เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
เห็นอีกฝ่ายยังสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ถึงรั้งสายตากลับ แล้วหมุนตัวกลับเข้าห้อง
หลี่ไหวฺอวี้ลอบถอนหายใจยาว แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เขาเป็ถึง... จะกลัวอะไรกับสาวน้อยบ้านนอกคนหนึ่ง
แม้จะคิดเช่นนี้ แต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา
“พี่ไหวฺอวี้ น้ำขอรับ”
“ไม่ดื่มแล้วล่ะ ไปเถอะ เข้าบ้านกินข้าว!”
เขาโอบบ่าิเป่าอวี้อย่างสนิทสนม ร่างเล็กภายใต้ฝ่ามือของชายหนุ่มผ่ายผอมและอ่อนแอยิ่ง เดินตามหลังิเป่าจูเข้าไปในห้อง
เช้าวันรุ่งขึ้น ิเป่าจูก็ไปหลังเขาอีกครั้ง
นางวางแผนไว้ว่าสองวันนี้จะเน้นเก็บสมุนไพรเป็หลัก อันที่จริงนางยังไม่ถอดใจกับผลลัพธ์ที่ว่าต้นเกล็ดัมีเพียงต้นเดียว ครั้งนี้นางจะตั้งใจค้นหาอย่างละเอียดดูอีกที
แต่วันนี้สถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ ทำให้นางไม่มีโอกาสไปถึงยอดเขา
ก่อนหน้าที่จะเดินไปตามทางแคบขึ้นเขา ิเป่าจูตั้งใจสังเกตใต้ฝ่าเท้าอย่างดี เส้นทางขรุขระและสูงชัน หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็อาจลื่นหกล้มได้ และฉวยโอกาสสังเกตดูตามทางว่าพอจะมีสมุนไพรอะไรที่ขายได้ราคาคลาดสายตาไปบ้าง
ทันใดนั้นก็มีเสียงะโขอความช่วยเหลืออยู่เหนือศีรษะไปไม่ไกล ตามมาด้วยเสียงร้องครวญคราง
“ช่วยด้วย มีใครอยู่หรือไม่ ช่วยข้าที”
เป็เสียงของสตรี
แม้ว่าจะะโร้อง แต่เสียงไร้กำลังวังชาอย่างเห็นได้ชัด ขาดเป็ห้วงๆ เหมือนกำลังจะขาดใจ
เื่เกี่ยวพันถึงชีวิตคน ชาติก่อนแม้ิเป่าจูจะล้มป่วยก็ยังต้องออกมาทำหน้าที่แพทย์
นางวิ่งออกไปโดยไม่สนใจเื่ถนนหนทาง
พบสตรีนางหนึ่งล้มอยู่บนพื้นหญ้า ดูจากท่าทางอายุประมาณสี่สิบปี
“ท่านป้า ท่านเป็อย่างไรบ้าง” ิเป่าจูวิ่งเข้าไปหมายจะช่วยประคองคนขึ้นมา
“โอย ไม่ได้ ไม่ได้ ข้าขยับไม่ไหว”
ทันทีที่ัักับคนผู้นั้น มือยังไม่ทันออกแรง นางก็ร้องะโออกมา ิเป่าจูใจนรีบปล่อยมือ แล้วมองสำรวจด้านล่างตามสายตาของท่านป้าผู้นั้น ส่วนอื่นไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ ยกเว้นที่ข้อเท้าดูเหมือนจะผิดปรกติอยู่บ้าง
เมื่อดึงขึ้นมาดู ข้อเท้าซ้ายกลายเป็สีคล้ำเริ่มจะดำแล้ว กำลังลามไปถึงปลีน่อง และมีแนวโน้มว่าจะลุกลามขึ้นมาเรื่อยๆ
“ท่านป้า เกิดอะไรขึ้นกับท่านหรือเ้าคะ”
น่าจะต้องพิษไม่ผิดแน่ แต่ทำไมไม่มีาแเลยเล่า
“ข้าตั้งใจจะขุดผักป่า ไม่ทันระวังเหยียบถูกงูตัวหนึ่งเข้า มันเลยแว้งกลับมากัดข้า” ผ่านไปสักพัก สีหน้าของนางก็ขาวซีดกว่าเดิม ริมฝีปากเริ่มจะเป็สีม่วง
พอนางเอ่ยปาก ิเป่าจูถึงสังเกตเห็นรูเล็กๆ สองรูที่ข้อเท้าของนาง ยังมีเืสองหยดไหลออกมา
เพราะรอบด้านบรรยากาศอึมครึม หากไม่เข้าไปสังเกตอย่างละเอียดใกล้ๆ ก็จะมองไม่เห็น
“แม่หนู เ้าช่วยป้าด้วย กลับไปที่หมู่บ้านเชิญท่านหมอหลี่มาที ป้าขอขอบคุณเ้าล่วงหน้า”
ตนเองถูกงูกัดมาชั่วขณะหนึ่งแล้ว ร้องเรียกอยู่นานก็ไม่มีใครมาเสียที
ขณะที่คิดว่าตนเองคงต้องตายอยู่ที่นี่เป็แน่แล้ว ในที่สุดก็มีคนมา แต่ก็เป็เพียงเด็กที่โตหน่อยเท่านั้น จึงได้แต่ให้นางไปตามท่านหมอมา
