โจรป่าสองร้อยคนถูกส่งตัวไปเป็แรงงานทาสในเหมืองเกลือห้ามออกมาตลอดชีวิต ส่วนเ้ามืองฝางที่เป็หัวโจกและหัวหน้าโจรถูกปะาชีวิตต่อหน้าธารกำนัลเพื่อมิให้เป็เยี่ยงอย่าง ครอบครัวของเ้าเมืองฝางถูกปลดเป็ทาสใช้แรงงานอยู่ที่ชายแดนเป็เวลาสิบปี หลังจากเสร็จสิ้นการลงทัณฑ์พวกเขายังคงอยู่ที่เมืองฝางต่อเพื่อรอให้คณะของขุนนางผู้นำสาส์นและพระราชโองการแต่งตั้งเ้าเมืองคนใหม่มาที่นี่
“ฉึก! ฉึก! ฉึก!”
เสียงมีดสั้นคล้ายมีดผ่าตัดพุ่งทะลุเนื้อไม้อย่างแม่นยำดังต่อเนื่องสามครั้ง ภายในมืออีกข้างของลู่หยวนซียังคงมีมีดสั้นอีกสามเล่มอยู่ระหว่างนิ้ว และเมื่อนางสะบัดมือเบาๆ ในมือที่ว่างเปล่าของนางก็ปรากฏมีสั้นเพิ่มขึ้นมาอีกสามเล่ม ั้แ่ที่นางคิดแก้แค้นให้กู้จิ่งเหยียนนางก็เริ่มฝึกฝนตนเอง ด้วยเพราะลู่หยวนซีมีพื้นฐานของกังฟูอยู่ก่อนแล้ว การที่นางฝึกวรยุทธจึงไม่ใช่เื่ยากเลย
ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัวบ่งบอกว่าเวลานี้ได้ล่วงเลยไปถึงยามจื่อแล้ว (23.00-1.00) แต่ร่างบางที่ฝึกมาั้แ่หัวค่ำยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย จ้าวหลี่เสวียนมองร่างบางในชุดขาวด้วยสายตาเวทนา ในรายงานที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ที่ให้ไปสืบหาตัวตนของนาง สิบหกปีที่แล้ว มามาคนรับใช้ของตระกูลกู้เดินทางไปไหว้พระกับฮูหยินใหญ่ที่วัดนอกเมืองหลวง ต่อมานางได้ยินเสียงทารกร้องจึงได้ให้คนขับหยุดรถม้า จากนั้นนางก็ได้พบกับเด็กทารกเพศหญิงที่ถูกทิ้งเอาไว้อย่างโดดเดี่ยวที่เรือนร้างแห่งหนึ่ง มามานางนั้นจึงได้พาเด็กคนนั้นกลับมาด้วยและขอร้องฮูหยินใหญ่ให้ตนเองได้เลี้ยงเด็กทารกคนนั้น
แต่นิสัยที่เห็นแก่ตัวและร้ายกาจของนางทำให้ไม่มีบ่าวคนไหนในตระกูลกู้ชอบนาง เมื่อมามาผู้นั้นตายจากไปเพราะอาการป่วย ทุกคนต่างก็หันหลังให้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับนางอีก ต่อมาเมื่อคุณชายรองตระกูลกู้ล้มป่วย จึงได้ส่งเฉียนฟางหนิงให้มาเป็ผู้ดูแลเขาเพราะต่อให้นางอยู่ที่ตระกูลกู้ก็ไม่มีใครคบค้าสมาคมกับนาง จ้าวหลี่เสวียนมองด้านหลังของหญิงสาวก่อนที่จะแสดงความสับสนออกมาทางสีหน้า นางใช่เด็กสาวที่อยู่ในรายงานแผ่นนั้นจริงๆ หรือ ทั้งท่าทางที่ผ่าเผยและนิสัยตรงไปตรงมาของนาง ช่างดูแตกต่างจากเฉียนฟางหนิงที่ถูกกล่าวถึงอย่างสิ้นเชิง
ลู่หยวนซีที่กำลังฝึกปามีดรู้สึกว่ากำลังมีคนจ้องมองตนเองจากทางด้านหลังนางจึงหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็จ้าวหลี่เสวียนนางจึงพยักหน้าให้เขา ก่อนที่จะหันไปฝึกต่อ นี่เป็อีกนิสัยหนึ่งที่เขารู้สึกชื่นชมนางแม้ว่าลู่หยวนซีจะรู้ความจริงแล้วว่าตนเองนั้นคือองค์ชายรัชทายาทแห่งแคว้นจ้าว แต่นางก็มิได้มิท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิมแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานะใด สำหรับนางก็มิได้มองเขาเปลี่ยนไปแม้เพียงนิด
ผู้คนในเมืองหลวงต่างก็สวมหน้ากากเข้าหากัน ไม่ว่าใครต่างก็้าประจบสอพลอผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือ แม้แต่คนตระกูลกู้ก็ไม่ต่างกัน แต่หญิงสาวผู้นี้กลับใช้เขาเป็เครื่องมือในการแก้แค้นให้กู้จิ่งเหยียน แม้เขาจะรู้อยู่แล้วแต่เขาเองก็เต็มใจที่จะทำให้นาง เพราะอย่างน้อยนางก็มีเหตุผลที่จะอยู่เคียงข้างเขาต่อไป
