วิชานิพพานแห่งชีวิต!
นี่คือวิชาที่ไก้อู๋ซวงใช้รักษาชีวิตของตัวเอง
คนที่กำเนิดมาจากธรรมชาติเช่นนางมีข้อได้เปรียบมากเกินไปซึ่งนี่ก็เป็เหตุผลว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงอิจฉานาง
“ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะลากเ้าไปด้วย!”
“กลัวเสียสิ หากเ้าตายแล้ว ข้าก็จะยังมีชีวิตอยู่”
ใบหน้าที่เคยสวยงามของไก้อู๋ซวงเต็มไปด้วยสีหน้าของความอาฆาตแค้น นอกจากนี้นางยังมีเืไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นางดูไม่ได้งดงามอีกต่อไปแล้ว
ทันทีที่วิชานิพพานแห่งชีวิตปรากฏขึ้น หลัวเลี่ยก็รู้สึกราวกับว่าร่างของเขาโดนตรึงเอาไว้ด้วยพลังลึกลับ และพลังแห่งชีวิตรวมทั้งจิติญญาของเขาก็หลั่งไหลออกจากร่างของเขาแล้วตรงเข้าไปที่ไก้อู๋ซวงราวกับถูกดึงดูด
“เวท?”
เมื่อเผชิญกับวิกฤตเช่นนี้ หลัวลี่ไม่เพียงจะไม่ตื่นตระหนก แต่เขายังถามออกมาด้วยท่าทีที่นิ่งสงบผิดปกติ
ท่าทีนิ่งสงบที่ผิดปกติไม่ได้ทำให้ไก้อู๋ซวงหวั่นไหว เพราะนางมั่นใจในวิชาลับที่นางใช้มาก “ใช่แล้ว เวท เวทที่แม้แต่นักเวทยังไม่เคยพบและไม่เคยได้ยินมาก่อน เ้าคงนึกไม่ถึงล่ะสิว่าข้าที่เป็ผู้ฝึกวรยุทธ์แท้ๆ แต่กลับสามารถร่ายเวทปกป้องชีวิตเอาไว้ได้ และชีวิตของเ้าก็อยู่ในกำมือของข้าแล้ว”
ความน่ากลัวของเวทนี้คือมันลึกลับมากจนทำให้คนอื่นๆ ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย
และสำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์แล้วก็ยิ่งจะมองไม่เห็นจุดอ่อนของวิชาเวทนี้
“เป็วิชาเวทที่ไม่เลวเลย” หลัวเลี่ยยิ้มมุมปาก “ไม่เลวเลยจริงๆ”
“เ้าเป็บ้าไปแล้วหรือ หากเ้าทำลายวิชานี้ไม่ได้ก็อยู่รอความตายไปเถอะ” ไก้อู๋ซวงท้าทาย นางไม่คิดว่าหลัวเลี่ยจะสามารถหลุดออกมาจากการควบคุมนี้ได้ และต่อให้เขาจะทำได้ก็คงจะไม่สามารถหลุดออกมาได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
“ดูให้ดีล่ะ ข้าจะทำลายมันให้เ้าดู”
หลัวเลี่ยกดมือซ้ายของเขาลง จากนั้นกระบี่ตรงเอวของเขาก็พุ่งขึ้นมายังมือซ้ายที่รอรับอยู่
มือซ้ายแห่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์!
มือซ้ายของเขาสามารถลบล้างเวททุกอย่างของนักเวทได้
หากกล่าวว่าวิชานิพพานแห่งชีวิตเกิดขึ้นมาพร้อมไก้อู๋ซวง เช่นนั้นมือซ้ายแห่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดขึ้นมาพร้อมกับหลัวเลี่ย เพราะมันติดตัวเขาั้แ่เขาข้ามมิติมาที่นี่แล้ว
หลัวเลี่ยไม่จำเป็ต้องออกแรงมาก เขาแค่ใช้มือซ้ายของตัวเองค่อยๆ จับไก้อู๋ซวงเอาไว้
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากปากของไก้อู๋ซวงในทันที
เปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาที่สั่นระริกของไก้อู๋ซวงแตกเป็เสี่ยงๆ ทันที จากนั้นก็ตามมาด้วยความเ็ปอย่างรุนแรงภายในดวงตาทั้งสองข้าง ความเ็ปนี้เสียดแทงไปถึงไขกระดูก รวมทั้งยังมีเืไหลออกมาจากตาของนาง ไก้อู๋ซวงถึงกับเอามือปิดตาและคร่ำครวญออกมาอย่างไม่รู้จบ
