“อีกเดี๋ยวฉันจะลองไปสืบข่าวที่ถนนเซิ่งลี่ดู แล้วก็จะจัดการสั่งสอนหมอนั่นให้เธอด้วย เธอเรียนหนังสืออย่างวางใจได้เลย” ซ่งมู่ไป๋ว่า
เซี่ยโม่ฟังแล้วก็อดเตือนด้วยความเป็ห่วงไม่ได้ “พี่ซ่ง อย่าให้เขารู้ว่าเป็พี่นะคะ แล้วก็อย่าสั่งสอนรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตนะคะ มันไม่คุ้มกัน”
“วางใจเถอะ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น หลังจากสืบข่าวค่อยเอาถุงกระสอบคลุมหัวหมอนั่นแล้วลากไปสั่งสอน” ชายหนุ่มรับคำเป็มั่นเป็เหมาะ
“ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะขี่จักรยานจากไป
เซี่ยโม่รู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน เื่ไหนที่เธอทำไม่ได้เขาก็คอยช่วย การมีผู้ชายคอยปกป้องให้ความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก
เซี่ยวฉางเซิงท้องเสียอยู่ หากถูกพี่ซ่งสั่งสอนอีก รับรองว่าสิบกว่าวันหลังจากนี้ต้องลุกไม่ขึ้นอย่างแน่นอน ยอดเยี่ยมไปเลย
หลังจากเธอกลับไปถึงห้องเรียน ออดเข้าเรียนยังไม่ดัง เธอเลยนั่งรอที่โต๊ะอย่างสงบเสงี่ยม ระหว่างนี้เธอได้ยินเพื่อนร่วมห้องหลายคนพูดคุยกันถึงเื่ที่เกิดขึ้นอย่างออกรสออกชาติ
“หลังจากคนแซ่เซี่ยวถูกจับได้ว่ากำลังเล่นชู้อยู่ในบ้าน ต่อมาคนทั้งบ้านก็เกิดท้องเสีย เขาว่าเป็ฝีมือของชู้คนนั้นที่มาแก้แค้น”
“ผิดแล้ว ฉันได้ยินมาว่าเป็สามีของผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่มาแก้แค้น”
“ไม่ใช่ ฉันได้ยินมาว่าชู้รักคนนั้นเป็หญิงสาวคนหนึ่ง คนแซ่เซี่ยวเป็ข้าราชการแต่กลับไปหลอกผู้หญิงคนนั้นมา พอเกิดเื่นี้ขึ้นพ่อแม่ของเธอทั้งเจ็บใจทั้งโกรธแค้นก็เลยมาวางยาเพื่อเอาคืน”
“…”
เซี่ยโม่ที่เงี่ยหูฟังอยู่ถึงกับตาโตด้วยความตกตะลึง ไม่กี่นาทีก่อนเธอพยายามคิดแทบตายว่าจะแต่งเื่อย่างไรดี ปรากฏว่ายังไม่ทันจะคิดได้ เื่นี้กลับถูกลือออกไปหลากหลายรูปแบบเสียแล้ว พลังของคำซุบซิบนินทานี่น่ากลัวอย่างยิ่ง
เื่ราวถูกลือออกมาหลากหลายแบบเช่นนี้ใครจะไปรู้ว่าอันไหนคือเื่จริง ขนาดเธอที่เป็คนลงมือเองยังงุนงงและสงสัยเลยว่า เื่ทั้งหมดนี้เป็ฝีมือเธอแน่หรือ
แต่พอมาคิดดูแล้ว คนยิ่งกระพือข่าวลือออกไปหลายรูปแบบมากเท่าไรก็ยิ่งดี จะได้ยากต่อการสาวมาถึงตัวเธอ และพี่ซ่งจะได้จับปลาในน้ำขุ่น[1]ได้
เมื่อออดเข้าเรียนดังขึ้น เธอก็ดึงสติกลับมาแล้วตั้งใจเรียน
ความจริงแล้วเื่ราวเป็แบบนี้ต่างหาก วันนั้นเซี่ยวฉางเซิงเลิกเรียนกลับมาที่บ้านเร็วกว่าปกติ จึงได้เห็นภาพบิดากำลังเริงร่าอยู่กับชู้บนเตียง
