“เ้าไปไหนไม่ได้หรอก!”
มีเสียงดังตามหลังหลินเฟิงและผู้าุโเป่ยมา สัตว์อสูรคุนเผิงกำลังพ่นควันออกมา จากนั้นมันก็เปิดปากมโหฬารของมันและหายใจเข้าลึกๆ ซึ่งทำให้ทั้งบรรยากาศเต็มไปด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่ง
ในขณะเดียวกันปีกคู่ใหญ่โตของสัตว์อสูรคุนเผิงได้กระพือจนแผ่นดินสั่นะเื จากนั้นมันก็พุ่งไปหาผู้าุโเป่ยและหลินเฟิง
พลังลมปราณมหาศาลได้ทำให้ร่างของผู้าุโเป่ยเคลื่อนไหวช้าลง แต่หลินเฟิงรู้สึกเหมือนกำลังถูกกลืนกินเข้าไปในปากของสัตว์อสูรคุนเผิง ราวกับว่านี่ไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง
ถ้าหากผู้าุโเป่ยไม่ได้จับเขาเอาไว้แน่นๆ ล่ะก็ หลินเฟิงไม่สงสัยเลยว่าตัวเองในตอนนี้คงถูกสัตว์อสูรคุนเผิงกลืนกินอย่างแน่นอน
คุนเผิง เป็สัตว์อสูรระดับลี้ลับที่ทรงพลังอย่างมาก มันเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตระดับลี้ลับที่สามารถควบคุมพลังลมปราณได้สบายๆ แต่หลินเฟิงในตอนนี้ยังไม่สามารถต่อต้านได้
“กำจัดพวกมัน!”
เถิงอูซานะโขณะอยู่เหนือร่างกายของคุนเผิง เขาหยิบโซ่สีดำขว้างไปที่หลินเฟิง
“ไสหัวไป!”
มีเสียงเสียงหนึ่งะโดังออกมาและได้สกัดกั้นโซ่สีดำเอาไว้ ผู้ที่เป็เ้าของฝ่ามือหยาบกระด้างนี้ก็คือ หญิงชรา
“ไป! ข้าจะสังหารเ้าสัตว์อสูรนี่เอง!”
สิ้นน้ำเสียงราบเรียบของหญิงชรา ผู้าุโเป่ยพลันพยักหน้าให้อย่างหนักแน่น ส่วนอีกฝ่ายนั้นมีเพียงแค่สองคนที่สามารถไล่จับเขาได้ คนแรกคือชายชราที่ดาบั์ อีกคนก็คือเถิงอูซานที่สามารถควบคุมสัตว์อสูรคุนเผิงได้ หรือบางทีทั้งสองคนนี้อาจเตรียมพร้อมโจมตีเขาก็ได้
แต่ดาบั์ของชายชราได้ทำให้ผู้าุโคงได้รับาเ็ ตอนนี้เพียงแค่สัตว์อสูรคุนเผิงตาย ก็จะไม่มีใครสามารถจับเขาได้
สำหรับคำพูดของหญิงชราไม่ได้ทำให้ผู้าุโเป่ยสงสัย เพียงแต่นางจะพูดแบบนั้นไปทำไม
“สัญญาของพวกเราข้าจะรักษาไว้ เ้าช่วยข้าไปบอกหลิ่วชั่งหลันเ้าบ้านั่นทีว่า ข้ายกโทษให้เขา ส่วนเื่การแต่งงานของเหวินเริ่นเหยียนและเฟยเฟย ข้าจะไม่พูดถึงมันอีก ส่วนหลินเฟิงนั้นเขาเป็คนที่ดีมาก”
น้ำเสียงของหญิงชราฟังดูเรียบเฉย แต่ผู้าุโเป่ยกลับหัวเราะและไม่ตอบกลับไป
“หึ คุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอาย ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าเ้าจะสังหารสัตว์อสูรคุนเผิงของข้าอย่างไร”
เถิงอูซานยิ้มเยาะอย่างเ็า จากนั้นเขาก็กระตุกโซ่สีดำจนไปพันรอบตัวหญิงชราเอาไว้ ทันใดนั้นปากที่ใหญ่โตของสัตว์อสูรคุนเผิงได้เปิดอ้าออกอีกครั้ง พร้อมกับกลิ่นอายอันทรงพลังที่ปล่อยออกมาจากปากของมัน ราวกับจะกลืนกินหญิงชรา
สัตว์อสูรระดับลี้ลับมีสติปัญญาที่ฉลาดหลักแหลมมาก เพียงแค่หญิงชราพูดว่าจะฆ่ามัน สัตว์อสูรคุนเผิงจึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที
“สัตว์เดรัจฉานก็คือสัตว์เดรัจฉาน”
หญิงชราคำรามออกมา ผมยาวยุ่งเหยิงได้ปลิวไสวไปตามสายลม จากนั้นเงาอสรพิษที่ใหญ่โตได้โผล่ออกมาจากข้างหลังของนาง ร่างของนางดูเหมือนว่าจะกลายเป็อสรพิษ จากนั้นนางก็เข้าไปในปากของสัตว์อสูรคุนเผิงทันที
ใช่แล้ว หญิงชรานั้นไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด แค่ไปตามแรงของโซ่สีดำที่ดึงและถูกสัตว์อสูรคุนเผิงกลืนกิน และตอนนี้ร่างของนางก็ได้เข้าไปในตัวของมันเรียบร้อยแล้ว
เมื่อหลินเฟิงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงใเป็อย่างมาก
“พวกเราไปกันเถอะ”
ผู้อาวุสเป่ยกล่าวอย่างไม่แยแส จากนั้นมองฉากที่เกิดขึ้นเป็ครั้งสุดท้าย และบินจากไปด้วยความรวดเร็ว
เพียงแค่ได้ฟังเสียงคำรามจากการต่อสู้ พร้อมกับเสียงะเิจากที่ห่างไกล หลินเฟิงก็สามารถคาดเดาตอนจบได้ว่าจะเป็เช่นไร
ส่วนผู้ที่ผิดสัญญานั้น ได้ผู้าุโชางช่วยชีวิตเหวินเริ่นเหยียนเอาไว้ หลินเฟิงไม่ได้เกลียดนางเลยแม้แต่น้อย ก็เหมือนที่นางได้พูดไว้ ที่นางช่วยเหวินเริ่นเหยียน เพราะเหวินเริ่นเหยียนเป็ศิษย์ของนาง เพื่อเขาแล้วนางสามารถละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองให้ได้
และนิกายหยุนไห่นั้น นางได้เฝ้าปกป้องรักษานิกายมานาน เพื่อนิกายแล้วนางสามารถสละชีวิตของตัวเองให้ได้
แม้ว่าหญิงชราจะหน้าตาน่าเกลียด แต่จิตใจของนางช่างน่าเคารพนับถือเป็อย่างมาก
ในตอนนี้ไม่มีใครสามารถหยุดผู้าุโเป่ยได้ จิติญญาที่กำลังบ้าคลั่ง เห็นได้แค่เงาสีดำรางๆ ที่ห่างไกลจากหุบเขาเมฆพายุ จากนั้นก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในที่สุดผู้าุโเป่ยและหลินเฟิงก็หลบรอดออกมาจากนิกายหยุนไห่แล้ว แต่พวกเขากลับไม่สบกับอารมณ์เป็อย่างมาก ในหัวใจของพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าชีวิตของพวกเขานั้น นิกายหยุนไห่ถึงกับต้องเสียสละเืเนื้อและชีวิตของพวกเขา
ผาเทียนเชี้ยนและผาจงกู่ ต่างก็เป็หน้าผาที่สูงชันและไม่มีวิธีการใดที่สามารถมาถึงได้
นอกเสียจากจะผ่านช่องเหวลึกของผาเทียนเชี้ยน นี่เป็เพียงวิธีเดียวที่จะสามารถเข้าหรือออกได้
ในขณะนั้นมีเงาของนกกระเรียนราวกับแสงสว่างจากเบื้องบน จากนั้นมันก็ได้ชะลอตัวมาหยุดตรงผาจงกู่
หลินเฟิงได้เห็นสถานที่ที่คุ้นเคยจึงอดไม่ได้ที่จะมึนงง และกำลังสงสัยว่าผู้าุโเป่ยพาเขามาที่นี่ทำไม เพราะที่นี่ไม่ได้ห่างไกลจากนิกายหยุนไห่เลย
“พวกเราต้องลงไป”
ผู้าุโเป่ยมองหน้าผาจงกู่ แล้วพาหลินเฟิงะโลงไปทันที แต่ก่อนจะถึงแผ่นดินข้างล่าง ทั้งสองต่างถูกห้อมล้อมไปด้วยเมฆหมอก
“สถานที่ที่พวกเราลงมานี้ เ้าจำได้หรือไม่?”
