ตอนที่ 61 มองไม่ออกว่าจริงหรือเท็จ
ตลอดระยะเวลาสามวัน มู่อวิ๋นจิ่นเอาแต่อยู่ในเรือนลี่เฉวียนโดยไม่เดินไปไหนแม้แต่ก้าว ส่วนอาหารในแต่ละวันมีจื่อเซียงเป็คนรับผิดชอบนำมาให้
ส่วนฉู่ลี่ก็ไม่พบตัว ตลอดสามวันที่นางอยู่ในจวนเช่นกัน
“คุณหนู เมื่อครู่มีข่าวจากจวนอัครเสนาบดี คุณชายใหญ่จะแต่งงานเ้าค่ะ” จื่อเซียงรีบยกอาหารด้วยใบหน้าตื่นใ
มู่อวิ๋นจิ่นที่เพิ่งเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ได้ครู่นึง รีบหันขวับมองมาที่จื่อเซียง “หลังจากนี้สามวันหรือ? ทำไมต้องรีบร้อนแบบนี้?”
“นั่นสิเ้าค่ะ แต่เื่นี้บ่าวได้ยินคนอื่นเล่ามาเ้าค่ะ” จื่อเซียงเอ่ย
ด้วยเหตุนี้มู่อวิ๋นจิ่นจึงพูดขึ้นโดยไม่คิด “เร็วเข้า รีบช่วยเกล้าผม ข้าจะกลับไปที่จวนอัครเสนาบดีมู่”
“ได้เ้าค่ะคุณหนู”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม รถม้ามาหยุดลงตรงหน้าประตูจวนอัครเสนาบดีมู่ มู่อวิ๋นจิ่นรีบะโลงด้วยความร้อนใจ ก่อนจะรีบสาวเท้าวิ่งเข้าไปในจวนอย่างรวดเร็วปานสายลม
เวลานี้ที่ห้องโถงด้านหน้า อัครเสนาบดีมู่และลัวหนิงอวี่นั่งอยู่ตรงกลาง ถือสมุดปกแดงเล่มหนึ่งคล้ายกำลังปรึกษาหารืออะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่นวิ่งหน้าตื่นขึ้นมาอย่างรีบร้อน ทั้งสองคนกลับไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เอาแต่ส่งรอยยิ้มให้กับมู่อวิ๋นจิ่น “อวิ๋นจิ่นกลับมาแล้ว”
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับ “ได้ยินมาว่าอีกสามวันพี่ใหญ่จะแต่งงานอย่างนั้นหรือเ้าคะ?”
“ถูกต้องแล้ว เื่นี้กะทันหันมาก พ่อกับฮูหยินสามกำลังปรึกษาหารือรายละเอียดต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมการ” อัครมหาเสนาบดีมู่กล่าวด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม
“สตรีผู้นั้นมาจากตระกูลไหนเ้าคะ?” มู่อวิ๋นจิ่นถามอย่างสงสัยใคร่รู้
ลัวหนิงอวี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “หลานสาวของราชครูจ้วง ชื่อว่า ‘อวี้เหยียน’ ”
จ้วงอวี้เหยียน?
มู่อวิ๋นจิ่นแสดงความแปลกใจออกมาทางสายตา “พี่ใหญ่อยู่ไหนหรือเ้าคะ?”
“อยู่ที่เรือนของเขานั่นแหละ”
“เช่นนั้น อวิ๋นจิ่นขอตัวไปหาก่อน” มู่อวิ๋นจิ่นกล่าว
มู่อวิ๋นจิ่นรีบวิ่งไปที่เรือนของมู่อวิ๋นหาน แต่กลับพบเขานั่งจิบน้ำชาอยู่ที่ศาลาด้านหลังแทน
“พี่ใหญ่” มู่อวิ๋นจิ่นขานเรียก
มู่อวิ๋นหานได้ยินเสียงเรียกจึงหันหลังกลับไปมอง เมื่อเห็นเป็มู่อวิ๋นจิ่นจึงส่งยิ้มให้ “มาแล้วเหรอ”
มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปนั่งตรงข้ามมู่อวิ๋นหาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงเรียบนิ่ง “พี่กับสตรีตระกูลจ้วงผู้นั้นรู้จักกันมาก่อนหรือ?”
