“หลินเสี่ยวหยาง ฉันมาขอความช่วยเหลือจากนาย” เจิ้งหยวนไม่ให้เวลาเขาพูดจบ สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและจริงจัง
ประโยคประหลาดใจเจือยินดีของหลินเสี่ยวหยางติดอยู่ตรงลำคอ เดิมเขาคิดว่าเธอมาหา เพราะเสียใจที่เลิกรากับเขา อยากมาขอคืนดีด้วย ดูท่าจะไม่เป็อย่างนั้น ความสุขบนหน้ามอดหายไปทันตาเห็น เขาถามเสียงแห้งแล้ง “อะ อะไรเหรอ? ฉันจะช่วยเธอได้เหรอ? เธอก็รู้ ฉัน... ฉันไม่มีความสามารถ อาจช่วยเธอไม่ได้”
“ไม่หรอก เื่นี้นายช่วยฉันได้แน่นอน” เจิ้งหยวนหันมองรอบด้าน เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครสังเกตทางนี้ก็เข็นรถเดินไปข้างทาง “ตามฉันมาสิ”
เธอพาหลินเสี่ยวหยางมาตรงมุมที่ไม่สะดุดสายตาตรงริมถนน
“หลินเสี่ยวหยาง เื่ของพวกเราสองคนโดนป้าสะใภ้ใหญ่ฉันรู้เข้าแล้ว นายรู้นี่ ฉันเป็คนมีคู่หมั้น หากปล่อยเธอกระจายข่าวออกไป ชื่อเสียงฉันคงเสียหาย”
หลินเสี่ยวหยางใจนหว่างคิ้วกระตุก เขาเอ่ย “ป้า... ป้าสะใภ้ใหญ่เธอรู้ได้ยังไง? แล้วทำไมเธอต้องกระจายข่าวด้วยเล่า?”
เจิ้งหยวนบอก “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอรู้ได้ยังไง เธอรู้แค่ว่านายเป็คนของโรงงานเครื่องจักร ไม่รู้ตัวตนชัดเจน แต่ฉันแน่ใจว่าเธอต้องมาถามนายที่โรงงานแน่” เธอเผยสีหน้าหนักใจเล็กน้อย ลังเลสักพักค่อยเปิดปาก “ฉันกำลังคิดว่าตอนเธอมาสอบถามนาย นายช่วยปฏิเสธเื่ที่เราเคยชอบกันได้ไหม?” เื่นี้พูดแล้วเป็เธอไร้คุณธรรม อาศัยว่าหลินเสี่ยวหยางนิสัยดี ไม่มีทางปฏิเสธเธอ หากไม่จำเป็จริงๆ เธอคงไม่มาขอให้เขาช่วยแบบนี้
สีหน้าของหลินเสี่ยวหยางแดงก่ำ “ฉัน ฉัน…”
เจิ้งหยวนคิดว่าเขาโกรธเข้าแล้ว จึงผ่อนเสียงอ่อนลงแล้วเอ่ยว่า “ขอร้องนะหลินเสี่ยงหยาง”
“ฉันจะไม่พูดออกไป” หลินเสี่ยวหยางไม่ได้โกรธ เขาแค่ร้อนใจเล็กน้อย ไม่รู้ควรแสดงท่าทีอย่างไรก็เท่านั้น ด้วยรู้ดีว่าหากจัดการไม่เหมาะสมมันจะทำลายเจิ้งหยวน แม้พวกเขาสองคนไม่อาจเคียงคู่กัน และเขายังโกรธที่เจิ้งหยวนทรยศเขาอยู่มาก แต่เขาก็หวังว่าเจิ้งหยวนจะมีชีวิตที่ดีในอนาคต เลยพูดหลังจากชะงักไปพักหนึ่ง “ต่อให้เธอไม่มาบอกฉัน ฉันก็ไม่บอกความสัมพันธ์เมื่อก่อนของเราหรอก”
“งั้นก็ดีแล้ว” เจิ้งหยวนถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วพยายามแย้มยิ้ม
รอยยิ้มเธอช่างงดงามราวกับดอกลิลลี่พลิ้วไหวตามสายลม หลินเสี่ยว