ผู้าุโเป่ยหยุดเดินและหันไปถามหลินเฟิง
หลินเฟิงไม่เข้าใจที่ผู้าุโเป่ยหมายถึง แต่กลับพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าจำได้”
“อืม เ้าเริ่มต้นจากหน้าผาจงกู่และลงมา จากนั้นเริ่มนับจากหน้าผาจงกู่สิบกิโลเมตร ก็จะมาถึงที่ที่พวกเราอยู่ ณ ตอนนี้”
ในขณะที่ผู้าุโเป่ยพูด เขาก็ได้เคาะไปที่บนผนังสามครั้ง ทันใดนั้นได้เกิดเสียงฟ้าร้องขึ้น ผนังหินได้เลื่อนออกและทางเข้าก็ปรากฏขึ้น
หน้าผาที่สูงชันแห่งนี้ ไม่นึกเลยว่าจะเป็ถ้ำ์
“เข้าไปกันเถอะ” ผู้าุโเป่ยและหลินเฟิงก้าวเข้าไป จากนั้นผนังหินก็ได้เลื่อนปิดลงเหมือนเดิม
วิหารแห่งนี้ดูเหมือนจะเป็ตำหนักโบราณ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณแบบเรียบง่าย
ใจกลางของวิหารได้มีภาพวาดัอยู่ และมีรูปปั้นแกะสลักเป็สัตว์อสูรจำนวนมากมาย สัตว์อสูรเหล่านี้หลินเฟิงล้วนยังไม่เคยเห็นมาก่อน
“นิกายหยุนไห่ได้สร้างที่นี่ขึ้น ไม่ใช่เป็เพราะลักษณะภูมิประเทศ แต่เป็เพราะบรรพบุรุษได้ค้นพบที่นี่โดยบังเอิญ”
ผู้าุโเป่ยอธิบายให้หลินเฟิงฟัง “ที่นี่น่าจะเป็สถานที่บ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธ์ พวกเขาอาจเป็ศิษย์ของนิกาย เ้าเห็นแล้วว่าข้างในของหอซิงเฉินนั้นมีเคล็ดวิชาและทักษะอยู่เป็จำนวนมาก ทั้งหมดนั่นต่างถูกนำมาจากที่นี่ นอกจากนี้เมื่อก่อนหอซิงเฉินมีเคล็ดวิชาและทักษะที่ทรงพลังมากกว่าในตอนนี้ เมื่อพันกว่าปีที่แล้วข่าวได้รั่วไหลออกไป จึงถูกขโมยเคล็ดวิชาไปเป็จำนวนมาก จนกระทั่งตอนนี้นิกายหยุนไห่ได้ปกปิดเก็บเป็ความลับ มีแต่ผู้ปกป้องเฝ้ารักษานิกายเท่านั้นถึงจะรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ แม้แต่ประมุขก็ยังไม่รู้”
อารามโบราณนี้ยังหลงเหลือร่องรอยการบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธ์? แม้แต่ประมุขก็ยังไม่รู้?
หลินเฟิงรู้สึกประทับใจ ที่นี่มีเพียงแค่ผู้พิทักษ์นิกายเท่านั้นถึงจะสามารถเข้ามาได้
สายตาของหลินเฟิงสังเกตวิหารอย่างละเอียด ที่นี่ทั้งกว้าง น่ากลัว และเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังแบบโบราณ นอกจากนี้ที่แห่งนี้ถึงแม้จะถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่มันกลับสวยงามเป็อย่างมาก
“หลินเฟิงตามข้ามา”
ผู้าุโเป่ยเดินนำหลินเฟิงเข้าไปในส่วนลึกของวิหาร หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินเข้ามาในห้องโบราณ ในห้องโบราณนี้มีไม้แกะสลักเป็รูปัสีน้ำตาลวางอยู่บนชั้นวางหนังสือ บนชั้นมีหนังสือกระจัดกระจายและถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น แต่มันกลับสวยงามมาก เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเคยจับต้องหนังสือเ่าั้มาก่อน
“พวกเราได้นำเคล็ดวิชาและทักษะของหอซิงเฉินไปล้วนเป็ตำราที่ถูกคัดลอกด้วยลายมือ แต่ของที่นี่เป็ต้นฉบับทั้งหมด เคล็ดวิชาและทักษะที่อ่อนแอที่สุดคือระดับลี้ลับ และระดับที่ทรงพลังมากที่สุดคือระดับพิภพ นอกจากนี้ยังมีตำราอีกหลายเล่มที่ฝึกฝนได้ยาก แม้แต่พวกเราผู้พิทักษ์เองก็ยากที่จะฝึกฝน เ้าสามารถเลือกเคล็ดวิชาและทักษะที่เหมาะสมกับตัวเองได้ที่นี่”
