ถังไน่ไน่ถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด “เป็ได้อย่างไรกันเ้าคะ?”
นางดูสถานการณ์บนกระดานหมากอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง ทว่าน่าเสียดายที่ทักษะการเดินหมากของนางในตอนนี้ทำให้นางมองอะไรไม่ออก นางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ
พี่สามเป็ถึงนักเดินหมากขั้นหก ถือเป็หนึ่งในนักเดินหมากรุ่นใหม่ระดับต้นๆ จะแพ้ได้อย่างไร? อีกทั้งั้แ่ต้นจนจบ นางรู้สึกว่าทักษะการเดินหมากของพี่สาวในอาภรณ์สีขาวไม่ได้โดดเด่นอันใดเลย ไฉนจึงบอกว่าทำลายค่ายกลได้แล้วเล่า
“พี่สาม ท่านเข้าใจผิดหรือไม่เ้าคะ?”
ถังเจิ้นอวี่ส่ายหน้าหัวเราะเสียงขื่น ตัวเขาปรารถนาให้ตนเองเข้าใจผิดเช่นกัน แต่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายไม่เพียงทำลายค่ายกลของเขา ซ้ำยังสร้างค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมสำเร็จอีกด้วย
สำหรับนักเดินหมากขั้นหกคนหนึ่ง ค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมถือเป็ค่ายกลที่ยากแก่การทำลายยิ่งยวด เพียงพอที่จะตัดสินได้แล้วว่ากระดานหมากนี้เขาแพ้แน่นอนแล้ว!
“เพราะเหตุใด?”
สิ่งที่เขา้าถามคือ เพราะเหตุใดค่ายกลของเขาจึงทำลายได้ง่ายดายเช่นนี้?
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะเบาๆ “แม้เ้าจะศึกษาลักษณะของค่ายกลหน้าผาสูงชันของซือคงเซิ่งเจี๋ยมาแล้ว แต่เ้ายังคงไม่ใช่เขาอยู่ดี ซือคงเซิ่งเจี๋ยนั้นเป็หนึ่งไม่มีสอง เช่นเดียวกับค่ายกล ค่ายกลที่เขาสร้างกับค่ายกลที่ผู้อื่นสร้าง อานุภาพย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นยิ่งเ้า้าเลียนแบบเขา ช่องโหว่ของเ้าก็จะยิ่งมีมากขึ้น ข้าจับช่องโหว่ของเ้าได้อย่างง่ายดาย และทำลายค่ายกลของเ้าจากช่องโหว่นั้น!”
เมื่อนางกล่าวคำว่า เป็หนึ่งไม่มีสอง นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าสายตาของซือคงเซิ่งเจี๋ยมองมาที่นางแปลกๆ แต่นางไม่ได้ใส่ใจ เพราะนางพูดความจริง ที่ซือคงเซิ่งเจี๋ยมีความเป็ตัวของตัวเองเป็พิเศษ เพราะความคิดของเขาไม่เคยได้รับอิทธิพลจากกรอบหรือการควบคุมใดๆ ความคิดของเขาเป็เช่นม้าที่พุ่งโผนทะยานสู่ท้องฟ้าอย่างอิสรเสรี ดังนั้นเ้าจึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าก้าวต่อไปเขาจะเดินในตำแหน่งใดตลอดกาล
ความผิดพลาดในการเดินหมากของถังเจิ้นอวี่ เกิดขึ้นเพราะในจิตใจของเขามีกฎเกณฑ์มากมายเกินไป เขาระมัดระวังมากเกินไป ซึ่งตรงกันข้ามกับลักษณะการเดินหมากของซือคงเซิ่งเจี๋ยทุกอย่าง
ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า วาดเสือไม่เป็กลายเป็สุนัข ของซือคงเซิ่งเจี๋ยนั้น ความจริงมีเหตุผล เพียงแต่เขาพูดจาขวานผ่าซากเกินไป ที่เขาไม่รู้ก็คือวิธีการพูดเช่นนี้ของเขาทำร้ายจิตใจผู้อื่นอย่างสาหัส
ส่วนเฟิ่งเฉี่ยนกลับเลือกใช้วิธีการอีกอย่างหนึ่งที่จะบอกเ้าหนุ่มคนนี้ว่า เ้านั้นผิด!
ถังเจิ้นอวี่เงียบงันไปอึดใจหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นพูดว่า “กระดานนี้ข้าแพ้แล้ว! พวกเราเดินหมากกันอีกสักกระดานได้หรือไม่?”
เฟิ่งเฉี่ยนเก็บหมากไปพร้อมกับพูดว่า “ได้สิ ข้าถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว!”
