เพลาไหนแล้ว หรงหลินยังมีกะจิตกะใจจะหยอกล้อเขาอีก
หรงซิวตบเข้าที่ไหล่ เมื่อก่อนเขานำทหารออกรบ ความแข็งแกร่งบนมือของเขามิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับได้ หรงหลินฉีกยิ้มและร้องขอความเมตตาในทันที
หรงหลินพึมพำเสียงเบา ไม่สนใจเขาอีก
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการจัดการกับข่าวลือเหล่านี้
สิ่งที่คนพูดกันอย่างสนุกปากคือเื่ที่เขาไปพักค้างคืนที่จวนหว่านฉือ ซึ่งขยายจินตนาการอันไร้ขอบเขตไปมาก เกือบทั้งหมดคิดไปถึงเื่บนเตียงกันแล้ว
หรงซิวหมดคำจะพูด ในสายตาของทุกคน เขาเป็คนบ้ากามที่หิวกระหายหรือ?
เขาดูเหมือนคนบ้ากามที่ใดกัน ตรงที่ใดแสดงถึงความโรคจิตหรือ?
น่าโมโหจริงๆ
แต่มิว่าอย่างไร เื่มันก็เกิดขึ้นแล้ว จะมาเสียใจตอนนี้ก็มิมีประโยชน์ เขาทำได้เพียงพยายามอย่างดีที่สุดที่จะลดผลกระทบ
หรงซิวออกมาจากร้านอาหาร สั่งให้ยาชิงไปทำเื่ในทันใด
“ปราบปรามข่าวลือเสียก่อน จัดการคนที่เป็ตัวปล่อยเื่ จากนั้นตรวจสอบว่าผู้ใดอยู่เื้ัเื่นี้”
แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงในเมืองหลวง ทว่ามันมิเพียงพอที่จะทำให้เป็ข่าวใหญ่เช่นนี้ แทบจะทุกตรอกซอกซอย ทุกคนกำลังพูดเื่นี้
ต้องมีผู้ใดบางคนตั้งใจแพร่ข่าวเป็แน่
หรงซิวรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมา อยากจะเห็นนักว่าผู้ใดกล้าที่ปล่อยข่าวลือเื่ของเขาเช่นนี้
หลังจากที่ยาชิงได้รับคำสั่งออกไปแล้ว เขาและหรงหลินขึ้นรถกันคนละคัน แล้วกล่าวลากัน
เดินทางไปบนถนนมิได้หยุดเลย
แม้ว่าจะมีการส่งคนไปปราบข่าวลือ ทว่ามันไม่สามารถเห็นผลได้ทันควัน
เมื่อได้ยินคนพูดว่าหว่านฉือเป็สตรีเสเพล หลอกล่อบุรุษที่แต่งงานแล้ว เขาพลันขมวดคิ้ว
เขายังได้ยินคนพูดว่าอวิ๋นอี้เป็พระชายาที่ไร้ความสามารถที่ไม่สามารถมัดใจบุรุษได้ จะโทษก็ต้องโทษที่นางขี้เหร่ทั้งไร้ความสามารถ หน้าของเขาพลันเ็าลงทันใด
ข่าวลือเหล่านี้น่าจะถึงหูนางแล้วใช่หรือไม่นะ?
หรงซิวรู้สึกปวดหัวและเสียใจเป็อย่างมาก
เป็เพราะเขาไม่คิดให้รอบคอบ ทำกระไรหุนหันพลันแล่นมากเกินไป จนมิได้นึกถึงผลที่จะตามมาเลย
ในอดีตเขามิมีความรู้สึกต่ออวิ๋นอี้ ไม่ว่าข้างนอกจะมีข่าวลือเกี่ยวกับนางอย่างไร เขาก็ไม่สนใจ ทว่าเพลานี้เพียงแค่ผู้อื่นคาดเดาในแง่ร้าย เขาก็โกรธจนอยากจะออกไปสู้
การทะเลาะวิวาทระหว่างทั้งสองเมื่อคืนนี้ ดวงตาของสาวน้อยแดงก่ำ เสียงของนางสั่น นางจึงหันหลังให้อย่างดึงดัน
เขามันชั่วช้าจริงๆ!
หรงซิวลูบหน้า และเร่งให้คนขับรถเร็วขึ้น
เมื่อมาถึงจวน พ่อบ้านรีบเดินมาทำความเคารพที่หน้าประตูด้วยทว่าตอนที่กำลังจะทำความเคารพกลับถูกขัดจังหวะและถามว่า "พระชายาเล่า?"