เมื่อวิชาเวทของไก้อู๋ซวงถูกทำลายลงแล้ว พลังแห่งชีวิตและจิติญญาของหลัวเลี่ยที่สูญเสียไปให้นางก็กลับคืนมายังหลัวเลี่ยทันที รวมทั้งพลังที่ตรึงร่างของเขาไว้ในตอนแรกก็หายไปอย่างเงียบๆ ด้วยเช่นกัน เขาใช้โอกาสนี้ยกกระบี่เยวี่ยเจินขึ้นมาแล้วแทงไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของไก้อู๋ซวงเพื่อสังหารนางทันที
ตอนนี้เป็เวลาที่ความเ็ปของข่งเยวี่ยเจินจะต้องได้รับการชำระล้างแล้ว
วิชานิพพานแห่งชีวิตจะไม่ใช่วิชาธรรมดา มันไม่ใช่วิชาที่จะสามารถใช้ได้ตามใจชอบ และราคาที่จะต้องจ่ายเมื่อใช้วิชานี้นั้นสูงมาก และเมื่อรวมเข้ากับที่ถูกหลัวเลี่ยทำลายลงอีก คนที่ร่ายจะต้องได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงแน่นอน
ดังนั้นไก้อู๋ซวงจึงหมดแรงต่อต้านแล้ว
นางทำได้เพียงรอรับความตายจากหลัวเลี่ยเท่านั้น
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมา
ไก้อู๋ซวงเอ๋ย วันนี้ท่านบรรพชนอู๋อวิ๋นเซียนได้สนับสนุนเ้าอย่างเต็มที่ เ้าเป็ถึงหญิงสาวที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากธรรมชาติ เ้าไม่เพียงจะงดงามอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ พลังของเ้ายังแข็งแกร่งจนน่าใ หากเ้าไม่ด่วนจากไปเช่นนี้ เ้าก็คงจะต้องได้เป็บรรพชนในอนาคตแน่ๆ
เพราะั้แ่โบราณมาจนถึงทุกวันนี้มีบรรพชนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นไก้อู๋ซวงยังมีศักยภาพที่จะกลายเป็เทพได้
ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นแล้วว่าแม้ไก้อู๋ซวงจะได้รับการสนับสนุนจากอูอวิ๋นเซียนแต่ก็ยังถูกหลัวเลี่ยสังหารด้วยวิธีที่ใสสะอาดได้ ช่างเป็เื่ที่น่าอายยิ่ง
ในทำนองเดียวกันสถานะของหลัวเลี่ยในใจของพวกเขาก็สำคัญขึ้นมาก
เด็กคนนี้มีศักยภาพพอที่จะเป็บรรพชนหรืออาจจะสูงส่งถึงระดับเทพเลยก็เป็ได้
เด็กที่มีพลังมากมายเช่นนี้ ใครจะไม่กลัวได้เล่า
“หลัวเลี่ยบ้าไปแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าไก้อู๋ซวงกำลังจะถูกฆ่า ก็มีเสียงราวกับเสียงะเิดังขึ้น และมีคนๆ หนึ่งยิงมาที่หลัวเลี่ย
คนที่ยิงคือเกาอวิ๋นเหลิ่ง
เยาวชนที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักอูอวิ๋นเซียน!
ชื่อเสียงของเกาอวิ๋นเหลิงนั้นโด่งดังในหมู่เยาวชน เพราะเมื่อเขาลงมือแล้วก็ยากจะคาดเดาทิศทางได้ แต่นี่เป็เื่ระหว่างไก้อู๋ซวงและหลัวเลี่ย รวมทั้งอูอวิ๋นเซียนก็ได้ประกาศแล้วว่าไม่ให้คนนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเื่นี้ ดังนั้นการที่เกาอวิ๋นเหลิ่งลงมือก็ถือว่าเป็การขัดคำสั่งของอูอวิ๋นเซียนและจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน
ถึงกระนั้นเกาอวิ๋นเหลิ่งก็ยังคงเลือกที่จะลงมือ
เพียงเพราะเขาถูกหลัวเลี่ยยั่วยุและทำให้อับอายหลายครั้งก่อนหน้านี้ เขาจึง้าแก้แค้น
ฟิ้ว!
ในมือของเกาอวิ๋นเหลิ่งมีดาบเล่มหนึ่งมันเปล่งประกายแสงเจิดจ้าและพุ่งเข้ามาหาหลัวเลี่ยจากทางด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว
ดาบที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้หลัวเลี่ยต้องปล่อยไก้อู๋ซวงไป
“เ้าช่วยนางไม่ไหวหรอก”
ท่ามกลางเสียงเยือกเย็นของหลัวเลี่ย ปีก์เลี่ยหยางที่ขาดอยู่ด้านหลังของเขาจู่ๆ ก็แยกตัวออกมาแล้วกลายเป็ดาบสองเล่มเข้าไปปะทะกับเกาอวิ๋นเหลิ่งอย่างดุเดือด
บูม!