หยางจำได้ขึ้นใจว่าเขาถูกเธอกระชากจิติญญาไปในรอยยิ้มเดียวเมื่อหลายเดือนก่อน และต่อมาก็มีภาพของเธอคอยวนเวียนในหัวตลอด ่เวลานั้น ครอบครัวอาชายเล็กของเจิ้งหยวนมีเด็กเพิ่มขึ้น คุณปู่คุณย่าจึงไปพักที่บ้านอาเล็กกันหมด แต่คุณย่าอายุมากแล้ว ไม่มีคนคอยดูแลอาสะใภ้เล็กอยู่เดือน เจิ้งหยวนเลยไปด้วย น่าบังเอิญอย่างยิ่งที่บ้านอาเล็กของเจิ้งหยวนกับหอพักของโรงงานเครื่องจักรอยู่ไม่ห่างกันเท่าไร เมื่อหลินเสี่ยวหยางรวบรวมความกล้าจนสอบถามที่อยู่ของเจิ้งหยวนเจอ จึงค่อยแอบซื้อตั๋วหนังนัดเจิ้งหยวนไปดูหนังด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าเจิ้งหยวนจะตอบตกลงจริงๆ เดิมทีเขานึกว่าพวกเราคงได้แต่งงาน และใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอดชีวิต สุดท้ายกลับรักลึกซึ้ง แต่ไร้วาสนาเสียอย่างนั้น เมื่อเชยชมรอยยิ้มเธออีกครา เลยอดรู้สึกขมขื่นเจือจางไม่ได้
เจิ้งหยวนลังเลที่จะถามขึ้นมาอีก “งั้นก่อนหน้านี้นาย…”
หลินเสี่ยวหยางเข้าใจความหมายของเธอดี เขาส่ายศีรษะ “ฉันไม่เคยบอกใครมาก่อนเหมือนกัน คนในโรงงานไม่มีรู้เื่ของเราหรอก” แรกเริ่มพวกเขาแค่นัดไปดูหนังด้วยกัน หลังเขาสารภาพรักและคบหากันจริงๆ จังๆ ก็ผ่านไปไม่นานนัก เื่ที่ยังไม่แน่ชัดไฉนเลยจะพูดสุ่มสี่สุ่มห้าได้ อย่างน้อยต้องรอพบพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายเสียก่อน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
เจิ้งหยวนถึงโล่งใจอย่างแท้จริง เธอรู้ว่าหลินเสี่ยวหยางไม่มีทางพูดจาซี้ซั้ว ทีนี้มาดูกันสิว่าป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจะสร้างคลื่นลมอะไรได้อีก! จึงครุ่นคิดพักหนึ่ง แล้วเอ่ยกำชับ “หากป้าสะใภ้ใหญ่มาถามนาย นายก็บอกว่ารู้จักกันที่โรงหนัง ชอบดูหนังเหมือนกัน เป็สหายที่มีความสนใจตรงกันธรรมดาๆ ”
รอยยิ้มหลินเสี่ยวหยางฝืดเฝื่อน “…ได้สิ”
“คราวก่อนที่ฉันมาหานาย ก็บอกว่าฉันเอาตั๋วหนังมาให้ ฉันซื้อตั๋วมาแล้วไม่ได้ไปดูแล้ว เลยฝากนายยกเลิก”
หลินเสี่ยวหยาง “…ได้”
หลังเงียบกริบอยู่สองสามวินาที เจิ้งหยวนกระชับมือที่จับจักรยานแน่น แหงนมองสีท้องฟ้าก่อนเอ่ย “งั้น… ฉันไม่มีธุระอื่นแล้ว แค่มาพูดสิ่งนี้กับนาย… เอ่อ… มันดึกมาก ฉันควรจะไปแล้ว”
หลินเสี่ยวหยางเม้มริมฝีปากแน่น “อื้อ เธอไปเถอะ”
เจิ้งหยวนเตะขาตั้งจักรยานขึ้น ก่อนหันกลับมาบอกเสียงเบาหวิว “ลาก่อน”
“…ลาก่อน” หลินเสี่ยวหยางกำลังจะยกมือขึ้นโบกลา เจิ้งหยวนก็ขี่จักรยานออกไปไกลแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้