ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาตามเสียงเรียกของรัชทายาท อีกฝ่ายพลิกตัวไปมาสองสามครั้งแล้วใช้พลังตรวจคลื่นพลังในร่างกายอีกคนว่ายังมีความผิดปกติหลงเหลืออยู่หรือไม่ เมื่อตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจึงได้ปล่อยให้นั่งฝั่งตรงข้ามกัน
"เมล์ เ้าออกไปก่อน ข้าอยากคุยกับกระรอกน้อย"
"พะยะค่ะ รัชทายาท"
สีหน้าที่หนักใจของคีย์ทำให้ไวท์ไม่สบายใจไปด้วย เพราะไม่รู้ว่ามีเื่อะไรถึงได้กลัดกลุ้มขนาดนี้ มันสำคัญถึงขนาดต้องคุยกันสองคนใช่ไหม ส่วนคีย์เองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง ว่ามีคนมาดักทำร้ายไม่ใช่มาทำร้ายเขา หรือควรจะพูดยังไงให้หวาดกลัวน้อยลง สำหรับโลกของแวมไพร์การฆ่ากันไม่ใช่เื่ใหญ่โต ส่วนคนที่เติบโตมาจากโลกมนุษย์มันน่าจะเป็เื่ที่ใหญ่พอสมควรเลยล่ะ
"พี่คีย์มีอะไรจะพูดเหรอครับ สีหน้าเครียดมากเลยครับ" ไวท์ตัดสินใจถามออกไปเพราะทนความเงียบไม่ไหว มันน่าจะมีเื่อะไรให้กังวลใจอย่างแน่นอน
"เ้ารู้ใช่ไหมว่า่นี้มีเื่การต่อสู้บ่อยมาก"
"รู้ครับ เป็ทุกครั้งที่ออกจากวัง"
"พวกนั้นไม่ได้้าที่จะทำร้ายข้าแต่จงใจทำร้ายเ้ามาโดยตลอด มันทำให้ข้ากังวลว่าข้าจะบอกเ้าเยี่ยงไรดีที่จะทำให้รู้สึกกลัวน้อยลงกว่านี้ แต่พวกนั้นหวังเืในตัวของเ้ามากนัก" รัชทายาทเริ่มเอ่ยถึงสาเหตุที่แท้จริงออกมา แน่นอนว่าปฏิกิริยาของคนตรงหน้าเริ่มสั่นด้วยความกลัวแต่มือหนาก็คว้าร่างสูงโปร่งมาจับมือทั้งสองข้างเป็เชิงปลอบว่าไม่เป็ไร ตราบใดที่ยังมีเขาอยู่...ไม่มีใครกล้าทำอันตรายอย่างแน่นอน
"หากใครได้ดื่มเืของเ้าน่าจะทำให้พลังมีมากขึ้นจนแม้แต่ข้าก็ยังไม่สามารถต้านทานได้เลยล่ะ" แต่ถ้ามีใครได้ดื่มเืของไวท์เข้าไปสักคนแล้วล่ะก็...ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีพลังมากแค่ไหนกัน
"มีวิธีที่จะทำให้ไม่เป็แบบนั้นได้ไหมครับ" มือขาวจับอีกคนกลับด้วยท่าทีตื่นกลัวแต่ก็พยายามเข้มแข็ง เป็ลูกผู้ชายต้องอดทน เข้มแข็ง จะมาอ่อนแอด้วยเื่แบบนี้ไม่ได้ เป็ถึงกัปตันชมรมเชียวนะ! การต่อสู้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมาก่อน หาทางรับมือน่าจะเป็การดีกว่า
"ผมคิดว่าก่อนที่จะกังวลกันแบบนี้ มีวิธีที่จะแก้ไขหรือรับมือไหมครับ"
