ในฐานะทหาร เหล่าทหารเกราะดำต่างเข้าใจดีว่าหากมีอัศวินระดับสูงปรากฏตัวในสนามรบนั่นหมายความว่าอะไร นั่นหมายความว่าในฝ่ายของศัตรูมีอุปกรณ์รักษาเคลื่อนที่ในร่างคนน่ะสิ แค่อัศวินใช้วงแหวนแห่งา ‘บทเพลงแห่งชีวิต’ ทหารฝ่ายศัตรูก็จะไม่มีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า ยิ่งอยู่บนสะพานหินแคบๆ แบบนี้ และมีอัศวินระดับสูงปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝูงสัตว์ประหลาดพวกนี้ ผลที่ตามมาคือมันคืออะไร ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ มันคือการสังหารหมู่ฝ่ายเดียวน่ะสิ!
ทหารเกราะดำจำนวนมากที่ยังมีขวัญกำลังใจเหลืออยู่และคิดจะพลิกสถานการณ์วิกฤติตอนนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนท่าที ขวัญกำลังใจที่ลุกโชนเมื่อกี้เหมือนกับถูกแสงอาทิตย์อันร้อนแรงส่องลงมาที่หิมะบางๆ จนระเหยกลายเป็ไอน้ำหายไปในอากาศอย่างรวดเร็วและเริ่มถอยหลังอีกครั้ง
แต่ซุนเฟยไม่ยอมให้โอกาสข้าศึกพวกนี้หลบหนีแน่
“ว้าก!”
เขากระทืบเท้าซ้ำอีกทีและปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง
วงแหวนสีเขียววงหนึ่งปรากฏขึ้นจากร่างของซุนเฟย ก่อนจะกระจายออกไปบริเวณรอบๆ ราวสิบเมตร เข้าปกคลุมร่างเหล่านักรบที่อยู่ด้านหลังเขาทั้งหมด ฉับพลัน เพียร์ซและดร็อกบาก็รู้สึกเหมือนกับว่าพลังของตัวเองเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า อาวุธในมือฟาดออกไปอย่างว่องไวและดุดัน เหล่าข้าศึกเหมือนกลายเป็เครื่องกระเบื้องที่เปราะบางแตกง่าย พลังการป้องกันหรือพลังต่อต้านก็ลดลงในชั่วพริบตา
ทักษะ ‘พละกำลัง’ ของพาลาดินปรากฏ
“โอ้ สมควรตาย นั่นเป็วงแหวนแห่งา ‘โจมตีสองเท่า’ …”
“พระเ้า เป็โจมตีสองเท่าจริงๆ ด้วย...ผู้ชายคนนั้นสามารถควบคุมวงแหวนแห่งาได้สองวง โจมตีสองเท่า...น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ถอยเร็ว...พวกเราต้านไม่ไหวหรอก...พลธนู! ไอ้พวกสมควรตาย พลธนูมันอยู่ไหนกัน? รีบๆ มายิงธนูมาฆ่าพวกมันเร็ว...”
ดวงตาของทหารเกราะดำแทบถลนออกจากเบ้าเมื่อเห็นฉากนี้
สถานการณ์บนสะพานหินตอนนี้วุ่นวายยิ่งกว่าเดิม
แค่วงแหวนสีทองก่อนหน้านี้ก็ทำให้เหล่าทหารเกราะดำละทิ้งความคิดต่อต้านอยู่แล้ว ทว่าเมื่อวงแหวนสีเขียวนี้กระจายออกมาจากร่างของซุนเฟย ยิ่งทำให้พวกเขากลัวจนแทบฉี่ราด ขวัญกำลังใจที่จะต่อต้านหายวับไปทันที
ที่แผ่นดินอาเซรอท เพราะการดำรงอยู่ของสัตว์ประหลาดอย่างโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ทำให้อาชีพอัศวินมีพลังและอำนาจพิเศษมาก กลุ่มอัศวินส่วนใหญ่จะครองตำแหน่งสำคัญที่มีอิทธิพลซับซ้อนมากในแผ่นดินอาเซรอท เหล่าอัศวินสามารถเข้าร่วมกับกองทัพเพื่อทำากวาดล้างศัตรูได้ ในขณะเดียวกัน ทหารที่ทำาฝ่ายเดียวกับพวกเขาจะมีพลังที่แข็งแกร่งมาก อัศวินจะคอยช่วยสนับสนุนในด้านรักษา สาปแช่ง เสริมทักษะต่อสู้ทุกอย่าง และยังมีความสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้พวกเขากลายเป็ตัวชูโรงในาได้อย่างง่ายดาย และกลายเป็ฝันร้ายของฝ่ายศัตรู