หลังจากนั้นไม่นานมารดาของเซี่ยวฉางเซิงก็กลับมา สองแม่ลูกเลยพร้อมใจกันอาละวาดจนเื่นี้กลายเป็เื่ใหญ่
ตกเย็นทั้งสามคนไม่มีแก่ใจจะกินข้าว กินลงแต่น้ำ ทำให้ตกหลุมกับดักที่เซี่ยโม่ขุดเอาไว้เข้าเต็มเปา
แม่ของเซี่ยวฉางเซิงสงสัยว่าเื่นี้เป็ฝีมือชู้รักของสามี ทั้งสามคนก็เลยทะเลาะกันอีกครั้ง
ต่อมาเื่นี้ก็ได้กลายเป็ข่าวใหญ่และกลายเป็หัวข้อสนทนาระหว่างกินข้าวของทุกครัวเรือน
ครั้นมาถึงถนนเซิ่งลี่ ซ่งมู่ไป๋ไม่ต้องสืบข่าวก็พบว่าทุกคนต่างพูดคุยกันถึงแต่เื่นี้
ทุกคนเล่ากันเป็ช่องเป็ฉาก ราวกับเห็นเหตุการณ์ด้วยตาตัวเองก็ไม่ปาน
แม้แต่ซ่งมู่ไป๋ก็ยังคิดว่าเื่นี้เป็ฝีมือชู้รักคนนั้นที่มาแก้แค้น คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าแท้จริงแล้วเป็ฝีมือของเซี่ยโม่
ตอนเย็นเขาจับเซี่ยวฉางเซิงคลุมถุงกระสอบ ก่อนจะลากไปสั่งสอนในกระท่อม
หลังจากเกิดเื่นี้ มารดาของเซี่ยวฉางเซิงนึกว่าชู้รักของสามีมาแก้แค้นโดยการจับลูกชายตัวเองไปซ้อม
มารดาของเซี่ยวฉางเซิงโกรธเป็ฟืนเป็ไฟจนอยากจะสับสามีให้เละเป็ชิ้นๆ
นับั้แ่นั้นมาสองสามีภรรยาก็ทะเลาะกันทุกวัน ความสัมพันธ์เริ่มห่างเหินขึ้นเรื่อยๆ จากครอบครัวที่อบอุ่นกลายเป็ครอบครัวแตกแยก
เซี่ยวฉางเซิงต้องนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลเป็เวลาหนึ่งเดือนกว่าร่างกายจะกลับมาแข็งแรงดังเดิม พอเห็นว่าใกล้จะเข้าฤดูหนาวจึงถือโอกาสนี้ขอลาหยุดไปด้วยเลย
แน่นอนว่าเื่นี้ค่อยมาพูดกันหลังจากนี้
นับั้แ่วันนั้นเซี่ยโม่ก็ไม่ต้องแต่งหน้าเพื่อปลอมตัวอีก ทั้งระหว่างทางยังไม่เจอว่าเซี่ยวฉางเซิงมาดักรออีกด้วย เธอใช้ชีวิตอย่างสงบราบรื่นและมีความสุขยิ่ง
แต่ที่น่าแปลกคือเธอไม่ได้เห็นหน้าพี่ซ่งมาหลายวันแล้วเช่นกัน
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็ห่วง หรือว่าเื่ที่พี่ซ่งจับเซี่ยวฉางเซิงคลุมถุงกระสอบไปสั่งสอนจะถูกจับได้แล้ว
เซี่ยโม่ไม่กล้าไปถามพี่พั่งจื่อกับพี่โซ่วจื่อเพราะกลัวจะคิดมาก แต่การที่ไม่ได้ข่าวพี่ซ่งมาหลายวันทำให้เธอเริ่มนั่งไม่ติด
ต่อมาก็นึกขึ้นได้ว่าพี่ซ่งเคยให้เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ รอจนถึง่พักระหว่างคาบยี่สิบนาที เธอรีบวิ่งไปที่ทำการไปรษณีย์และโทรคมนาคม ก่อนจะต่อสายหาเบอร์ที่พี่ซ่งเคยให้ไว้แต่ยังไม่เคยได้โทรไปสักครั้ง
ระหว่างรอสายก็คิดไปด้วยว่าหากมีคนรับสายเธอจะพูดว่าอะไรดี