"สร้อยสั่งทำพิเศษกำลังจะมาถึงในไม่ช้า และ่ที่เ้าไปเรียนรู้งานจากครอสน่าจะฝึกไปด้วยได้"
"เพราะว่าในเขตการปกครองของข้ามันค่อนข้างไกลจากที่นักเวทย์อาศัยอยู่ น่าจะช่วยให้พลังของเ้าคงที่และสามารถต่อสู้กับแวมไพร์ได้"
"แบบนั้นก็ดีเลยครับ ผมจะได้สามารถต่อสู้ได้สักที"
"วิชาที่เ้ามีในโลกมนุษย์ เอามาสู้ที่นี่ด้วยก็ยิ่งดีนะ! มันทำให้เ้าพวกนั้นไม่สามารถต่อกรได้ยังไงล่ะ"
"ผมว่าแบบนั้นก็ดีครับ แค่นี้น่าจะช่วยทำให้พี่คีย์วางใจได้มากขึ้น"
"พี่คีย์ต้องอย่าลืมว่าถึงผมจะเป็คนที่ไม่ได้ใช้พลังั้แ่แรกแต่สามารถต่อสู้ได้ ทำขนมเป็ อาวุธก็พอใช้ดาบกับกระบองได้ ไหนจะวิชาการต่อสู้แบบมนุษย์อีกไม่น่ามีปัญหาอะไรเลย อยากให้วางใจตรงนี้"
"ถ้าสบายใจแล้วออกไปกินข้าวกันเถอะครับ ทุกคนเตรียมอาหารไว้ให้หมดแล้ว"
"ได้สิ"
อาหารทั้งหมดที่ถูกนำมาจัดเรียงล้วนแล้วแต่เป็อาหารที่ถูกใจรัชทายาททั้งหมด ทำให้เกิดความสงสัยว่าแล้วของที่อีกคนชอบกินอยู่ที่ไหนล่ะ แบบนี้มันเหมือนเป็การเอาอกเอาใจมากเกินไปหรือเปล่า แต่พอเห็นท่าทางของไวท์ในการกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว...น่าจะชอบหลายอย่างเลยล่ะ เด็กผู้ชายกินเยอะแบบนี้เหมือนกันทุกคนหรือเปล่านะ
"หัวเราะอะไรเหรอครับ กินข้าวอยู่นะ" ไวท์ปรามเล็กน้อยหลังจากเห็นคนที่อายุมากกว่าเอาแต่มองอาหารแล้วหัวเราะมากกว่าที่จะกินข้าวเข้าไป
"ตอนแรกข้าคิดว่าเ้าไม่ชอบอาหารที่ข้าชอบ แต่ดูท่าจะชอบมากทีเดียวนะ" เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคออย่างพอใจ
"มันก็มีแต่ของที่โลกมนุษย์ก็มีนะ กินได้แน่นอน กินกันเลยครับ" ไวท์บอกพลางตักอาหารเข้าปากต่อ
ลืมคิดไปว่าถึงจะอยู่คนละโลกแต่อีกคนเป็ผู้ชายคงจะไม่ถูกใจหนักที่มีใครมาคอยดูแลขนาดนี้ ปล่อยให้ไปผจญภัยบ้างก็น่าจะสนุกไม่น้อยทีเดียว ไว้เขียนจดหมายไปหา ครอสเื่ให้คนอายุน้อยกว่าไปเรียนฝึกพลังเวทย์ตลอดสัปดาห์ด้วยดีกว่า
"ต่อไปนี้จะเป็เื่ที่จริงจังกว่าเดิมแล้ว พร้อมไหม ริค ไวท์" รัชทายาทถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าคมมองเหมือนจะแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของฝ่ายตรงข้ามว่าคิดอย่างไรกับเื่นี้
"พร้อมครับ ไปคุยกันที่ห้องทำงานดีกว่า"
"ดี ไปกันเลย"
แกร๊ก!
