นิชาหันมาพูดกับมารตีเสียงแ่เบา “คืนนี้ คงต้องนอนค้างในป่ากันนะคะ”
พวกเขาเดินหากองไฟที่แอบซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ หลายคู่สานสัมพันธ์กันต่อไปในความอบอุ่นของแสงไฟ ใกล้จะเช้าแล้ว…แต่คืนนี้ทุกสิ่งที่ผ่านไป มันจะคงอยู่ในใจพวกเขาไปอีกนานแสนนาน
เมื่อฟ้าเริ่มสาง…เสียงนกร้องและลมเบาๆ เริ่มพัดผ่าน พร้อมกับความเร่าร้อนในใจของหลายๆ คนเริ่มมอดลง แต่สำหรับมารตีมันเพียงแค่หรี่ๆ ลงเท่านั้นเอง ในที่สุดหญิงสาวก็พบสามีของเธอที่กำลังหลับใหลโดยมีร่างสวยเย้ายวนของหญิงสาวคนหนึ่งทาบทับอยู่้า หญิงสาวคนนั้นก็นอนนิ่งไม่ต่างจากปพนต์เท่าไรนัก
หลายคนพากันพยุงร่างอ่อนเพลีย ที่นอนสลบบนพื้นดิน ลุกขึ้นเดินไปที่เต็นท์ที่มีเตียงนุ่มรออยู่ท่ามกลางความเงียบสงบและอ่อนแรงจากการผ่านค่ำคืนที่เร่าร้อนนี้มาด้วยกัน
เช้าวันใหม่ที่รีสอร์ตกลางหุบเขา
เสียงน้ำไหลจากลำธารยังคงอยู่เหมือนเมื่อวาน แต่ในใจของมารตีมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอได้ค้นพบโลกใบใหม่ ที่แตกต่างออกไป แตกต่างจากกรอบเดิมๆ ที่เธอคุ้นเคย และก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะมีอยู่จริง หลังจากค่ำคืนในป่าลึกที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอของการหลอมรวมและความวาบหวาม ร้อนแรง ผ่านไป
มารตีกับปพนต์เพิ่งเดินกลับมาถึงห้องพักได้ไม่นาน เธอยิ้มอย่างอ่อนระโหยให้เขา ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนุ่มๆ ที่ระเบียง ข้างๆ ร่างหนาของปพนต์ ก่อนจะหลับไหลไปด้วยกัน
แสงแดดลอดผ่านใบไม้หนาเหนือระเบียงลงมา ส่องต้องผิวเนียนของเธอราวกับเธอเปล่งแสงออกมาจากภายในได้ เมื่อหญิงสาวลืมตาขึ้นก็เห็นสายตาเป็ประกายระยิบระยับของสามีกำลังจ้องมองเธออยู่
“เมื่อคืนเป็ไงบ้างดีไหมจ๊ะ...”ขณะที่พูดปพนต์ก็เหลือบไปมองตรง่เอวของเธอพลางอมยิ้ม
มารตีเอะใจจึงหุบขาเข้ามาก่อนจะควานมือลงไปก็ััผิวเนื้อตัวเอง...แล้วพลันนึกขึ้นได้ ตอนกลับมาถึงเธอเพลียมากจึงล้มตัวลงนอนทั้งแบบนั้น ตอนนี้ทั่งร่างจึงมีเพียงชุดคลุ่มที่หลุดลุ่ยเพียงตัวเดียว
“เอ่อ...มีอะไรเหรอค่ะพี่...”หญิงสาวถามอายๆ เพราะไม่แน่ใจว่าสามีหมายถึงอะไรแน่
“ก็เห็น ตรงนั้นของรตี แดงๆ กว่าปกติน่ะ...”เขาจ้องตาเธอพลางยิ้มกลุ้มกริ่ม
“บ้าๆ พี่นี่ จะมาแซวรตีทำไม ก็รู้ๆ อยู่แล้ว...ว่าแต่พี่เหอะเป็ไงมั่งคะ” หญิงสาวยกตัวขึ้นไปหยิกเอวของเขาเบาๆ
“พี่เหรอ มีเื่ตื่นเต้นนิดหน่อยน่ะ”
“อะไรเหรอคะ” มารตีทำหน้าอยากรู้
“เมื่อคืนพี่ ได้ทำกับผู้ชายด้วย” ปพนต์พูดพลางทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อตัวเอง
“ยังไง...เล่าเลย เล่ามาเลยค่ะพี่...”มารตีลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นเต้น เธอผ่านมาหมดแล้วทั้งหญิงทั้งชาย แต่เธอก็ยังไม่เคยเห็นแบบชายชายสักที
แต่ยังไม่ทันที่ปพนต์จะเริ่มเล่าอะไร
เสียงประตูห้องด้านนอกก็ถูกเคาะเบาๆ ตามด้วยเสียงหัวเราะใสๆ จากหญิงสาวสองคนที่ปพนต์ไม่เคยพบมาก่อน
“รตีอยู่มั้ยคะ?” เสียงคนหนึ่งร้องถาม ราวกับคนคุ้นเคย