“ท่านอย่าร้อนใจไปเลย ข้าช่วยท่านได้”
ในหมู่บ้านมีหมออยู่ท่านหนึ่ง อาศัยอยู่สุดทางตะวันออกของหมู่บ้าน ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับหลังเขาโดยสิ้นเชิง เดินทางไปกลับก็เกือบหนึ่งชั่วยาม [1] แล้ว
ดูจากอาการาเ็ของท่านป้าผู้นี้ ไม่อาจรอได้อีกแล้ว จะตามคนมาทันได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นท่านหมอหลี่คนดังกล่าวก็เป็เพียงหมอประจำหมู่บ้าน เคยเข้าไปฝึกงานในเมืองเพียงสองปี รู้จักแค่ตำรับยารักษาไข้หวัดจากไอเย็น ไม่มีความสามารถแท้จริงอะไร
มาก็ไม่มีประโยชน์
ท่านป้าผู้นี้แม้จะเป็คนหมู่บ้านเดียวกันกับนาง แต่ดูเหมือนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ทว่าิเป่าจูไม่อาจนิ่งดูดายเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วยเหลือ จึงต้องลงมือเอง
“เ้า? เด็กน้อยอย่ามัวล้อเล่นกับป้าเลย รีบไปตามคนมาเร็วเข้า หากเ้ากลัวว่าไกล ลงเขาไปเรียกใครมาสักคนก็ได้ ถือว่าป้าขอร้อง”
ท่านป้าผู้นั้นเห็นิเป่าจูเป็เพียงเด็กคนหนึ่ง นึกว่านางรังเกียจรังงอนที่หนทางไกลเกินไป เลยไม่อยากจะช่วยไปตามคน จึงถอยหลังหนึ่งก้าว ไหว้วานให้นางไปตามผู้ใหญ่สักคนมาช่วย อย่างไรเสียก็ดีกว่าเด็กหญิงตัวน้อยที่ไม่รู้ความอะไรเลย
ความปรารถนาจะมีชีวิตรอดทำให้ท่านป้าผู้นี้ร้องไห้น้ำมูกไหล พลางอ้อนวอนขอให้ิเป่าจูไปตามคนมา
เมื่อเผชิญหน้ากับความคลางแคลงสงสัยและไม่ไว้วางใจ ิเป่าจูก็สงบลงมาก แต่ยังคงเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น
“ท่านไม่ต้องกังวล ข้ามั่นใจอยู่ ท่านต้องเชื่อมั่นในตัวข้า ด้วยสถานการณ์ของท่าน หากยังไม่จัดการอีกจะไม่ทันแล้ว”
ใครใช้ให้ร่างกายนี้เป็เด็กกันเล่า
อายุน้อยไม่ว่า ทว่าเมื่อบอกว่านางเป็สตรี ก็ยิ่งถูกคนดูแคลนอยู่สองส่วน
ขาซ้ายของคนเจ็บสูญเสียการรับรู้ไปแล้วโดยสิ้นเชิง ร่างกายท่อนบนก็เริ่มไม่มีแรง นอนพังพาบอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งคู่โรยแรง มองิเป่าจูอย่างอ้อนวอน แต่ก็รู้ว่าสถานการณ์ของตนเองตอนนี้ไม่ดีแล้ว กลัวว่าถ้ารอตามคนมา ก็อาจตายอยู่ที่นี่แล้ว
เมื่อเห็นิเป่าจูยืนกรานหนักแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความจริงใจ ก็กัดฟันทุบหม้อข้าวให้ละเอียด [2] รักษาม้าตายดุจม้าเป็
เมื่อได้รับการอนุญาต ิเป่าจูก็ไม่พูดอะไรอีก ก้มหน้าลง ท่าทีเปลี่ยนเป็จริงจัง
นางไม่มีมีดเล็กติดตัว จึงหยิบเคียวออกมาจากกระบุงด้านหลัง มือกุมด้ามจับควบคุมองศา แล้วกรีดไปที่าแไขว้กันสองรอยเป็รูปอักษรตัวสือ (十)
โลหิตดำทะลักออกมา ิเป่าจูใช้แรงมือบีบไล่ั้แ่ต้นขาลงมาให้โลหิตพิษไหลออกไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านรอสักครู่”
ิเป่าจูลุกขึ้นเดินไปที่ใกล้ๆ สตรีผู้นั้นกลัวว่านางจะไป จึงใช้พลังเฮือกสุดท้ายเบนศีรษะหันไปมอง ก็พบว่านางดูเหมือนกำลังหาของบางอย่าง เห็นนางก้มเด็ดใบไม้มาสองสามใบก่อนเดินกลับมา หลังจากแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะทิ้งตนเองไปถึงรั้งสายตากลับมา