ดังนั้น ทันทีที่ซุนเฟยปล่อยทักษะพาลาดิน พลโล่หอกัทั้งหมดก็เลิกต่อต้านและรีบถอยหลังหนีอย่างควบคุมไม่ได้
อาชีพอัศวินของแผ่นดินอาเซรอทและพาราดินของโลก Diablo มีบางส่วนที่คล้ายกันมาก ทักษะพิเศษบางส่วนของพาราดินมีผลและลักษณะที่เหมือนกับทักษะวงแหวนแห่งาของอัศวินในแผ่นดินอาเซรอท นี่เป็สาเหตุที่ทำให้ทหารเกราะดำเข้าใจผิดคิดว่าซุนเฟยเป็อัศวินและสามารถความคุมทักษะวงแหวนแห่งาได้ ต้องมาเจอกับอัศวินแบบนี้ยังไงพวกเขาก็แพ้
พลังอำนาจของอัศวินแข็งแกร่งมาก แม้แต่อัศวินเกราะดำ ‘หมายเลขสอง’ ผู้บัญชาการทัพของพวกเขาถูกซุนเฟยเตะทีเดียวก็ตาย เหล่าทหารเกราะดำก็เหมือนหนูเจอแมว พวกเขาร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัวและหลบหนี ขบวนทัพวุ่นวายและแตกกระจาย บางคนกลัวมากถึงขั้นะโลงจากสะพานหินเอง บางคนก็ตื่นใจนวิ่งหนีไปทางเมืองแซมบอร์ดแต่ก็ถูกพลธนูบนกำแพงเมืองยิงจนพรุนและกลายเป็เม่น...
ทหารส่วนใหญ่หมุนตัววิ่งหนีไปด้านหลัง วุ่นวายจนไม่สามารถควบคุมได้จนปะทะเข้ากับขบวนทัพที่มีหน้าที่ปกป้องบันไดยึดเมืองก็ถูก
“โอกาสดี พวกเราบุก!”
ซุนเฟยเห็นว่าหลังจากที่ตัวเองปล่อยทักษะ ‘ภาวนา’ และ ‘พละกำลัง’ ของพาลาดิน จู่ๆ พวกทหารเกราะดำก็พากันแตกพ่าย หนีตายกันวุ่นวาย แม้จะไม่รู้สาเหตุว่าทำไม แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็โอกาสดีที่จะโจมตี เขาะโเสียงดัง นำเหล่านักรบบุกโหมเข้าโจมตีทหารหนีตาย สังหารพวกมันตลอดทาง ไม่ช้าก็โจมตีขบวนทัพโล่หอกัจนแตกพ่าย
ไม่นาน ขบวนทัพป้องกันที่เลืองชื่อและมั่นใจว่าสามารถต้านทหารม้าเกราะหนักได้ ภายใต้การบุกโจมตีของซุนเฟยและเหล่านักรบ ขบวนทัพนี้ก็ต้านทานพวกเขาได้ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ ก่อนที่อาวุธจะแตกหักและแขนขาก็ถูกฟันจนปลิวว่อน
สะพานแคบๆ เหมือนกลายเป็เส้นทางแห่งความตายที่เต็มไปด้วยเืที่นองไปทั่ว
“เพียร์ซ ดร็อกบา รีบไปผลักบันไดยึดเมืองลงแม่น้ำซะ...”
ในขณะที่ซุนเฟยกำลังรุดหน้าสังหารไปเรื่อยๆ คอยเปิดเส้นทางเืนี้ ในที่สุดพวกเขาก็ฝ่ามาถึงบันไดยึดเมือง ตอนนี้พวกเขารุดหน้ามาได้หกสิบกว่าเมตรแล้ว ซุนเฟยเป็คนต้านเหล่าทหารเกราะดำที่พุ่งเข้ามาเหมือนกระแสน้ำซัดเข้ามา และให้เพียร์ซกับดร็อกบาโจมตีทหารที่ปกป้องบันไดและทำลายบันไดยึดเมือง
“น้อมรับพระบัญชา ฝ่าา!”
นักรบทั้งสองคนตอบรับเป็เสียงเดียวกัน อาวุธในเหมือนโบกสะบัดเหมือนพายุ ปัดทหารเกราะดำหลายนายที่อยู่ตรงหน้ากระเด็นออกไปเหมือนสิงโตที่กำลังเกรี้ยวกราด ดวงตาสีแดงก่ำจ้องไปที่บันไดยึดเมืองอย่างดุร้ายแล้วกระโจนเข้าไป...
ตูมๆ!