เมื่อประตูเปิดออก ปพนต์ก็ได้เห็น…
กชพร...หญิงสาวผมยาวสีดำขลับ ผิวสีน้ำผึ้งเรื่อแดง และแววตาคมเฉียบที่มองตรงมาราวกับจะอ่านใจเขา ข้างๆ เธอคือ จารวี...สาวร่างเล็กแต่เปี่ยมไปด้วยพลัง เสียงหวาน แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความมั่นใจเกินหญิงสาวทั่วไป
“เราเพิ่งย้ายมาเมื่อวานค่ะ” กชพรเอ่ยยิ้มๆ “อยู่โซนบ้านไม้ข้างล่าง ตอนนี้กำลังเดินสำรวจพื้นที่...แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะของรตี เลยเดินขึ้นมา”
จารวีพยักหน้าเสริม “ได้ข่าวว่า…รีสอร์ตนี้มีเสน่ห์เป็พิเศษ พวกเราก็เลยอยากมาัับ้างค่ะ”
ยังไม่ทันที่ปพนต์จะถามอะไรเพิ่มเติม มารตีก็ลุกขึ้นยืน ดึงสายชุดคลุมรัดตัวไว้หลวมๆ เดินเข้ามาใกล้พวกเธอด้วยท่าทีสนิทสนมผิดคาด
“พร... วี…นี่แฟนฉันเอง พี่ปพนต์” แล้วเธอก็หันมายิ้มให้เขาเหมือนรู้ว่าเขากำลังงง
“สองคนนี้…เป็เพื่อนกันมานานแล้วค่ะ พวกเธอเป็คู่กัน ” พิมหันมากระซิบ “และเปิดใจมากกว่าที่พี่คิด…”
ไม่ถึงสิบนาที อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางระเบียง
“ขอโทษค่ะ พอได้ยินเสียงพวกคุณคุยกัน ก็เลยเดินตามมาค่ะ” หญิงสาวอีกคู่เดินตรงเข้ามา
นวมล...ผู้หญิงสูงเพรียว ผิวขาวอมชมพู หน้าตาดุแต่ดึงดูดใจ และ มุกดา...สาวผมหยิกสีน้ำตาลอ่อน ดวงตากลมใส สวมชุดเดรสผ้าสายเดี่ยวบางเบา ที่มองทะลุได้ เน้นโชว์ความอวบ และส่วนนูนที่ไร้สิ่งป้องกันจากภายใน
มารตีหันมากระซิบกับสามีเบา ๆ “พี่คะ…นี่น่าจะเป็คู่ที่เก้า ของที่นี่”
บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสายตาของพวกเธอจ้องมองปพนต์เหมือนมีเปลวไฟซ่อนอยู่
กชพรเดินเข้ามาใกล้ ใช้ปลายนิ้วลากผ่านแผ่นอกเขา “ได้ยินว่าคุณรับมือได้ดีใช่มั้ยคะ…ในหลายสถานการณ์…”
ปพนต์ยิ้มเจื่อน ๆ “ก็…พอได้ครับ”
แล้วมารตีก็เดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูเขา “วันนี้…รตีอยากให้พี่พยายามให้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยนะคะ กับพวกเราห้าคน” มารตีมองสามีของเธออย่างที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นที่ผ่านมามีแต่ชายหนุ่มหลายคนรุมล้อมมารตี แต่ครั้งนี้เป็หญิงสาวหลายคนที่ให้เขาได้ััในคราวเดียวกัน
่บ่าย กลุ่มของพวกเขาย้ายไปยังเรือนส่วนตัวริมบ่อน้ำอุ่นกลางป่า ลมเย็นพัดเบา ๆ กลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับเสียงหัวเราะของหญิงสาวทั้งห้าคน แต่ละคนล้วนมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป...ทั้งความอ่อนโยนแบบกชพร ความขี้เล่นแบบจารวี หรือความนิ่งลึกลับของนวมล และความร้อนแรงอย่างมุกดา
ปพนต์รู้ตัวดีว่าเขากำลังจะก้าวเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยจินตนาการมาก่อน ไม่ใช่แค่เร่าร้อน แต่คือการเปิดใจให้กับความสัมพันธ์ใหม่ ๆ ที่ไม่ยึดติดเพศหรือกรอบเดิมๆ
เมื่อมารตีคล้องแขนเขาไว้แน่น แล้วทั้งกชพรและมุกดาก็ยื่นมือมาััตรงหน้าอกเขาเบา ๆ ปพนต์ปล่อยตัวเองให้ลื่นไหลตามน้ำไป กับวันแห่งความสุขที่กำลังจะเริ่มต้น...