“นี่สามารถแก้พิษได้ ให้ท่านเคี้ยวจนกระทั่งออกน้ำค่อยคายกากออกมา” นางยัดใบไม้หนึ่งกำมือเข้าไปในปากของสตรีผู้นั้นพลางกำชับ แล้วค่อยนวดขับเืพิษต่อ
แม้ไม่รู้ว่าถูกงูอะไรกัด แต่เคราะห์ดีที่ไม่ใช่หงอนกระเรียนแดง
นางจำได้ เถ้าแก่หวังบอกว่าพิษงูหงอนกระเรียนแดงจะออกฤทธิ์ทันที ไม่มีทางที่คนจะมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้
ท่านป้าน่าจะถูกงูพิษธรรมดาทั่วไปกัดาเ็ ดังนั้นแม้าแจะดูสาหัส แต่ก็เพราะทิ้งไว้นานเกินไป
พืชที่นางไปเด็ดมาเมื่อครู่คือฉงโหลว [3] มีสรรพคุณช่วยแก้พิษงูได้อย่างมีประสิทธิภาพ รสชาติขมมาก นางไม่เคยกิน แต่ดูจากเครื่องเคราใบหน้าเหยเกของท่านป้าก็พอจะจินตนาการได้
โลหิตเริ่มไหลช้าลง ิเป่าจูใช้เคียวกรีดไขว้เป็ตัวอักษรสือ (十) เหมือนเดิมอีกครา แต่แค่เปิดาแให้กว้างขึ้นอีกเล็กน้อย แล้วทำอย่างเมื่อครู่ซ้ำอีกรอบ จนกระทั่งมือหมดแรงแล้ว โลหิตพิษถึงเริ่มเปลี่ยนเป็สีแดง
ใช้ได้แล้ว
นางไม่มีสายรัดห้ามเื จึงฉีกผ้าจากเสื้อออกมาแถบหนึ่ง นำมารัดบริเวณต้นขาของท่านป้าผู้นั้นเพื่อห้ามเืได้พอดิบพอดี
ใบฉงโหลวที่เหลือสองสามใบ นางเอาใส่ปากอย่างรวดเร็ว ลองเคี้ยวเองดู ในที่สุดก็รู้ว่ารสชาติของมันเป็อย่างไร
ขมจนถึงขั้นขนลุกขนพอง แทบจะขย้อนออกมาอยู่สองสามครั้ง
ิเป่าจูฝืนเคี้ยวจนละเอียดแล้วคายออกมาใส่มือ ก่อนโปะลงไปตรงาแที่กรีด แล้วฉีกผ้าออกมาอีกผืนใหญ่ นำมาพันทับทั้งาแและสมุนไพรเข้าด้วยกัน
เืพิษถูกขจัดออกไปแล้ว
สติสัมปชัญญะของหญิงสูงวัยแจ่มชัดมากขึ้น จึงเห็นสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่งของิเป่าจู
เดิมทีเสื้อของนางก็ทั้งเก่าและขาดอยู่เป็ทุนเดิม หลังจากฉีกออกมาสองชิ้น ก็กลายเป็เสื้อแขนยาวข้างสั้นข้าง ส่วนเอวก็ยิ่งสั้นเต่อขึ้นมาอีกชั้น
เด็กคนนี้ไม่รู้จักนางด้วยซ้ำ แต่ตนเองรู้ว่านางเป็ใคร
ั้แ่บิดามารดาของนางตายไป ิเถี่ยจู้ก็เข้าไปทั้งเรือนทั้งที่นาทั้งหมด เพื่อที่จะรักษาชื่อเสียงที่ดีไว้บ้าง ถึงจัดงานศพมีอาหารเลี้ยงอยู่หลายโต๊ะ ทว่ากับข้าวก็จัดแต่ของราคาถูกมาทั้งนั้น
ชาวบ้านได้ประโยชน์ จึงไปกันแทบจะทุกคนในหมู่บ้าน ตอนนั้นนางก็ไป แต่ไม่ได้กินเลี้ยง เพียงแค่ไปเคารพศพเท่านั้น
ยามนั้นิเป่าจูยังเด็กกว่านี้ ยังไม่เข้าใจความหมายของความตาย
นางกอดน้องชายยืนอยู่มุมหนึ่ง มองกลุ่มคนมากมายทั้งในเรือนและนอกเรือนด้วยความขลาดกลัว ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มาทำอะไรที่บ้านของตนเอง
อ้อ หัวหน้าหมู่บ้านยังบอกกับนางว่านี่จะไม่ใช่เรือนของนางอีกต่อไป แต่เป็ของครอบครัวลุงใหญ่ของนาง
เชิงอรรถ
[1] ชั่วยามเป็หน่วยเวลาของจีนโบราณ 1 ชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง
[2] มาจากสำนวนทุบหม้อข้าวจมเรือ หมายถึง ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะทำให้ถึงที่สุดโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด พร้อมเสียสละทุกอย่างเพื่อชัยชนะ
[3] ฉงโหลว เป็สมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง มีรสขม เย็นเล็กน้อย มีพิษเล็กน้อย เข้าสู่เส้นลมปราณตับขจัดพิษร้อน ขับพิษ ลดอาการบวมและระงับปวด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้