"สังเกตไหมว่าตอนนี้ไม่มีคนดูแลของเ้าเลย มีแต่คนดูแลของข้าเต็มวังไปหมด" คีย์เริ่มเปิดประเด็นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง บัดนี้ช่างดูทำให้รู้ว่าอีกคนคือแวมไพร์ที่มีอำนาจสูงที่สุดรองจากองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี แตกต่างจากเวลาเล่นเป็อย่างมาก
"พะยะค่ะ หม่อมฉันไม่เห็นหลายวันแล้ว มีเื่อะไรเกิดขึ้นหรือพะยะค่ะ"
"คนของเ้าได้ละเมิดกฎของทางจักรวรรดิในการดูแลผู้เป็นาย จึงถูกสั่งคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินจนกว่าอาการของเ้าจะดีขึ้น และรอคอยให้ผู้เป็นายลงโทษด้วยตนเอง"
"พะยะค่ะ ถ้าเช่นนั้นช่วยพาพวกเขาออกมาได้หรือไม่"
"เมล์น่าจะไปพาออกมาแล้วล่ะ สักพักน่าจะมาถึง"
"พะยะค่ะ รัชทายาท"
ไม่นานก็มีร่างของลูกครึ่งแวมไพร์หลายร้อยคนออกมาพร้อมโซ่ตรวนอาคมเรียงติดต่อกัน ดูแล้วน่าจะถูกสั่งขังั้แ่วันที่เขาไม่ได้สติจนกระทั่งวันนี้ ข้าวปลาอาหารจะได้กินไหมอันนี้ไม่รู้ เพราะกฎของจักรวรรดิกับมนุษย์ไม่เหมือนกัน แต่ใบหน้าของแต่ละคนยังดูเรียบเฉยราวกับชินเื่แบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน
"ทำความเคารพ คุณชายริค ไวท์ เชื้อพระวงศ์จากสายเืบริสุทธิ์ขององค์จักรพรรดินี" เหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ที่ดูแลเขาทั้งหมดเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
"ไม่ต้องมากพิธีหรอก ข้าอยากรู้ว่าสิ่งที่ทุกคนทำลงไปมันหมายความว่ายังไง" เป็คำถามที่ง่ายแต่ตอบยากเหลือเกินสำหรับเหล่าคนดูแลทั้งสี่ที่ได้รับมอบหมาย เพราะการหลอกลวงว่าที่นายั้แ่แรกพบ รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเื่อะไรก็มีแต่ต้องโทษทั้งนั้น
"ขอฟังเหตุผล ไม่ใช่เงียบกันแบบนี้" ไวท์ถามเสียงเข้มขึ้นบ่งบอกว่าเ้าตัวเอาจริง ถ้ายังไม่ตอบกันอีกน่าจะมีเื่แน่นอน
"กระผมเป็คนเสนอความคิดนี้เองขอรับ ว่า้าทดสอบว่าคนที่องค์รัชทายาทพึงพอใจจะมาหลอกหรือเปล่า เป็บุคคลจากโลกคู่ขนานจริงหรือเปล่า"
"เป็ความคิดของกระผมทั้งหมดขอรับ ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใดทั้งสิ้น ทุกคนล้วนแต่ทำตามเพราะว่ากระผมเป็หัวหน้าเท่านั้นเอง" เฟลิกซ์ตัดสินใจตอบออกไปในที่สุดเพื่อให้ทุกอย่างกระจ่างลง ไม่รู้ว่าอะไรจะรออยู่ข้างหน้าแต่คนเป็หัวหน้าต้องแบกรับชะตาแบบนี้อยู่แล้ว
"ไม่จริง ท่านเฟลิกซ์อย่ารับผิดคนเดียวแบบนั้น" คัสซัสรีบออกปากเพราะไม่อยากให้นายตนเองถูกลงโทษเพียงผู้เดียว
"ถ้าพวกเราไม่ยอมรับจะตกลงทำร่วมกันได้อย่างไรขอรับ ในเมื่อพวกเราร้อยกว่าคนเห็นด้วยทั้งหมด" คีเซินบอกด้วยใบหน้าเตรียมใจกับการลงโทษทั้งหมดเอาไว้แล้ว
