช้ที่มีความกล้าเหลือเพียงเล็กน้อยเอ่ยอธิบาย “อาการปวดหัวของนายหญิงใหญ่จ้าวซื่อยังไม่หายขาด นางปิดประตูขังตัวเองไม่ยอมพบหน้าผู้ใด เหล่าไท่ไท่และหยางมามาก็ออกไปรับคุณหนูสามที่วัดั้แ่เมื่อคืนวานแล้วเ้าค่ะ แม่นมเห็นคุณชายเว่ยเสียงดังในเรือนมู่ตินของนายหญิงใหญ่ จึงไม่สามารถส่งไปที่นั่นได้ ทำได้เพียงพาเขากลับเรือนหลิวหลี่เ้าค่ะ” เมื่อแม่นมเห็นคุณชายใหญ่และต่งซื่อต่อสู้อย่างดุเดือดที่ประตูใหญ่ จึงใพานายน้อยเว่ยวิ่งหนี แต่คุณชายเว่ยปฏิเสธ หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม แม่นมจึงวิ่งหนีไปคนเดียว
“พวกเ้ายังไม่รีบอุ้มคุณชายเว่ยเข้าห้องอีก จะยืนแข็งทื่อเป็ไก่ออกไข่อยู่ตรงนั้นอีกนานหรือไม่?” หลัวไป๋เฉียนจ้องมองต่งซื่อที่หายใจรวยรินอยู่บนพื้น ยิ้มเยาะพลางกัดฟันพูด “ต่งซินหลัน อย่าคิดว่าเื่จะจบเพียงเท่านี้ เข็มขัดบุรุษคือหลักฐานที่เ้าคบชู้สู่ชาย เหล่าจูจงกลับมาเมื่อใด ข้าจะนำสิ่งนี้ไปพบนาง ขอให้นางไล่เ้าออกจากตระกูลหลัว แต่ด้วยเห็นแก่ลูกทั้งสามที่เ้าให้กำเนิด ตระกูลหลัวจะไม่ขอสินสอดคืน เพียงเก็บสัมภาระแล้วจะไปที่ใดก็ไปตามใจปรารถนา”
เมื่อคุณชายเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็ร้อนใจทันที พลันกัดมือสาวใช้ที่อุ้มเขาสุดแรง ก่อนร้องห่มร้องไห้วิ่งเข้ามากอดหลัวไป๋เฉียนด้วยรองเท้าบูตข้างเดียว เขย่าร่างผู้เป็พ่อด้วยแรงทั้งหมดที่มีพลางร้องะโ “ท่านพ่อ ท่านแม่มิได้คบชู้ ข้านำเข็มขัดเส้นนั้นไปซ่อนใต้หมอนเองขอรับ”
หลัวไป๋เฉียนอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นจากพื้นก่อนตะคอกด้วยคิ้วขมวดมุ่น “เ้าพูดไร้สาระอันใด เข็มขัดของบุรุษ เด็กเช่นเ้าจะมีของเช่นนี้ได้อย่างไร” เขาไม่รอให้คุณชายเว่ยเอ่ยสิ่งใดอีก แค่นเสียงเ็าจากอกก่อนเอ่ยถากถาง “ต่งซินหลันเอ๋ยต่งซินหลัน สอนลูกชายให้เป็คนดีเสียจริง แม้แต่ของชายชู้ก็ยังยอมรับไว้เพื่อเ้า ต่งซินหลัน หากเ้าละอายใจก็รีบเก็บของแล้วไสหัวไปจากตระกูลหลัวเสีย ข้าจะไม่ป่าวประกาศเื่ฉาวโฉ่ออกไปด้านนอก ให้เ้าจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี ระหว่างข้ากับเ้าถือว่าหย่าขาดโดยสมบูรณ์แล้ว ระหว่างเราจบสิ้นแล้ว”
ต่งซื่อพ่นเืออกจากปาก เอ่ยด้วยใบหน้าโชกโลหิต “ข้าถูกใส่ร้าย...ได้ หลัวไป๋เฉียน ข้ารู้แล้วว่าเข็มขัดเส้นนั้นเป็ของที่เ้านำมาเพื่อใส่ร้ายให้ข้าแปดเปื้อน จะได้ไล่ข้าออกจากตระกูลหลัว หลัวไป๋เฉียน คนสารเลว เ้ามีชู้อยู่นอกบ้านใช่หรือไม่? รอให้ข้ามอบเรือนนี้แก่นางใช่หรือไม่? ฮึ เ้าคนแซ่หลัว เ้าไร้จิตสำนึก เ้าจะต้องได้รับความเ็ปอย่างสาสมเมื่อถึงวันตาย”