แม้ว่าเขาจะยังอ่อนหัดนัก แต่เขามีทักษะในการเดินหมากที่ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่เหมือนเช่นหานไท่ฟู่ที่หน้าอย่างใจอย่าง หน้าหนายังกับอะไรดี แพ้แล้วยังพาล
ถังไน่ไน่อ้าปากเล็กน้อยด้วยท่าทีตกตะลึง
พี่สามถึงกับพ่ายแพ้?
อีกทั้งสตรีในอาภรณ์สีขาวถึงกับสร้างค่ายเจดีย์สามเหลี่ยมที่เป็หนึ่งในค่ายกลโบราณ
นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!
หมากกระดานที่สองเริ่มขึ้น ครั้งนี้ถังเจิ้นอวี่รับฟังความเห็นของเฟิ่งเฉี่ยน เขาไม่เลียนแบบวิธีการเดินหมากของซือคงเซิ่งเจี๋ยอีก แต่เลือกที่จะเดินหมากในแบบของตนเอง
การคำนวณอันแม่นยำ การเดินหมากอย่างสุขุม การเดินหมากจึงมีเอกลักษณ์เป็ของตนเอง ทำให้ครั้งนี้เฟิ่งเฉี่ยนต้องมองเขาใหม่อีกครั้ง ทักษะการเดินหมากของเ้าหนุ่มคนนี้ก้าวหน้าขึ้นทันตาเห็น วันหน้าทักษะการเดินหมากของเขาจะต้องอยู่เหนือฟางเสียขั้นเก้าแน่นอน
ไม่เลว!
เฟิ่งเฉี่ยนลอบชื่นชมเขาอยู่ในใจ ทว่านางมิได้อ่อนข้อให้เขาแม้แต่น้อย
เมื่อปะทะกันมาถึงก้าวที่ 68 หมากขาวที่อยู่ตำแหน่งกลางกระดานหมากได้สังหารหมากดำและรุกโจมตีกระทั่งสร้างฐานเจดีย์อันหนึ่ง น่าจะเป็ค่ายกลเจดีย์คู่...
ถังเจิ้นอวี่เห็นแล้วตาค้างทันที ร่างของเขาชะงักงัน
เป็ค่ายกลเจดีย์อีกแล้ว!
ไม่ เป็ค่ายกลเจดีย์คู่ที่ยุ่งยากซับซ้อนทำลายได้ยากกว่าค่ายกลเจดีย์เสียอีก!
“เ้า...เ้าเป็ใครกันแน่?” เสียงของถังเจิ้นอวี่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ใต้หล้านี้ผู้ที่สามารถสร้างค่ายกลเจดีย์คู่และค่ายกลเจดีย์ออกมาในเวลาเดียวกันแทบจะนับคนได้ เท่าที่เขารู้มามีเพียง...
ชื่อของคนๆ หนึ่งปรากฏขึ้นมาอย่างน่าใ ม่านตาของถังเจิ้นอวี่ขยายกว้างขึ้น เขาไม่อยากเชื่อ!
ถังไน่ไน่เห็นพี่ชายของตนแพ้อีกครั้งในกระดานที่สอง
วันนี้พี่สามเป็อะไรไปนะ? ทำไมถึงได้เดินหมากได้แย่กว่าทุกวัน
“พี่สาม เกิดอะไรขึ้นเ้าคะ? วันนี้เหตุใดจึงเดินหมากพลาดได้”
ถังเจิ้นอวี่หัวเราะเสียงขื่น เขาที่ไหนเดินหมากพลาด เขาพยายามถึงที่สุดแล้ว แต่ยังคงพ่ายแพ้อยู่ดี
“แม่นาง เ้าเป็ใครกันแน่? ใต้หล้านี้ผู้ที่สามารถสร้างค่ายกลเจดีย์และค่ายกลเจดีย์คู่ได้ในขณะเดียวกัน เท่าที่ข้ารู้มามีเพียง...มีเพียง...”
ชื่อนั้นมารออยู่ที่ริมฝีปากของเขา ไม่รู้เหตุใดเขาถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เฟิ่งเฉี่ยนลูบจมูกแก้ขวย ยังคงถูกเขาจำได้อยู่ดี
ถังไน่ไน่ยังไม่เข้าใจ นางถามอย่างประหลาดใจ “พี่สาม นางเป็ใครกันแน่เ้าคะ?”
ถังเจิ้นอวี่หัวเราะเฝื่อน “นาง...นางคือ...”
ยังไม่รอให้เขาตอบออกมา พลันมีเสียงของสตรีที่คุ้นหูยิ่งนักดังขึ้นนอกรถม้า
“เ้า พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร? บิดาของข้าเป็ถึงผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเทียนหง ท่านปู่ของข้าเป็อาจารย์ผู้มีพระคุณของฮ่องเต้ พวกเ้ารู้จุดจบของการล่วงเกินข้าหรือไม่?”