พ่อบ้านพูดช้าๆ "ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ พระชายากำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง ได้ยินเซียงเหอบอกว่านางไม่สบายพ่ะย่ะค่ะ นอนอยู่นานแล้ว”
“กระไรนะ?” หรงซิวเดินไปข้างใน พลางถาม “นางไม่สบายหรือ ได้เรียกหมอหลวงหรือยัง? หมอว่าอย่างไรบ้าง?”
“พระชายารับสั่งเพียงว่าเมื่อคืนนางมิค่อยได้นอน อยากจะนอน จึงมิได้ให้ข้าไปตามหมอพ่ะย่ะค่ะ”
“นางบอกให้ไม่ตามก็ไม่ไปงั้นหรือ?” หรงซิวะเิทันที “ไปตามหมอมา! หมอจาง หมอหลิว หมออู๋ ไปตามมาให้หมด!”
พ่อบ้านไม่กล้าขัด จึงรีบให้คนไปตามหมอ
ใบหน้าของหรงซิวถึงได้ดูดีขึ้นเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าอย่างหนัก และเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
พ่อบ้านเดินตามไปข้างหลังและพูดในเวลาที่เหมาะสมว่า “ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ ในวังส่งคนมาพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าเมื่อท่านกลับจวนแล้วให้เข้าวังพ่ะย่ะค่ะ!”
หรงซิวมิได้หยุดฝีเท้า ถามต่อ “ผู้ใดมาบอก?”
“ท่านขันทีของไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
แววตาหรงซิวกระตุกเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว เดี๋ยวข้าตามไป”
พ่อบ้านอยู่กับเขามาเป็เวลานาน รู้นิสัยของเขาเป็ธรรมดา รู้ว่าเขาเป็ห่วงพระชายาที่สุด จึงปิดปากมิได้เร่งเขา
หลังจากที่อวิ๋นอี้ออกมาเมื่อคืนนี้ ก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องรับแขก
ห้องรับแขกอยู่ติดกับห้องหอของทั้งคู่หรงซิวยังไปไม่ถึงประตูพลันเห็นเซียงเหอนั่งอยู่บนม้านั่งใต้ทางเดิน กำลังงีบหลับ
เขากระแอมเบาๆ ทำให้เซียงเหอเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ เร่งรีบยืนขึ้น และคำนับอย่างงุ่มง่าม "เคารพฝ่าาเพคะ!"
"พระชายาเล่า?" หรงซิวถาม
เซียงเหอก้มหน้าตอบตามความจริงว่า “พระชายาบอกว่าเหนื่อยเพคะ เมื่อคืนเกรงว่านางจะพักผ่อนมิเต็มที่ เพลานี้นอนอยู่ในห้องเพคะ”
“ข้าจะเข้าไปดู” หรงซิวเหลือบมองนาง อย่างเป็อันเข้าใจกัน “พวกเ้าออกไปเถิด หมอหลวงมาแล้วค่อยเชิญเข้ามา”
เขาเดินผ่านนางกำลังจะผลักประตูเข้าไป เซียงเหอหน้าตูมเป็ก้อน เห็นว่าเขาจะเปิดประตู พลันกัดฟันแล้วเอื้อมมือออกไปหยุดอยู่หน้าหรงซิว
“หือ?” หรงซิวขมวดคิ้ว เขาตัวสูงมาก มองลงไปที่สาวใช้ผู้ไม่มีตัวตน เพียงอ้าปากเบาๆ แสดงถึงความกดดัน “มีกระไร?”
เซียงเหอเคยทำกระไรขัดแข้งขาเช่นนี้ที่ใดกัน นางหวาดกลัวจนร่างสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะมองหรงซิว พูดด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “พระชายา...พระชายารับสั่งว่า หากฝ่าายังคิดมิได้ อย่าได้โผล่หน้ามาหานาง หากฝ่าามา ให้ข้าสกัดไว้เพคะ มิฉะนั้นนางจะส่งข้ากลับจวนอวิ๋น...”
ในน้ำเสียงของนางมีเสียงสะอื้น ดูเหมือนนางจะกลัวคำขู่ของอวิ๋นอี้มาก “ฝ่าาเพคะ ข้ามิอยากกลับไป ข้าอยากจะรับใช้ติดตามพระชายา เว้นชีวิตข้าด้วยเพคะ!”