“ไม่รู้จักมาก่อน” มู่อวิ๋นหานส่ายหน้า
“แล้วเหตุใดถึงจะแต่งกับนาง ที่สำคัญเหลือเวลาเพียงสามวันเท่านั้น” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยถามอย่างสงสัย
มู่อวิ๋นหานพลันหัวเราะออกมา “พี่ได้รับสารลับมานะสิ วันนี้ตอนบ่ายฉู่ชิงเฉียงจะขอพระราชทานงานอภิเษกสมรสจากฝ่าา เพื่อแต่งตั้งให้พี่เป็ราชบุตรเขย พี่รู้มาก่อนแล้วว่าราชครูจ้วงอยากให้พี่กับจ้วงอวี้เหยียนแต่งงานกัน จึงไปพบหน้าราชครูจ้วงเพื่อตกลงเื่งานแต่ง”
พอได้ฟังมู่อวิ๋นหานอธิบาย มู่อวิ๋นจิ่นถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “พี่ปล่อยข่าวลือนี้ออกไป ไม่รู้ว่าฉู่ชิงเฉียงจะเดือดดาลบ้าคลั่งไปแล้วหรือยัง?”
“จะไปสนใจนางทำไมเล่า หากเทียบจ้วงอวี้เหยียนกับฉู่ชิงเฉียง พี่เลือกคนแรกดีกว่า” มู่อวิ๋นหานเอ่ยด้วยความกังวล
มู่อวิ๋นจิ่นเอาแต่ถอนหายใจ “น้องกับพี่เกิดในตระกูลมู่ พวกเราย่อมมิอาจตัดสินใจเื่แต่งงานได้เอง ในตอนนี้หวังเพียงว่าจ้วงอวี้เหยียนคงมีนิสัยที่ดี”
“หวังให้เป็เช่นนั้น” มู่อวิ๋นหานพยักหน้าเห็นด้วย
พอบทสนทนาของทั้งคู่จบลง จู่ ๆ ก็มีเสียงสาวเท้าฉับ ๆที่ดูเหมือนจะพุ่งตรงมาทางนี้ พอคล้อยหลังไปมองก็เห็นฉู่ชิงเฉียงในอาภรณ์เขียวมรกต เดินตรงมาอย่างรวดเร็วด้วยความโกรธเคือง
ทันทีที่ฉู่ชิงเฉียงเห็นมู่อวิ๋นหานพลันประกาศเสียงดังลั่นว่า “มู่อวิ๋นหาน ข้าไม่ยอมให้เ้าแต่งกับจ้วงอวี้เหยียนเด็กขาด!”
พอเห็นฉู่ชิงเฉียงมารังควานถึงที่จวน มู่อวิ๋นจิ่นกลับยิ้มแห้ง ๆ พลันเบนสายตามองไปที่พี่ใหญ่
มู่อวิ๋นหานรีบลุกขึ้นทำความเคารพฉู่ชิงเฉียง “คารวะองค์หญิงห้าพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่ชิงเฉียงปรับอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนจะเดินเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงสงบว่า “อวิ๋นหาน ทำไมจู่ ๆ ถึงจะแต่งงานกับจ้วงอวี้เหยียน?”
“กระหม่อมถึงวันแต่งงานออกเรือนแล้ว ประจวบกับนิสัยและหน้าตาของจ้วงอวี้เหยียนเป็ที่พอใจ จึงอยากใช้ชีวิตร่วมกับนางขอรับ” มู่อวิ๋นหานตอบยิ้ม ๆ
ฉู่ชิงเฉียงกัดฟันกรอด ๆ ภายในใจ แต่ต้องฝืนยิ้มออกมา “ถ้าเปิ่นกงจู่ไม่อนุญาตล่ะ?”
“แล้วเหตุผลขององค์หญิงห้าคืออะไรพ่ะย่ะค่ะ?” มู่อวิ๋นหานฉงนใจ
“เ้าเป็คนฉลาดปราดเปรื่อง ย่อมรู้ว่าเปิ่นกงจู่มีใจปฏิพัทธ์ให้… มู่อวิ๋นหาน เปิ่นกงจู่ย่อมมิมีทางปล่อยให้เ้าแต่งงานกับสตรีอื่น” ฉู่ชิงเฉียงมองด้วยสายตาเหนือกว่า
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งฟังด้านข้างถึงกับต้องแทรกขึ้นมาว่า “พี่ห้าทำอย่างนี้อาจไม่ดีกระมัง งานแต่งของพี่อวิ๋นหานกับพี่อวี้เหยียนประกาศออกไปแล้ว จะยกเลิกได้อย่างไร?”