ทหารเกราะดำที่คอยปกป้องบันไดยึดเมืองก็ยากที่จะต้านทานพวกเขาได้ ไม่ช้าก็ถูกปัดออกไปกลางอากาศ จากนั้นบันไดยึดเมืองขนาดใหญ่ทั้งสองอันก็ถูกนักรบที่ทรงพลังผลักมันลงจากสะพาน ระลอกน้ำลอยขึ้นกลางอากาศ เหมือนมีปีศาจกำลังสะบัดหางของมันในแม่น้ำ
ขวัญกำลังใจของเหล่านักรบเพิ่มสูงขึ้นหลังจากผลักบันไดยึดเมืองสองอันล้มคว่ำไป ปลุกเร้าความฮึกเหิมให้สูงขึ้นเหมือนเป็ฝูงหมาป่าที่หิวโหย พวกเขาะโเสียงดังแล้วพุ่งเข้าไปบันไดยึดเมืองอีกสี่อันที่เหลือ เมื่อใดที่บันไดเหล่านี้ถูกทำลายก็เท่ากับว่าได้ทำภารกิจบุกโจมตีครั้งนี้สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ทันใดนั้น
มอ!!!
ริมชายฝั่งแม่น้ำจูลี่ก็มีเสียงแตรสัญญาณดังกึกก้องขึ้นมาทันที
เสียงแตรสัญญาณจะมีท่วงทำนองสั้นยาวแตกต่างกันตามคำสั่งการที่สั่งมา คำสั่งใหม่กระจายไปยังเหล่าทหารเกราะดำที่อยู่บนสะพานนองเือย่างชัดเจน แต่เหล่าทหารเกราะดำมองหน้ากันและกัน พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ เพราะว่าคำสั่งทหารครั้งนี้เป็คำสั่งทหารสำหรับพลโล่หอกั ทว่าตอนนี้ อดีตขบวนทัพโล่หอกัที่เหล่าทหารเกราะดำขนานนามมันว่าเกราะป้องกันชั้นแรกต่างถูกโจมตีด้วยน้ำมือของเหล่ามัจจุราชกลุ่มนั้น พ่ายแพ้ไม่เป็ท่าทั้งกองทัพ!
ใครก็คิดไม่ถึงว่าคนแค่ยี่สิบกว่าคนจะสามารถทำลายพลโล่หอกัที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็อย่างดีตั้งร้อยคนได้ คำสั่งทหารที่ส่งมา แม้ว่าจะเว้นระยะห่างสั้นๆ ไปสองนาที แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ช้าเกินไป!
เพียงสองนาที ขบวนทัพป้องกันที่แข็งแกร่งก็ถูกทำลายลงในพริบตา
ในทางตรงกันข้าม จำนวนข้าศึกเพียงยี่สิบสามคนกลับไม่มีใครตายสักคนเลย บนสะพานหินแคบๆ นี้ พวกเขายังคงสังหารอย่างบ้าคลั่งแบบไม่รู้จักเหนื่อย รุดหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็วไร้ผู้ต้านทาน!
สะพานหินแคบกลายเป็เส้นทางแห่งความที่เป็ทางผ่านไปสู่นรก มัจจุราชกำลังเรียกหา ท่ามกลางแสงเป็ประกายอันหนาวเหน็บ ทหารเกราะดำก็ไม่สามารถต้านทานไว้ได้ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและโหยหวนทุกๆ ก้าวของพวกเขาเหมือนเดินไปยังปลายทางของชีวิต
ไม่ช้า บันไดยึดเมืองสี่อันที่เหลือก็ถูกเหล่านักรบผลักลงจากสะพาน หล่นลงไปในแม่น้ำจากความสูงหลายร้อยเมตร และถูกกระแสน้ำกลืนหายและทำลายไป
“ฆ่า!”
เสียงะโของคนยี่สิบสามคนประสานกันดังกึกก้องทั่วฟ้า เหล่านักรบต่างเืเดือดพล่าน บ้านเกิดเมืองนอนถูกคนชั่วเข้าข่มเหง ภายใต้การนำของาา นักรบทั้งยี่สิบสามคนก็เหมือนมัจจุราชที่ฝีกออกมาจากทะเลเืในนรก ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเืจนทำให้ผู้คนที่เห็นหวาดกลัว
สะพานหินยาวสองพันเมตร คนทั้งยี่สิบสามคนก็บุกเข้าไปได้สี่ร้อยห้าร้อยเมตร
ทำลายบันไดยึดเมืองแล้วก้าวไปด้านหน้า เป้าหมายต่อไปคือขบวนทัพยิงหิน
แต่ยิ่งก้าวล้ำไปด้านหน้า พื้นที่ของสะพานหินก็ยิ่งแคบ ความกว้างค่อยๆ ลดลงไม่ถึงสามเมตร และตรงกลางสะพานหินมีพื้นที่กว้างไม่กี่เมตร อาจจะกว้างไม่ถึงหนึ่งเมตรครึ่งด้วยซ้ำ นั่นเป็จุดที่อันตรายที่สุดของสะพานหิน เสียงกระแสน้ำเชี่ยวกรากดังครืนๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้ำในแม่น้ำถึงปรากฏอ่างน้ำวนขนาดใหญ่ บางครั้งก็เกิดแรงดึงดูดขนาดใหญ่ด้วย หากคนธรรมดาเดินบนสะพานโดยไม่ทันสังเกตก็อาจถูกดูดลงไปในแม่น้ำและถูกกลืนหายลงไปไม่เห็นแม้แต่ศพ
การต่อสู้
ดำเนินไปอย่างดุเดือด
ซุนเฟยพานักรบตัวเองก้าวไปด้านหน้าทีละก้าว ค่อยๆ เข้าใกล้เครื่องยิงหินเรื่อยๆ...