เกาอวิ๋นเหลิ่งโจมตีปีก์เลี่ยหยางด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนทำให้ปีก์เลี่ยหยางแตกสลายไป
นี่ไม่ได้หมายความว่าเกาอวิ๋นเหลิ่งแข็งแกร่ง แต่การต่อสู้อย่างต่อเนื่องของหลัวเลี่ยทำให้พลังของเขาโดนเผาผลาญไปมาก ประกอบกับหลัวเลี่ยยังแบ่งพลังส่วนหนึ่งไปควบคุมไม่ให้ไก้อู๋ซวงลุกขึ้นมาตอบโต้ได้อีก จึงทำให้ปีก์เลี่ยหยางได้รับพลังไปอย่างไม่เต็มที่จนทำให้มันสลายไปได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าพลังที่หลัวเลี่ยใช้ในตอนนี้ด้อยกว่าพลังทั้งหมดของเขามาก
ด้วยเหตุนี้เกาอวิ๋นเหลิ่งจึงสามารถทำลายปีก์เลี่ยหยางได้
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ ความเร็วของหลัวเลี่ยก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นกระบี่เยวี่ยเจินก็สังหารไก้อู๋ซวงอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า
ไก้อู๋ซวงที่กำลังร้องโหยหวนด้วยความเ็ป จู่ๆ ก็หยุดร้อง นางเงยหน้าขึ้นและลืมตาที่เต็มไปด้วยเืขึ้นมา นางอยากจะตอบโต้เป็ครั้งสุดท้ายโดยอาศัยการโจมตีของเกาอวิ๋นเหลิ่งและเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน
แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินในระดับโลหะเหมือนกันแต่การเรียกใช้อย่างกระทันหันก็ยังมีความได้เปรียบมากกว่า
แต่ในขณะที่ไก้อู๋ซวงกำลังจะตอบโต้กลับ ความเร็วของหลัวเลี่ยก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ฟิ้ว!
กระบี่เยวี่ยเจินเจาะเข้าไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้วของไก้อู๋ซวงอย่างไร้ความปราณี ปลายกระบี่แทงทะลุอออกมาถึงด้านหลังศีรษะของนาง
ในขณะที่กระบี่แทงผ่านระหว่างคิ้วของไก้อู๋ซวง การโจมตีของเกาอวิ๋นเหลิ่งก็มาถึงตัวของหลัวเลี่ยและหลัวเลี่ยก็รับการโจมตีของเกาอวิ๋นเหลิ่งไว้ด้วยมือซ้ายของเขา
บูม!
หมัดของเขาทำให้ดาบของเกาอวิ๋นเหลิ่งสั่นไหว
เกาอวิ๋นเหลิ่งคำรามออกมา เขาตกตะลึงที่หลัวเลี่ยรับดาบของเขาเอาไว้ได้ เขาจึงเบี่ยงทิศของดาบเล็กน้อยทำให้มันแทงเข้าที่ไหล่ซ้ายของหลัวเลี่ยจนทะลุเข้าไปถึงด้านหลังของเขาอย่างรุนแรง
หมายความว่าดาบของเกาอวิ๋นเหลิ่งเป็อาวุธวิเศษและเมื่อรวมเข้ากับพลังของเกาอวิ๋นเหลิ่งแล้ว มันก็ทำให้ร่างกายที่อ่อนแอในตอนนี้ของหลัวเลี่ยได้รับาเ็ได้ มิฉะนั้นหากไม่ใช่อาวุธวิเศษและคนที่มีพลังแข็งแกร่งย่อมไม่สามารถทำอันตรายหลัวเลี่ยได้แน่
พวกเขาทั้งสามคนค่อยๆ ร่วงลงมายังแท่นเหยียนซินช้าๆ
กระบี่เยวี่ยเจินของหลัวเลี่ยแทงทะลุศีรษะของไก้อู๋ซวง
ส่วนดาบของอูอวิ๋นเซียนก็แทงทะลุไหล่ซ้ายของหลัวเลี่ย
เมื่อเกาอวิ๋นเหลิ่งเห็นว่าไก้อู๋ซวงไร้การตอบสนองไปแล้ว เขาก็หลับตาลงด้วยความเ็ป
“ทำไม เป็เพราะข่งเยวี่ยเจินคนเดียว มันคุ้มแล้วหรือ”
ไก้อู๋ซวงที่เกิดใหม่จากนิพพานเป็ตาย แน่นอนว่าพลังของนางต้องน่ากลัวมาก ตอนนี้หากเป็คนอื่นย่อมต้องตายไปแล้ว แต่นางกลับยังสามารถหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่ได้ แสดงให้เห็นว่านางไม่ธรรมดาเลย
“คุ้ม” หลัวเลี่ยตอบด้วยความมั่นใจ
“การเป็วีรบุรุษจนก้าวล่วงเชื้อสายของอูอวิ๋นเซียนเช่นนี้ คุ้มค่าแล้วหรือ?” ไก้อู๋ซวงกำลังจะตายแล้ว นางไม่มีเวลามาเสียใจ ก่อนตายนางแค่อย่างจะรู้ว่าหลัวเลี่ยทำแบบนี้ทำไม!
หลัวเลี่ยพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็วีรบุรุษและข้าก็ไม่ได้มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่เช่นวีรบุรุษ ข้าแค่ทำในสิ่งที่ข้าคิดว่ามันถูกต้องหรือก็คือข้าแค่อยากจะบอกว่าบนดินแดนแห่งนี้มันหนาวเย็นเกินไป ข้าก็แค่้าความอบอุ่นบ้าง”