หรงซิวจะหัวเราะออกมาอยู่แล้ว เขาเลียริมฝีปากแล้วพูดว่า “รู้แล้ว ข้ารู้แล้ว เ้าออกไปก่อน มีเื่กระไรเดี๋ยวข้าจะคุยกับนางเอง”
เซียงเหอพยักหน้าอย่างตื้นตัน “ขอบพระทัยฝ่าาเพคะ! ขอบพระทัยฝ่าาเพคะ!”
หรงซิวเข้ามาในห้อง เห็นสาวน้อยหลับอยู่
นางนอนเงียบสงบอยู่บนเตียง ผมสีเข้มที่คลอเคลียระใบหน้าของนาง โบกปลิวเล็กน้อยด้วยแรงลมหายใจ ดูน่ารักน่าชังนัก
ผิวราวกับหิมะ คิ้วสวยราวกับภาพวาด ผู้ใดว่านางขี้เหร่กัน?
หรงซิวมองเห็นนาง อิ่มเอิบใจ รู้สึกว่าทุกอย่างของนางช่างดีเลิศไปหมด
เว้นเสียแต่เื่เดียว คือนางมักจะ้าหย่ากับเขาเสมอ
“เ้าตัวเล็ก!”
เขาใช้ปลายนิ้วมือแตะจมูกเชิดๆ ของนาง แล้วพึมพำด้วยเสียงที่แ่เบาและรักใคร่
อวิ๋นอี้คงนอนไม่ค่อยสบายจริงๆ การเคลื่อนไหวของเขาเบามาก ทว่านางยังคงอึดอัด พึมพำแล้วเปลี่ยนท่านอน
หรงซิวมิมีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยนาง และเฝ้าอยู่ข้างเตียงจนกระทั่งพ่อบ้านเชิญหมอเข้ามา เขาถึงจะปลุกสาวน้อยอย่างอ่อนโยน
อวิ๋นอี้สับสน ลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขา ขมวดคิ้ว หลังจากนั้นเริ่มตอบสนอง ทำหน้าสงสัย “ฝ่าามาทำกระไรที่นี่?”
หรงซิวพูดดีๆ “ข้าได้ยินว่าเ้าไม่สบาย จึงเชิญหมอหลวงมา อวิ๋นเออร์ ไหนๆ หมอก็มาแล้ว ให้เขาตรวจชีพจรหน่อยเถิด"
อวิ๋นอี้มิอยากฉีกหน้าเขาต่อหน้าคนมากมาย จึงพยักหน้ายินยอม
หมอหลวงหลายคนผลัดกันเข้ามา พวกเขาเห็นพ้องกันว่านางเพียงแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายของนางจึงง่วงและอ่อนแอเนื่องจากเป็หวัด
หรงซิวกล่าวขอบคุณหมอแล้วให้คนไปเอายา ความกังวลในใจคลายลง
ผู้คนจากไป ในห้องพลันดูว่างเปล่าในทันที
อวิ๋นอี้เอนตัวพิงหัวเตียง หลังจากหรงซิวส่งหมอออกไป เขาก็หันกลับมาเข้ามาอยู่ข้างหน้านาง เขามองนางแล้วพูดอย่างเศร้าใจว่า “เมื่อคืนนี้ไม่มีข้าอยู่ ร่างกายก็ไม่สบายเสียแล้ว เมียจ๋า วันนี้กลับมานอนด้วยกันเถิดนะ!"
“ไม่เพคะ” สาวน้อยปฏิเสธอย่างเด็ดขาดพลันถามเขา "คิดได้แล้วหรือเพคะ?"
"คิดได้แล้ว"
นางยิ้ม “คิดว่าอย่างไรเพคะ?"
หรงซิวกำลังจะตอบ ถูกคนเคาะประตู เขาขมวดคิ้วถามเสียงต่ำว่า "มีกระไร?"
พ่อบ้านพูดด้วยความเคารพ "ฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ คนในวังมาเร่งอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านขันทีมารออยู่ด้านนอก ท่านจะไปวังเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ”
หรงซิวหงุดหงิด เขามองอวิ๋นอี้และจูบนางบนหน้าผากและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า "ข้าไปเข้าวังก่อนนะ รอข้ากลับมานะ เดี๋ยวจะมาพูดกับเ้า"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้