ห่างออกไป บนกำแพงเมืองแซมบอร์ดเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง
ทหารองครักษ์าาและชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์ทหารชั่วคราวกำลังโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อะโให้เสียงของตัวเองส่งไปถึงสนามรบบนสะพานหินที่ดุเดือดนั่น
ไม่รู้ว่าเมื่อไร พวกคนแก่และสตรีที่หลบซ่อนอยู่ในเมืองด้วยความหวาดกลัวก่อนหน้านั้นต่างปีนขึ้นมาบนกำแพง ในมือพวกนางถืออาวุธป้องกันทุกชนิด ท่ามกลางเสียงโห่ร้องก็มองเห็นาาและคนสนิทของตัวเองกำลังบุกเข้าไปสังหารเหล่าข้าศึกอย่างดุเดือด ฉากนี้ได้ประทับลงไปในจิติญญาของพวกนาง บางทีเมื่อจุดจบของชีวิตเดินทางมาถึง พวกนางก็คงไม่อาจลืมฉากนี้ไปได้
สาวงามแองเจล่าและสาวน้อยผมทองเจ็มม่ายกมือปิดตาและแอบถ่างนิ้วออกเพื่อดูการต่อสู้บนสะพาน นั่นเหมือนกับคนกำลังลุ้นเวลาดูหนังสยองขวัญในโลกเก่า เมื่อเห็นจุดที่หวาดเสียวก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา มองดูซุนเฟยผู้กล้าหาญที่กำลังพลิกเหตุการณ์ร้ายๆ ให้กลายเป็ดีอีกครั้ง ทั้งสองคนกอดกันแล้วะโโห่ร้องไปด้วย ะโไปด้วย
แลมพาร์ด ยอดฝีมืออันดับหนึ่งเมืองแซมบอร์ดร่างกายตั้งตรง ยืนนิ่งเหมือนหอกอยู่ตรงหัวเมือง
แม้ว่าสีหน้าจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่หัวใจของเขาแทบจะทะลุออกมาข้างนอกด้วยความตื่นตะหนกอย่างยากจะควบคุมไว้ได้ ั้แ่ตอนที่อเล็กซานเดอร์ลงจากกำแพงเมืองแล้วเริ่มต่อสู้จนทำลายขบวนทัพโล่หอกัได้ ในฐานะที่เป็นักรบสามดาว แลมพาร์ดมีข้อมูลมากมายกว่าคนอื่นๆ มาก เห็นได้ชัดว่า ในร่างของอเล็กซานเดอร์มีพลังแข็งแกร่งที่แตกต่างกันถึงสามอย่าง พลังกายที่แข็งแกร่ง พลังเย็นะเืสีเงิน และพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนอัศวิน ข้อพิสูจน์เหล่านี้ที่แลมพาร์ดคาดเดาไว้ก่อนหน้าแต่ไม่กล้าเชื่อ คนที่มีพลังแตกต่างกันถึงสี่ประเภทและแสดงความสามารถต่อเนื่องกันในหอสังเกตการณ์ก็คือาาอเล็กซานเดอร์
“มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของอเล็กซานเดอร์กันแน่ แค่คืนเดียวนอกจากจะทำให้เขากลายเป็คนปกติแล้วยังมีพลังแข็งแกร่งเกินขอบเขตอีก? หรือเขาจะได้รับการสนับสนุนจากพระเ้าจริงๆ...”
แลมพาร์ดงุนงงมาก
แต่ในใจลึกๆ ของเขา แลมพาร์ดหวังว่าอเล็กซานเดอร์ตรงหน้าจะสามารถรักษาพลังมหัศจรรย์แบบนี้ได้ต่อไป ทันใดนั้น ในใจเขารู้สึกลึกล้ำ เงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าสีครามราวกับได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีขึ้นมาในใจ สหายเอ๋ย เ้าอยู่บนฟ้าก็คงจะเห็นบุตรชายของตัวเองแสดงความแข็งแกร่งและกล้าหาญใช่ไหม? บางทีสักวันหนึ่ง เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาก็อาจจะหาเฮเลนที่หายสาปสูญไปจนเจอก็ได้
------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้