ในที่สุดก็มีคนรับสาย เธอจึงรีบเอ่ยถามออกไป “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าซ่งมู่ไป๋อยู่ไหมคะ ฉันอยากขอสายเขาหน่อยค่ะ”
เสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังมาตามสาย “ไม่ทราบว่าคุณเป็อะไรกับเขาครับ”
เซี่ยโม่นึกถึงตอนที่พี่ซ่งมาหาเธอแล้วแจ้งกับคนที่โรงเรียนว่าคือพี่ชาย ดังนั้นเธอจึงตอบออกไปในรูปแบบเดียวกัน “ฉันเป็น้องสาวของเขาค่ะ”
ผู้ชายปลายสายเย้ากลับมา “ไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่าเขามีน้องสาวด้วย บอกความจริงมาดีกว่าว่าคุณเป็ใคร แล้วผมถึงจะให้คุณคุยกับเขา”
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีนิสัยแบบนี้นะ อะไรจะถามซอกแซกขนาดนั้น ยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก
“คุณจะเรียกเขามาคุยหรือไม่เรียกคะ” เซี่ยโม่ปรับเสียงให้แข็งขึ้น
“งั้นน้องสาวรอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวไปเรียกมาให้” พูดจบเธอก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายะโเรียกพี่ซ่งเสียงดัง
“ซ่งมู่ไป๋ น้องสาวนายโทรมา”
อีกฝ่ายเน้นตรงคำว่าน้องสาวเป็พิเศษ
เธอได้แต่พึมพำในใจ ไม่รู้ว่าหลังจากพี่ซ่งวางสายจะถูกเพื่อนร่วมงานสอบสวนถึงเื่นี้หรือไม่
ขณะที่เธอกำลังคิดนู่นคิดนี่อยู่นั้น น้ำเสียงอ่อนโยนอันคุ้นเคยก็ดังมาตามสาย “ใครครับ”
“พี่ซ่ง ฉันเองค่ะ”
ซ่งมู่ไป๋จำเสียงได้ในทันที ก่อนจะกรอกเสียงกลับมาอย่างตื่นเต้นดีใจ “โม่โม่ มีอะไรเหรอ มีธุระงั้นเหรอ”
พอได้ยินเสียงพี่ซ่ง เธอรู้สึกโล่งอกมาก
“พี่ซ่ง ฉันนึกว่าพี่เป็อะไรไปซะอีก เห็นไม่ติดต่อมาหาฉันหลายวันแล้ว ฉันก็เลยกลัวว่า…”
ซ่งมู่ไป๋ฟังแล้วก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
เด็กสาวกำลังเป็ห่วงเขา
เดิมทีนึกว่าเด็กสาวยังเด็ก น่าจะต้องรออีกหลายปีกว่าอีกฝ่ายจะรู้ถึงความในใจของเขา
แต่ที่แท้เด็กสาวก็รับรู้แล้วนี่เอง “ฉันสบายดี เื่นั้นฉันก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ภายในหนึ่งเดือนนี้เธอจะไม่ได้เห็นหน้าหมอนั่นแน่นอน”
เขามั่นใจว่า คนฉลาดอย่างเด็กสาวต้องฟังเข้าใจแน่นอน
แล้วก็เป็จริงอย่างที่เขาคิด น้ำเสียงที่ตอบกลับมาฟังดูโล่งใจเหมือนได้ยกก้อนหินหนักๆ ออกจากอก “พี่ซ่ง ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ งั้นพี่ไปทำงานต่อเถอะค่ะ”
เมื่อเห็นเซี่ยโม่วางสาย พนักงานรีบแจ้งราคาค่าบริการทันที “7.8 หยวน”
เซี่ยโม่ชะงักไปครู่ใหญ่ แพงจัง!