วันที่เขา…ต้องกลายเป็ “ศูนย์กลางของแรงปรารถนาของสาวงามทั้งห้า” ที่ไม่มีใครอยากปล่อยมือ
สายลมยามเย็นพัดเอื่อยผ่านต้นไม้สูงใหญ่ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ป่าลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ เสียงหัวเราะของหญิงสาวทั้งห้าคนลอยมาแตะหูอย่างนุ่มนวล ราวกับเสียงขลุ่ยในป่าใหญ่
ปพนต์นั่งอยู่กลางเรือนโล่งริมป่า สร้างจากไม้ไผ่และผ้าขาวโปร่งบางที่ปลิวสะบัดตามแรงลม รอบตัวเขาคือพวกเธอ...มารตี กชพร จารวี นวมล และมุกดา ทุกคนต่างมีรอยยิ้มในแบบของตัวเอง แต่แววตากลับสะท้อนแรงปรารถนาเดียวกัน ไม่ใช่แค่เร่าร้อน แต่มันคือพลังบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่า มันคือความไว้ใจ การเปิดใจ และการยอมให้ตัวเองเปลือยเปล่าในทุกความหมายของคำ มารตีเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าปพนต์ก่อนจะนั่งลงอย่างสง่างามบนเบาะผ้า มือของเธอแตะแขนเขาเบา ๆ
“…ไม่ต้องคิดอะไรเลยนะคะพี่” เสียงเธออ่อนโยน “ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเอง…เหมือนน้ำไหลในลำธาร...ถ้าไม่ไหวพวกเราจะช่วยฉุดขึ้นมาเองค่ะ”
ไฟโคมกระดาษส่องแสงอบอุ่น ดวงตาของหญิงสาวแต่ละคนเป็เหมือนประกายของเปลวเทียนที่ร้อนแรงวูบไหว พวกเธอสลับกันมานั่งข้างเขา นั่งบนตัก พูดคุย กระซิบ และแตะต้องตัวเขาตามที่ใจปรารถนาในจังหวะที่ไม่รีบร้อน
ปพนต์เหมือนอยู่กลางวงกลมของมือ ทั้งเสียง และรอยยิ้ม...ทุกคนไม่เร่ง ไม่แย่ง แต่ร่วมกันสร้างจังหวะที่พอดีที่สุดสำหรับทุกคน กชพรโน้มตัวมาััหน้าผากกับเขา แววตาเธอจริงจังและเต็มไปด้วยแรงดึงดูด
“คุณทำให้เราทุกคนรู้สึกปลอดภัยค่ะปพนต์”
“และเป็ตัวเองได้…ในแบบที่ไม่เคยมาก่อน”
เขามองไปที่มารตี...เธอพยักหน้าเบา ๆ ราวกับบอกให้เขาปล่อยใจให้เต็มที่ จารวีเอ่ยขึ้นมาในจังหวะที่ทุกคนกำลังนิ่งงัน “พวกเรามาเล่นเกมกันดีกว่าไหมคะ”
ทุกคนจ้องมองเธออย่างรอคอย และอยากรู้ว่าเกมอะไร จารวีหันไปมองปพนต์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ อย่างมีเลศนัย “ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็แค่ปิดตาพี่ปพนต์ แล้วให้ััตัวพวกเราแต่ละคน แล้วทายว่าเป็ใคร ถ้าทายถูกก็ให้รางวัล ถ้าทายผิดต้องถูกทำโทษ”
“ถ้าทายผิดก็ทำโทษโดยให้พี่ปพนต์ ใช้มือ หรือปากทำให้คนๆ นั้นเร่าร้อนและมีความสุข...ขอย้ำใช้ได้แค่ปากกับมือเท่านั้นนะ” จารวียิ้มอย่างเย้ายวน
“แล้วถ้าทายถูกล่ะ” หลายเสียงถามเกือบจะพร้อมกัน
“ก็แล้วแต่เลย ทายคนไหนถูก คนๆ นั้นก็ให้รางวัลเองได้เลย...ตามที่ใจ้า ไม่มีข้อจำกัดใดๆ” จารวีตอบพร้อมกับมองหน้าทุกคนอย่างมีความหมายที่แต่ละคนเข้าใจดี
แล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้น…ทีละัั ทีละเสียงหายใจ ทีละการประสานกันของผิวกายและหัวใจ
ขณะที่หญิงสาวคนหนึ่ง เป็คนให้รางวัล หญิงสาวอีกสี่คนไม่ได้เป็แค่ผู้ร่วมกิจกรรม แต่เป็เหมือนบทเพลงที่บรรเลงขึ้นพร้อมกัน
บางคนคอยััจุดซ่อนเร้นเร่งเร้าไฟรัก บางคนบีบเค้นอกอวบกระพืออารมณ์คนให้รางวัล บางคนคอยประคองร่างปพนต์ให้ขยับเข้าที่เข้าทาง ขณะที่อีกคนกระซิบถ้อยคำอ่อนหวาน ปนหยาบโลน อยู่ข้างหูและริมฝีปากเขา
เหตุการณ์ดูเหมือนจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปพนต์ถูกทำโทษถี่ขึ้น ทำให้สาวสวยทั้งห้า ราวกับกำลังนั่งอยู่กลางเปลวเพลิง แต่ละคนอารมณ์ร้อนระอุจวนเจียนะเิ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสจะให้รางวัลเลยสักครั้งเดียว