ลู่หยวนซีแหงนหน้ามองท้องฟ้าเล็กน้อย หิมะแรกได้โปรยปรายลงมาราวกับว่ามันตั้งใจจะตอกย้ำความอ้างว้างที่นางกำลังรู้สึก ดวงตากลมโตไหวระริกหยาดน้ำใสเม็ดโตผุดขึ้นที่หัวตา ก่อนจะหยดลงมาเป็สาย สามเดือนแล้วนับั้แ่ที่เขาจากไป เป็สามเดือนที่นางรู้สึกว่าช่องว่างในหัวใจเริ่มที่จะกว้างขึ้นทุกที นางคิดว่านับจากนี้คงจะไม่มีผู้ใดสามารถเติมเต็มความรู้สึกของนางได้เลยนอกจากเขา ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ยืนก้มหน้าหันหลังให้
เวลานี้หัวไหล่บอบบางสั่นไหวน้อยๆ เสียงสูดน้ำมูกดังขึ้นเป็ระยะ จ้าวหลี่เสวียนที่ยืนมองอยู่นานมิอาจห้ามใจตนเองได้ เขาคว้าเสื้อคลุมที่ถือติดมือมาก้าวเข้าไปหานางก่อนที่จะคลุมให้หญิงสาวจากทางด้านหลัง ลู่หยวนซีแหงนหน้ามองร่างสูง ก่อนจะเอ่ยของคุณด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ภาพเหตุการณ์วันที่ไฟไหม้ทำให้นางรู้สึกเ็ปขึ้นมาอีกครั้ง ร่างบิดงอที่นอนอยู่บนเตียงทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก
นางอยากจะแบกรับความเ็ปของเขาเอาไว้เอง แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว จ้าวหลี่เสวียนจับนางให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ นิ้วมือเรียวเกี่ยวเช็ดหยาดน้ำใสที่กำลังไหลอาบแก้มของนางอย่างอ่อนโยน ดวงตากลมโตแดงช้ำไหวระริกราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัว ร่างสูงดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แนบอก ก่อนที่จะเอ่ยออกมาเบาๆ
“ร้องออกมาเถอะ เมื่อใดที่เ้าเ็ปและเสียใจเราจะเป็ที่พักพิงให้เ้าเอง เมื่อใดที่เ้าก้าวไปข้างหน้าจงจำเอาไว้ว่ายังมีเราอยู่ข้างหลังของเ้าเสมอ”
นิ้วมือเรียวกำเข้าหากันแน่น ก่อนเสียงที่ดูเ็ปราวกับจะขาดใจดังลอดออกมา
“ฮืออออ!!!!”
หญิงสาวที่อดทนอดกลั้นมาตลอด เวลานี้ได้ปลดปล่อยความเ็ปทั้งหมดออกมาต่อหน้าเขาจนสิ้น เขาเองก็ไม่คิดว่ากู้จิ่งเหยียนจะสำคัญและมีอิทธิพลต่อนางถึงเพียงนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะตายจากไปแล้วชายหนุ่มก็ยังคงเป็คนสำคัญที่หนึ่งในใจของนางเสมอ เสียงร้องไห้ของนางดังโหยหวนอยู่ถึงหนึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นลู่หยวนซีก็หลับไปภายในอ้อมแขนของจ้าวหลี่เสวียน
ชายหนุ่มเงยหน้ามองฟ้าก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เ้าหิมะเอ๋ย เป็ความผิดของเ้าที่ทำให้สตรีผู้นี้ต้องร้องไห้ หากเ้าไม่ตกลงมานางก็คงจะไม่รู้สึกอ้างว้างและนึกถึงความเ็ปนั้นขึ้นมาอีก จ้าวหลี่เสวียนกล่าวโทษดินฟ้าอากาศ ก่อนจะอุ้มร่างบางที่เย็นเฉียบเพราะอากาศด้านนอกกลับไปยังเรือนพักของนาง ดวงตาของลู่หยวนซีบวมปูดหลังจากที่ตื่นขึ้นมาในอีกวัน นางใช้น้ำร้อนประคบดวงตาอยู่นานกว่าจะกล้าออกมาพบผู้คน และเมื่อนางต้องเผชิญหน้ากับจ้าวหลี่เสวียน นางก็รู้สึกอับอายไม่น้อยที่ตนแสดงด้านนั้นออกมาให้เขาได้เห็น
“อะแฮ่ม!!ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ”
ลู่หยวนซียอบตัวเล็กน้อย ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา แม้จ้าวหลี่เสวียนจะรู้ว่านางอายเื่เมื่อคืนที่นางร้องไห้ต่อหน้าตน แต่เขาก็ไม่คิดเปิดโปงนาง
“ทานข้าวเถอะ ่สายพวกเราจะได้ออกเดินทางกลับเมืองหลวง ก่อนที่หิมะจะตกหนักว่านี้”
ลู่หยวนซีพยักหน้ารับ ก่อนที่จะจับตะเกียบทานอาหารไปอย่างเงียบๆ หลังจากที่คนทั้งสองจัดการเื่ส่วนตัวของตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็นั่งรถม้าออกจากเมืองฝางไป ทิ้งทุกอย่างทุกเื่ราวที่เกิดขึ้นที่นี่เอาไว้เื้ั