คุณชายเว่ยกัดหลัวไป๋เฉียนสุดแรงเพื่อให้เขาเ็ปแล้วปล่อยตนลง ทุกคนมองคุณชายเว่ยด้วยความแปลกใจ เขาไม่ได้วิ่งไปหามารดาแต่กลับวิ่งไปที่บันไดหินเพื่อหยิบเข็มขัด ก่อนวิ่งกลับมาที่หลัวไป๋เฉียน นิ้วเล็ก ๆ ลูบไล้ด้านในเข็มขัดครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบผ้าโปร่งสีขาวราวหิมะขึ้นมา “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านอย่าทะเลาะกันเลยขอรับ ข้าซ่อนเข็มขัดเส้นนี้ไว้ใต้หมอนเอง เพราะบนเตียงอบอุ่นกว่าบนพื้น สามารถทำให้ลูกของข้าโตเร็วขึ้นขอรับ” คุณชายเว่ยยกผ้าโปร่งเข้าใกล้จมูกหลัวไป๋เฉียน
หลัวไป๋เฉียนขมวดคิ้วมองสิ่งที่ลูกชายเรียกว่า “ลูก” เมื่อมองอย่างละเอียดแล้วจึงพบว่าด้านในผ้าโปร่งสีขาวนั้นมีจุดสีดำสีเทามากมาย เมื่อสังเกตอย่างละเอียดอีกครั้งก็เห็นลายจุดเ่าั้กำลังคลานยั้วเยี้ย
“ไอ๊หยา” หลัวไป๋เฉียนถอยหลังด้วยความใกลัว พลางร้องถามเสียงแหลม “นั่นอะไรกัน มันขยับได้ มันมีชีวิตหรือ? เ้าเอามาจากไหน?”
คุณชายเว่ยเอ่ยด้วยน้ำตา “นี่คือลูกหนอนไหมของข้า รอพวกนางโตก็จะงดงามกว่านี้ ท่านพ่อ ท่านฟังข้า ข้านำพวกนางไปวางในห้องท่านแม่จริง ๆ ข้าเจอเข็มขัดเส้นนี้ในเรือนต้ากูกู นางโยนมันลงพื้น ข้าจึงนำกลับมา”
“พี่หญิงใหญ่?” เมื่อหลัวไป๋เฉียนได้ฟังเื่น่าประหลาดใจจากลูกชายก็พลันขมวดคิ้ว “โยนเข็มขัดบุรุษหรือ?”
หลัวไป๋อิ่งพี่สาวชอบธรรมของเขาแทบเรียกได้ว่า “แปลกประหลาดอันดับหนึ่งในตระกูลหลัว” นางจืดชืด ไม่ยิ้มแย้ม อายุยี่สิบสามปีก็ยังไม่รีบร้อนแต่งงาน แตกต่างจากสตรีสูงศักดิ์คนอื่นในทางใต้ยิ่งนัก
รัชสมัยนี้ กฎหมายเข้มงวดต่ออายุการแต่งงานของสตรี เร่งให้พวกนางแต่งงานเร็ว ๆ เพื่อแก้ปัญหาบุรุษอายุมากที่ยังไม่สามารถแต่งงานได้ ตามกฎหมายแล้ว สตรีสามารถแต่งงานถูกต้องตามประเพณีหลังพวกนางอายุเก้าขวบเต็ม สามารถเขียนชื่อลงในใบสมรสของทั้งสองฝ่ายได้ แต่สตรีที่อายุยี่สิบหกปีแล้วแต่ยังไม่แต่งงาน สตรีผู้นั้นจะต้องจ่ายภาษีส่วนบุคคลสามเท่า ทั้งยังต้องไปที่สำนักทะเบียนครัวเรือนของราชสำนักทุกปีเพื่ออธิบายเหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่ออกเรือน
หากทางการไม่ยอมรับเหตุผลดังกล่าว จำเป็ต้องให้แม่สื่อแทรกแซงเื่นี้ โดยแยกแยะความห่างอายุชายหญิง ฐานะครอบครัว จากนั้นก็ให้ชายหญิงเหล่านี้จับคู่แต่งงานกัน แน่นอนว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมก็ไม่สามารถบังคับได้ แต่ก็เป็ที่ทราบกันดีว่าทัศนคติภายนอกอาจกลายเป็แรงกดดันให้สตรีอายุมากตัดสินใจแต่งงาน