ฉู่ชิงเฉียงเบิกตาโพลงจ้องไปที่มู่อวิ๋นจิ่น “มู่อวิ๋นจิ่น เื่นี้เ้าจะมาสอดไม่ได้!”
จากนั้นฉู่ชิงเฉียงเชิดหน้าหันไปสบตามู่อวิ๋นหาน และพูดต่อไปว่า “ถ้าแต่งกับอวี้เหยียนย่อมได้ แต่นางต้องอยู่ได้ในฐานะภรรยารองเท่านั้น”
“
“ภรรยาเอกของอวิ๋นหานต้องเป็เปิ่นกงจู่เพียงผู้เดียว”
มู่อวิ๋นจิ่นถึงกับชักสีหน้าขึ้นทันทีที่ได้ฟัง
“องค์หญิงห้ามาวางอำนาจ ทำเื่พัวพันเช่นนี้ได้อย่างไร? หรือองค์หญิงห้าคิดว่าตัวท่านเองจะแต่งไม่ออก? ยิ่งไปกว่านั้นการให้พี่อวี้เหยียนเป็ภรรยารอง ราชครูจ้วงมีหรือจะเต็มใจ?” มู่อวิ๋นจิ่นจงใจพูดเหน็บแนม
ตามที่มู่อวิ๋นจิ่นทราบมา ราชครูจ้วงอยู่มาสองแผ่นดินแล้ว อีกทั้งเป็ราชครูให้กับฝ่าาองค์ปัจจุบัน ที่สำคัญได้รับความเคารพนับถือจากฝ่าา ในอาณาจักรซีหยวนแห่งนี้นับว่ามีหน้าตาและมีอำนาจอยู่มิน้อยเลย
มู่อวิ๋นหานยอมรับว่าฐานะและบารมีของราชครูจ้วงสามารถกดความดื้อรั้นขององค์หญิงห้าให้สยบลงได้
สิ่งที่มู่อวิ๋นจิ่นสาธยายออกมาส่งผลให้สีหน้าฉู่ชิงเฉียงเปลี่ยนไปในฉับพลัน ด้วยคำพูดของมู่อวิ๋นจิ่นที่จี้ใจดำของนางเข้าอย่างจัง
เดิมทีนางอยากไปเข้าเฝ้าฝ่าา แต่พอคิดไปคิดมา ฝ่าาย่อมไม่เห็นด้วยกับการขัดขวางงานแต่งระหว่างจวนสกุลมู่และจวนสกุลจ้วงอย่างแน่นอน
มันไม่ใช่เื่ง่ายเลยที่จะหาบุรุษเพียบพร้อมเช่นนี้ได้ การที่นางจะต้องเห็นอวิ๋หานไปแต่งกับสตรีคนอื่นนั้น ก็ย่อมจะโกรธเคืองและเป็เื่ที่ยากจะทำใจได้
“อวิ๋นหานไม่เคยมีใจจริงให้กับเปิ่นกงจู่บ้างเลยหรือ?” ฉู่ชิงเฉียงมองด้วยแววตาแน่นิ่ง
มู่อวิ๋นหานยกมือประสานด้านหน้า โค้งตัวตอบกลับว่า “อวิ๋นหานวาสนาน้อย เชื่อว่าองค์หญิงต้องได้พานพบคนที่มีวาสนาต่อกันขอรับ”
“หึ หึ คนที่มีวาสนาต่อกัน…” ฉู่ชิงเฉียงแสยะยิ้มหันมองไปรอบ ๆ จนสายตามาหยุดที่มู่อวิ๋นจิ่นด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ก่อนจะจับชายกระโปรงยกขึ้นเดินฉับ ๆ ออกไป
ระหว่างที่ฉู่ชิงเฉียงเดินออกไปจากจวนอัครเสนาบดีมู่ ได้หันไปพูดกับบ่าวใช้ว่า “หว่านซิ่ว ่นี้จ้วงอวี้เหยียนติดต่อคบค้ากับใครบ้าง?”