โชคดีที่เธอมีเงินเก็บเอาไว้ในโกดังสินค้า หลังจากนี้อย่าโทรศัพท์บ่อยจะดีกว่า
เป็เพราะชายหนุ่มที่มีนิสัยชอบซุบซิบที่เป็คนรับโทรศัพท์นั่นแหละ เอาแต่ลีลาไม่ยอมเรียกพี่ซ่งให้มารับสายเสียที ค่าโทรก็เลยแพงแบบนี้
เธอขายเนื้อกวางไปตั้งหลายจินกว่าจะได้เงินมายี่สิบหยวน นี่โทรศัพท์แค่ไม่กี่นาทีเงินที่ได้มาก็หายไปตั้งเกือบครึ่ง
ช่างเถอะ ได้รู้ว่าพี่ซ่งยังปลอดภัย เสียตังค์เยอะหน่อยก็ไม่เป็ไร
วันต่อมาใน่พักระหว่างคาบตอนเช้า เสียงประกาศตามสายก็ดังขึ้น
“นักเรียนเซี่ยโม่ชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งห้องหนึ่ง กรุณามาพบพี่ชายที่หน้าโรงเรียนด้วย”
ทุกคนในห้องส่งเสียงพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่ “ดูพี่ชายของเซี่ยโม่สิ เป็ห่วงน้องสาวเหลือเกิน มาหาแทบจะวันเว้นวันเลย”
“เป็พี่น้องที่สนิทรักใคร่กันดีจัง”
“น่าอิจฉาจังเลย ถ้าพี่ชายฉันดีกับฉันแบบนี้บ้างก็คงจะดี”
เซี่ยโม่ในเวลานี้กำลังวิ่งไปที่หน้าประตูโรงเรียนอย่างยินดี
พอไปถึง เธอเห็นพี่ซ่งผู้มีหน้าตาหล่อเหลา ตัวสูงโปร่ง สวมเสื้อคลุมสีเนื้อจูงจักรยานยืนรอเธออยู่ที่หน้าโรงเรียน
“พี่ซ่ง วันนี้หยุดงานเหรอคะ”
“ใช่ ดูสิว่าฉันเอาอะไรมาด้วย”
เธอมองชายหนุ่มหยิบผลผิงกั่ว[2]ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ผิวแดงเกลี้ยงเกลาจำนวนสี่ห้าลูกออกมา
เซี่ยโม่รับมาถือไว้ แม้ผิงกั่วพวกนี้จะสวยสู้ที่เก็บอยู่ในโกดังสินค้าของเธอไม่ได้ แต่พอคิดว่ายุคนี้ผลไม้เป็ของที่หาได้ยากแค่ไหน พี่ซ่งคงเปลืองแรงไปไม่น้อยกว่าจะได้ผิงกั่วพวกนี้มา
ผิงกั่วเหล่านี้คือน้ำใจจากพี่ซ่ง
เธอกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากค่ะ เมื่อวานหลังจากวางสายคนที่ทำงานพี่คงสงสัยกันใหญ่ว่าฉันคือใครใช่ไหมคะ”
“พวกนั้นชอบเื่ซุบซิบเป็ที่สุด ถามฉันใหญ่ว่าเธอคือใคร จนฉันต้องยอมรับว่าเธอคือคนรักของฉัน พวกนั้นถึงได้เลิกตื๊อฉัน”
---------------------------------
[1] จับปลาในน้ำขุ่น หมายถึง ฉวยโอกาสใน่ที่ชุลมุน
[2] ผิงกั่ว คือ แอปเปิล