เช่นซานจางที่เมื่อดื่มเหล้าและกินข้าวอิ่มก็จะแคะฟัน พลางชี้บ้านฝั่งตรงข้ามก่อนเอ่ย “เอิ้ก...น้องสาวผู้นั้นของหลี่ซื่ออายุใกล้สามสิบแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมออกเรือน หรือมีโรคร้ายที่ไม่อยากให้ใครรู้? หรือบ้านพวกเ้าเปิดซ่องลับโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ สตรีผู้นั้นคงเป็นางโลมจริง ๆ คิดใช้โอกาสนี้หาเงินให้ได้มากที่สุด จึงไม่ยอมออกเรือนใช่หรือไม่? มารดามันเถอะ นี่มันโลกแบบใดกัน สตรีสมัยนี้ถึงยอมเป็นางโลมมากกว่าจะแต่งงานกับใครสักคน เอิ้ก...ช่างโชคร้ายเสียจริง ข้าก็อายุสี่สิบกว่าแล้วแต่ยังขอภรรยาแต่งงานไม่ได้สักคน” เอ่ยเช่นนี้ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี เอ่ยเื่นี้ทุกวันหลังกินอิ่ม ท้ายที่สุดหากน้องสาวหลี่ซื่อยังไม่แต่งงานก็จะไม่สามารถอยู่บนถนนสายนี้ได้
หยางมามาที่ไม่แต่งงานตลอดชีวิตก็ได้รับความทุกข์ทรมานจากแรงกดดันเช่นกัน ขณะนั้นนางมิได้มีตำแหน่งสูงเช่นนี้ เป็เพียงสาวใช้ผู้จงรักภักดีต่อฮูหยินรองไฉ่ซื่อหรือเหล่าไท่ไท่ในปัจจุบัน โดยทั่วไปหากสาวใช้อายุมากขึ้นแต่ยังไม่ออกเรือน ก็จะถูกรับเป็นางบำเรออุ่นเตียงให้นายท่าน ปรนนิบัติในฐานะครึ่งอนุครึ่งสาวใช้ หรือเมื่อถึงอายุที่เหมาะสมจะออกเรือนแล้ว ผู้เป็นายก็จะเป็ฝ่ายจัดสรรมอบเป็ภรรยาของบ่าวรับใช้ในบ้าน หากประพฤติดีก็จะจัดสรรมอบให้เป็ภรรยาของพ่อบ้านผู้ดูแลจวน
หลายปีก่อน ขณะหยางมามาใกล้จะสามสิบปีทว่ายังเป็สาวเทื้อคาเรือน หลังดื่มน้ำชาไฉ่ซื่อได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่น่าฟังเท่าไรนัก จึง้าหาสามีที่ดีให้หยางมามา โดยมอบนางให้เป็อนุของขุนนางระดับแปด หากเป็สาวใช้คนอื่นคงดีใจแทบบ้า แต่หยางมามากลับปฏิเสธโดยไม่ลังเล หลังเื่นี้ผ่านไป คนในตระกูลหลัวต่างมองนางแปลก ๆ ราวนางเป็สัตว์ประหลาด จนกระทั่งไฉ่ซื่อกลายเป็เหล่าไท่ไท่ เป็ที่เคารพนับถือเพียงคนเดียวในตระกูลหลัวตง หยางมามาจึงได้เลื่อนขั้นเป็ผู้มีอำนาจ เวลานางกลายเป็หญิงชราโดยสมบูรณ์ คนที่ซุบซิบนินทาเ่าั้ต่างก็โยนหัวข้อเก่าทิ้ง เปลี่ยนหัวข้อนินทาใหม่ที่น่าสนใจกว่า
ภายใต้สภาพแวดล้อมทางสังคมเช่นนี้ หากสตรีอยากเป็อิสระอาจต้องบวชเป็แม่ชีที่วัดเท่านั้น แต่คุณหนูใหญ่หลัวไป๋อิ่งกลับเป็ข้อยกเว้นกรณีพิเศษ
ในสภาวะปกติ หากอายุของนางสมควรออกเรือน ไม่ว่าคุณหนูจะรีบร้อนหรือไม่ ผู้าุโก็ย่อมรีบร้อนแทน แต่สิ่งที่อธิบายยากคือตระกูลหลัวเลี้ยงคุณหนูมาถึงยี่สิบสามปี นางไม่อัปลักษณ์ ไม่ได้ปัญญาอ่อนและไม่พิการ นางเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนคุณหนูสูงศักดิ์คนอื่น ทว่าั้แ่จ้าวซื่อ นายท่านใหญ่ไปจนถึงเหล่าไท่ไท่ พวกเขาต่างชอบช่วยคนอื่นเป็ผู้าุโเจรจาสู่ขอ แต่กลับไม่เคยปริปากเอ่ยถึงเื่แต่งงานของหลัวไป๋อิ่ง ราวเป็เื่ธรรมดาที่สตรีในวัยหลัวไป๋อิ่งจะไม่ออกเรือน ด้วยเพราะเ้านายมีท่าทีแปลกประหลาด บ่าวรับใช้จึงไม่กล้าเอ่ยนินทาถึงเื่นี้แม้ในที่ลับ เพราะกลัวจะถูกคนอื่นนำไปฟ้องผู้เป็นายจนตนต้องตกอยู่ในอันตราย