“เหมือนว่าจะไปมาหาสู่กับคุณหนูเวินแห่งจวนสกุลเวินเพคะ”
เมื่อเห็นฉู่ชิงเฉียงยอมร่นถอยกลับไปโดยง่ายดาย มู่อวิ๋นหานรีบหันมองมู่อวิ๋นจิ่น “เ้าน้องตัวดี พออ้าปากเอ่ยก็พูดเข้าประเด็นไม่ไว้หน้าใครเลยเชียว”
“พี่ใหญ่ ตามความคิดของน้อง สามวันนี้ไปรับจ้วงอวี้เหยียนมาอยู่ใกล้ ๆ จวนสกุลจ้วงจะดีกว่า”
“หากสตรีใดก็ตามที่อิจฉาริษยาจนเืขึ้นหน้า ย่อมเป็เื่ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง” มู่อวิ๋นจิ่นหันไปยิ้มเนือย ๆ ให้มู่อวิ๋นหาน
มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
…
หลังจากที่มู่อวิ๋นจิ่นเดินทางออกจากจวนอัครเสนาบดีมู่ หมายเดินขึ้นรถม้าองค์ชายหกกลับจวน นึกไม่ถึงว่าเสียงของหว่านซิ่วจะดังขึ้นมาจากด้านหลัง “พระชายาหกเพคะ องค์หญิงขอเชิญไปพูดคุยหน่อยเพคะ”
มู่อวิ๋นจิ่นชะงักไปชั่วขณะ ก่อนสังเกตเห็นรถม้าของฉู่ชิงเฉียงยังอยู่หน้าจวนอัครเสนาบดีมู่ยังมิได้ไปไหน
คิดไปคิดมา สุดท้ายมู่อวิ๋นจิ่นก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาฉู่ชิงเฉียงที่รถม้า ถึงกระนั้นจื่อเซียงที่ยืนอยู่ด้านหลังกลับดึงชายเสื้อของมู่อวิ๋นจิ่นเอาไว้ด้วยความกังวลใจ
“ไม่ต้องกลัว” มู่อวิ๋นจิ่นใช้สายตาปลอบประโลมให้จื่อเซียงวางใจว่าจะปลอดภัย
มู่อวิ๋นจิ่นก้าวเข้าไปในรถม้าก็เห็นฉู่ชิงเฉียงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดมองมาด้วยความขัดเคือง
มู่อวิ๋นจิ่นขึ้นไปแล้วมองหาที่นั่ง พอนั่งลงรถม้าก็เคลื่อนทันที
“องค์หญิงห้ามีอะไรจะพูดกับอวิ๋นจิ่นหรือเพคะ?” มู่อวิ๋นจิ่นถามอย่างตรงไปตรงมา ด้วยน้ำเสียงเ็า
ฉู่ชิงเฉียงหัวเราะเยาะขึ้น “มู่อวิ๋นจิ่น เื่ของเปิ่นกงจู่กับพี่ชายเ้า เ้าคงจะเข้ามายุ่งไม่น้อยสิท่า?”
“องค์หญิงห้าคิดมากเกินไปแล้วเพคะ” มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตาลง
“เปิ่นกงจู่เห็นว่าเ้ากับพี่ชายสนิทสนมกันมากจนดูน่าแปลก ในเมื่อเป็พี่น้องกัน เหตุใดอวิ๋นหานถึงไม่ชอบสตรีที่ฉลาดเฉลียวอย่างมู่หลิงจู กลับมาสนิทสนมกับเ้าที่ไร้ความสามารถด้วย หรือว่าจะเป็เหมือนที่พี่ชายสามกล่าวเอาไว้ เื่เล่าเกี่ยวกับเ้าหลายปีมานี้ที่เมืองเตี๋ยฮวาจะเป็เื่ปลอมทั้งหมด?”
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งพิงพนักด้านหลัง ถึงแม้ไม่ค่อยเข้าใจเื่ที่ฉู่ชิงเฉียงเล่า แต่นางยังคงยิ้มมุมปาก “แค่เื่เล่าเท่านั้น พอเื่เล่าไปเล่ามาก็ยากจะแยกแยะจริงเท็จได้”
“เหอะ! แยกแยะจริงเท็จได้ยากอย่างนั้นสินะ!” ฉู่ชิงเฉียงเย้ยหยันออกมา “เ้าคิดว่าได้แต่งกับฉู่ลี่แล้ว ชีวิตจะสงบสุขอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
“
“หรือว่าองค์หญิงห้าอยากรื้อฟื้นเื่เล่าของคุณหนูฉินขึ้นมาเพคะ?” มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว
ฉู่ชิงเฉียงเห็นมู่อวิ๋นจิ่นยังมีท่าทีนิ่งสงบ ภายในใจจึงโมโหเดือดดาล ก่อนแสยะยิ้มออกมา “ไม่ ไม่ต้องให้ถึงมือมู่เยว่ แค่เปิ่นกงจู่คนเดียวก็สามารถจัดการเ้าได้แล้ว!”