ได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นหูนั้น เฟิ่งเฉี่ยนเดาได้แล้วว่าคนที่อยู่นอกรถม้าเป็ใคร นางเบนกายเลิกหน้าต่างรถม้าขึ้นมองออกไป เห็นเพียงไม่ไกลออกไปนักมีสตรีนางหนึ่งถูกอันธพาลกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้ และองครักษ์ที่ติดตามสตรีนางนั้นมาล้วนถูกกันไว้นอกวงล้อม
แม้สตรีนางนี้จะพูดจาวางโต ทว่าร่างของนางกลับสั่นเทิ้ม ใเสียจนหน้าถอดสี
สตรีนางนี้มิใช่ใครอื่น นางก็คือคุณหนูมู่ชิงหว่านผู้เย่อหยิ่งจองหองของสกุลมู่
นางถูกปล้น!
“สาวน้อย เ้าไม่พูดถึงฐานะของตัวเองยังดีหน่อย ในเมื่อเ้าบอกฐานะของตนเองแล้ว พวกเรายิ่งไม่มีทางปล่อยเ้าไป” ผู้เป็หัวหน้าโจรโบกมือให้คนทั้งหมด “เด็กๆ พานางกลับไปที่รังโจรของพวกเรา ไปเป็ฮูหยินของข้า!”
เห็นกับตาว่าคนของเขากำลังจะลงมือ มู่ชิงหว่านใแทบสิ้นสติ นางกรีดร้องเสียงแหลม “ไม่เอานะ พวกเ้าอย่ามาแตะต้องข้า!”
ไหนเลยจะยังเหลือท่าทีของคุณหนูพันชั่ง
หนึ่งในกลุ่มโจรเห็นรถม้าในตอนนี้ เขาจึงร้องขึ้นว่า “พี่ใหญ่ มีสินค้ามาส่งถึงมืออีกแล้ว!
ครานี้ สายตาของโจรทั้งหมดหันไปมองรถม้าด้านหลังโดยพร้อมเพรียงกัน
มู่ชิงหว่านเห็นเช่นนั้นราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้ายในชีวิตเอาไว้ได้ นางรีบร้องะโเสียงดัง “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!”
หางตาของนางพลันพบเห็นเฟิ่งเฉี่ยนที่กำลังหดศีรษะกลับเข้าไปในหน้าต่างของรถม้า นางจึงยิ่งร้องะโเสียงดังขึ้นอีก “เฟิงเฉี่ยน ข้าเห็นเ้าแล้ว เ้ารีบช่วยข้า หาไม่แล้วท่านพี่เช่อไม่มีทางปล่อยเ้าแน่!”
เฟิ่งเฉี่ยนกุมขมับ เดิมทีนางไม่อยากสนใจเื่นี้ เด็กสาวคนนี้ในยามปกติเป็คนขวางโลก สมควรแก่เวลาให้นางได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง แต่การที่นางไม่อยากสนใจไม่ได้หมายความว่านางจะนิ่งดูดาย เห็นแก่พี่รองของนาง เฟิ่งเฉี่ยนยังคงไม่อาจกระทำเช่นพบคนกำลังจะตายแล้วไม่ช่วย
เดิมทีนางคิดจะขอให้สองพี่น้องสกุลถังออกหน้าช่วยเหลือ แต่ยามนี้เมื่อมู่ชิงหว่านะโเช่นนี้ นางแทบจะไม่เหลือความคิดที่จะช่วยเหลือ
นี่เป็คนที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณคน ใครช่วยนางคนนั้นก็มีปัญหาทางสมอง!
เมื่อเงยหน้าขึ้นพบว่าถังเจิ้นอวี่สองพี่น้องกำลังใช้สายตาตื่นตะลึงถึงขีดสุดมองนางอยู่ ราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วถามว่า “อย่างไรเล่า มีปัญหาอะไรหรือไม่?”
เห็นเพียงถังไน่ไน่ชี้นิ้วมือขาวราวกับต้นหอมมาที่นาง พร้อมถามด้วยความตื่นตะลึงว่า “ท่าน ท่านคือเฟิงเฉี่ยนจริงๆ หรือ? ผู้ที่เอาชนะซือคงเซิ่งเจี๋ยเซียนหมากผมเงิน แม่นางเฟิง เฟิงเฉี่ยน นักเดินหมากอันดับหนึ่งของชุมนุมหมากล้อมแห่งแคว้นเป่ยเยียนที่กู้หน้าให้กับพวกเรา?”
ถูกนางชื่นชมเช่นนี้ เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกประดักประเดิดอยู่บ้าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้