หลัวไป๋อิ่งและเหอตังกุยนั้นแตกต่างกัน เหอตังกุยเป็ลูกหลานนอกสกุล มีฐานะที่น่าอึดอัด ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งเหอตังกุยออกเรือนในชาติก่อน ตระกูลหลัวปฏิบัติต่อนางในฐานะครึ่งคุณหนูครึ่งบ่าวรับใช้ จึงเป็เื่ปกติที่การแต่งงานของนางจะถูกละเลย ทว่าหลัวไป๋อิ่ง ในฐานะลูกสาวคนโตที่ชอบธรรมของตระกูลหลัวตง แม้นางจะไม่ได้รับความรักจากบิดามารดาเท่าหลัวไป๋ฉยง ความสัมพันธ์ระหว่างนางและแม่ก็ไม่ค่อยดีนัก แต่เื่เสื้อผ้า อาหารการกินก็ไม่น้อยหน้าหลัวไป๋ฉยง ตำแหน่งของนางเกือบเทียบเท่าหลัวไป๋เฉียนที่เป็ “บุรุษล้ำค่าในวงศ์ตระกูล”
แต่เหตุผลนั้นแปลกยิ่งนัก ขณะคุณหนูใหญ่หลัวไป๋อิ่งยังเด็กก็สนิทสนมกับเหล่าไท่ไท่มาก เป็หลานที่ได้รับความโปรดปรานจากเหล่าไท่ไท่ที่สุด คำพูดของนางหนึ่งประโยคมีอำนาจกว่าสิบประโยคของผู้อื่น ด้วยเหตุนี้ เอ้อร์ไท่ไท่จึงตำหนิเหล่าไท่ไท่บ่อยครั้งว่านางไม่ค่อยใกล้ชิดสนิทสนมกับหลานตัวเอง แต่กลับยกย่องหลัวไป๋อิ่งที่ไม่ใช่สายเืของตน แต่เมื่อเห็นหลัวไป๋อิ่งกลายเป็สาวอายุมากขึ้นทุกวัน เอ้อร์ไท่ไท่ก็แอบสะใจเงียบ ๆ นางรู้สึกว่าหลัวไป๋อิ่งไม่สามารถเทียบคุณหนูฉยงผู้มีอายุสิบสองปีที่ทั้งอ่อนโยนและน่าเอ็นดูได้ นางจึงไม่ใส่ใจกับความลำเอียงของเหล่าไท่ไท่อีก
นี่คือหลัวไป๋อิ่งผู้ซึ่งได้รับขนานนามลับ ๆ ว่าเป็ “คนแปลกประหลาดอันดับหนึ่งของตระกูลหลัว”... นางโยนเข็มขัดที่บุรุษเคยใช้กระนั้นหรือ? หลัวไป๋เฉียนขมวดคิ้วเอ่ยถามลูกชายด้วยความสงสัย “ลูกเว่ย เ้าเห็นท่านป้าของเ้าโยนเข็มขัดทิ้งตอนไหน? อย่าพูดจาไร้สาระเด็ดขาด ข้าสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา”
คุณชายเว่ยส่ายศีรษะสะอื้นไห้ “ท่านพ่อ ข้ามิได้พูดไร้สาระขอรับ วันนั้นข้าเห็นท่านป้าเดินเข้าห้องกับชายผู้หนึ่ง ไม่นานพวกเขาก็เริ่มถอดเสื้อผ้าลงบนพื้น เข็มขัดนี้ลอยออกมาไกลที่สุดจนถึงหน้าประตู ข้าคิดว่าพวกเขารังเกียจที่เสื้อผ้าไม่งดงามจึงโยนทิ้ง ข้าจึงเก็บกลับมาทำเป็บ้านให้ลูกหนอนไหม ท่านพ่ออย่าโกรธเลยขอรับ ข้าจะเอาเข็มขัดไปคืนท่านป้าเดี๋ยวนี้ขอรับ”
ทันใดนั้นใบหน้าของหลัวไป๋เฉียนพลันปรากฏสีสัน... พี่หญิงใหญ่ที่ยังไม่ออกเรือน...มีความสัมพันธ์กับชายที่ไม่ใช่สามีหรือ?