“องค์หญิงถึงแล้วเพคะ” หว่านซิ่วเอ่ยขึ้น
รถม้าหยุดจอดนิ่งลง
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเปิดผ้าม่านมองไปดูข้างนอก จึงได้รู้ว่ารถม้ามาหยุดลงที่เรือนห่างไกลผู้คน
มู่อวิ๋นจิ่นก้าวลงจากรถม้ามองไปโดยรอบ พบว่าเรือนหลังนี้อยู่ท่ามกลางพื้นที่ห่างไกลรกร้าง มีเพียงห้องเดียวและประตูบานใหญ่ปิดแ่า
จื่อเซียงวิ่งไล่ตามมาจนมายืนด้านข้างมู่อวิ๋นจิ่น จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “คุณหนู เมื่อครู่บ่าววิ่งตามมาเห็นรอบข้างยิ่งห่างไกล เมื่อบ่าวจะพูดกลับถูกหว่านซิ่วห้ามไว้เ้าค่ะ”
จื่อเซียงเล่าจบ ประตูใหญ่ของเรือนค่อย ๆ แง้มออก ด้านในมีสตรีกลางคนแต่งตัวงดงามเดินย้วยยาดออกมา พร้อมกับบุรุษร่างกายกำยำอีกนับสิบถือกระบองในมือ
“คารวะองค์หญิงห้า” สตรีกลางคนทำความเคารพฉู่ชิงเฉียง
ฉู่ชิงเฉียงยิ้มมุมปาก เผยสายตาอาฆาตมาที่มู่อวิ๋นจิ่น “มู่อวิ๋นจิ่น เปิ่นกงจู่ไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา เื่ที่มู่อวิ๋นหานจะแต่งงาน เ้าต้องเป็คนยุแยงอยู่ข้างหลัง! เ้าบังอาจมาคิดบัญชีกับข้า ข้าจะให้เ้ารู้ถึงรสชาติแห่งความทรมานว่ามันทุกข์ทรมานมากเพียงใด”
“ลี่เหนียง วันนี้ข้านำของดีมาให้ นางต้องกลายเป็สตรีแถวหน้าของหอบุหลันเป็แน่” ฉู่ชิงเฉียงหัวเราะเยาะอย่างสะใจและส่งสายตาให้ลี่เหนียง
ด้านจื่อเซียงตัวสั่นระริกด้วยความกลัว จนดึงชายเสื้อมู่อวิ๋นจิ่นไปมาสุดแรง ที่แท้สถานที่ฉู่ชิงเฉียงเอ่ยถึงคือหอนางโลมที่นาง้าส่งมู่อวิ๋นจิ่นไปอยู่
“ขอบพระทัยองค์หญิงที่ช่วยการค้า หอบุหลันของลี่เหนียงเปิดมานานหลายปีจนมีชื่อเสียงได้กำไรมากมาย ล้วนมาจากความช่วยเหลือขององค์หญิงห้าทั้งหมดเพคะ” ลี่เหนียงหัวเราะเสียงใสออกมา พร้อมกับมองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นที่มีหน้าตางดงาม
“องค์หญิงห้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ มิอย่างนั้นจะอธิบายกับองค์ชายหกได้อย่างไรเพคะ?” จื่อเซียงคุกเข่าขอร้องวิงวอน
“พระชายาหกหายตัวลึกลับ เปิ่นกงจู่จิตใจก็ร้อนรุ่มทำอะไรไม่ถูก” ฉู่ชิงเฉียงแสร้งเอ่ยอย่างสงสาร
มู่อวิ๋นจิ่นยืนกอดอกมองดูฉู่ชิงเฉียงเหมือนสตรีเสียสติ จึงได้รู้ว่าสตรีผู้นี้จิตใจมืดบอดจากความผิดหวังในตัวมู่อวิ๋นหาน
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจมากไปกว่านั้นคือ นางเป็ถึงองค์หญิงควรทำตัวเป็แบบอย่างที่ดี หาใช่มาคบคิดทำการค้ากับหอนางโลมเช่นนี้
หรือว่านางไม่เกรงกลัว หากเื่นี้แพร่ออกไป หน้าตาของนางและราชวงศ์จะต้องอับอายถึงเพียงใด?
ฉู่ชิงเฉียง นี่เป็การกระทำที่ขุดหลุมฝังตัวเองชัด ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้