“ฮือ ๆ ๆ ” ต่งซื่อที่นอนอยู่บนพื้นขยับเขยื้อนไม่ได้เพราะาแเริ่มร้องไห้พลางเอ่ย “ให้ตายเถอะ ข้าไม่ได้รับความเป็ธรรมเสียยิ่งกว่าตั๋วเอ๋อ ในที่สุดความจริงก็กระจ่าง ์มีตามอบความเป็ธรรมให้แก่ข้า ผู้ใดเป็หญิงชั่วช้า ผู้ใดเป็หญิงลักลอบคบชู้ก็สามารถบอกได้รวดเร็ว ข้าอยู่ในเรือนตลอดวัน ์ยังรู้ว่าข้าบริสุทธิ์ ฮือ ๆ ๆ ๆ ”
สีหน้าของหลัวไป๋เฉียนมืดทะมึน เขาไม่เพียงไม่ขอโทษต่งซื่อที่เข้าใจนางผิด แต่กลับเอ่ยเ็า “ยังดีที่เ้าเป็บุตรีของครอบครัวมั่งมี มิเช่นนั้นข้าคงคิดว่าเป็สตรีชั่วร้ายไม่มีหัวนอนปลายเท้าบ้าคลั่ง คำพูดไร้สาระของเด็กคนเดียวจะเชื่อถือได้อย่างไร? หุบปาก มิเช่นนั้นจะได้เห็นดี”
ต่งซื่อถูกผู้เป็สามีทำร้ายรุนแรงอย่างไม่เป็ธรรมเมื่อครู่ ตอนนี้ความจริงกระจ่างแล้ว หลัวไป๋เฉียนกลับไม่มีทีท่าก้มหน้ายอมรับผิด ต่งซื่อไหนเลยจะยอม อย่างไรวันนี้นางก็ยอมเทหมดหน้าตัก แม้แต่ศักดิ์ศรีก็ยอมละทิ้ง นาง้าให้หลัวไป๋เฉียนรับปากชดใช้ให้นางอย่างดีในอนาคต ต่งซื่อจึงร้องไห้ด้วยเสียงแหบแห้ง เริ่มเอ่ยบุญคุณที่ตนมีต่อตระกูลหลัว ทั้งยังพร่ำบอกความคับแค้นใจที่ไม่ที่สิ้นสุด เมื่อนึกถึงคุณชายจูที่เพิ่งตายจาก นางก็ร้องไห้โศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม
หลัวไป๋เฉียนพยายามหยุดนางหลายครั้งแต่ไม่เป็ผล เขาจึงคิดใช้กำลังแก้ปัญหา ทันใดนั้นก็กระชากผมยาวยุ่งเหยิงของต่งซื่อ ลากนางเข้าห้องโถงเพื่อตบตีอีกครั้ง ทว่าคุณชายเว่ยก็เข้ามาช่วยแม่ของเขา หลัวไป๋เฉียนเรียกบ่าวรับใช้พาตัวคุณชายเว่ยออกไป บ่าวรับใช้จำนวนมากจึงกรูเข้ามา ทำให้สถานการณ์วุ่นวายยิ่งขึ้น
“นี่ ขอโทษนะ” ชายชุดแดงเดินเข้ามาในเรือนหลิวหลี่ “ข้ากำลังตามหาหลัวไป๋เฉียน มีคนเขียนจดหมายถึงเขา”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้