ถ้าได้มาก่อนหน้านี้ หลินเฟิงจะต้องมีความสุขเป็อย่างมาก แต่อารมณ์ในตอนนี้รู้สึกหนักอึ้ง มันทำให้เขาไม่สามารถมีความสุขได้ แววตาเ่าั้ยังคงปรากฏในหัวของเขาอยู่ ไม่สามารถสลัดภาพนั้นออกไปได้
“ไปดูอีกห้องกันเถอะ”
ผู้าุโเป่ยไม่ได้ปล่อยให้หลินเฟิงอยู่ที่นี่ แต่กลับพาหลินเฟิงไปยังห้องโบราณอีกห้องหนึ่ง
“อาวุธ”
เพียงแค่เพิ่งเข้าไปในห้องโบราณ ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันรุนแรง จนทำให้หัวใจของหลินเฟิงถึงกับสั่นเทา
อาวุธเหล่านี้มีจิติญญา…
มีจิติญญา… ทั้งหมดนี้คืออาวุธแห่งจิติญญา
“อาจเรียกได้ว่าเป็อาวุธ แต่ถ้าจะพูดให้ชัดเจนนั่นก็คือ อาวุธแห่งจิติญญา”
แววตาของผู้าุโเป่ยดูเคร่งขรึม และกล่าวว่า “อาวุธส่วนใหญ่จะเป็อาวุธที่ใช้ต่อสู้ทั่วๆ ไป แต่อาวุธของที่นี่มีจิติญญาสถิตอยู่และทรงพลังเป็อย่างมาก”
ผู้าุโเป่ยเดินไปหยิบดาบโบราณ และกล่าวกับหลินเฟิงว่า “เ้านำดาบที่อยู่ด้านหลังของเ้ามาให้ข้า”
หลินเฟิงหยักหน้า จากนั้นได้นำดาบยาวที่แบกไว้ด้านหลังให้ผู้าุโเป่ย
แต่ผู้าุโเป่ยกลับกวัดแกร่งดาบยาว โดยที่ไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาและทักษะ จากนั้นก็ได้ปะทะเข้ากับดาบของหลินเฟิง
“เคร้ง!!!”
เกิดเสียงดังภายในห้องอย่างชัดเจน ดาบที่อยู่ในมือของหลินเฟิงถูกฟันเป็สองท่อน รอยหักของดาบช่างเรียบเนียน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาและทักษะใดๆ แต่กลับทำลายลงได้อย่างงดงาม นี่สิคืออาวุธที่แท้จริง!
“อาวุธของที่นี่ทั้งหมดล้วนเป็อาวุธแห่งจิติญญา แต่คนธรรมดาไม่สามารถ และได้แต่ขโมยไปแล้วกลายเป็เหยื่อ ั้แ่ไหนแต่ไรมาพวกเราไม่เคยให้อาวุธแห่งจิติญญาเหล่านี้ปรากฏสู่สายตาสาธารณชน ั้แ่นี้ต่อไปพวกมันจะเป็ของเ้า”
“เป็ของข้า?” หลินเฟิงประหลาดใจ เพราะผู้าุโเป่ยยังอยู่ที่นี่ แต่กลับจะให้เขาทั้งหมด?
“ใช่ ทุกอย่างที่นี่เป็ของเ้าทั้งหมด” ผู้าุโเป่ยพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็หยิบบางอย่างออกมา มันคือแหวนหินโบราณที่ดูธรรมดาเป็อย่างมาก
“นี่เป็แหวนหินโบราณ ข้างในนั้นว่างเปล่า เพียงแค่หยดเืลงไปมันก็จะเปิดออก เ้าลองดูสิ”
ผู้าุโเป่ยอธิบายและส่งแหวนหินโบราณให้หลินเฟิง
หลินเฟิงทำตามที่ผู้าุโเป่ยอธิบาย เขาใช้ดาบเฉือนปลายนิ้วเล็กน้อย จากนั้นเืสีแดงฉานได้หยดลงบนแหวนหิน เืค่อยๆ ไหลอย่างช้าๆ แล้วทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น
แหวนหินเปล่งประกายแสงออกมา จากนั้นเืก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในแหวนหิน
ในตอนนั้นจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกอันยอดเยี่ยม หลินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองและแหวนหินวงนี้ เป็เหมือนการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ต่อกัน
จิตใต้สำนึกของหลินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองได้เข้ามาภายในแหวนหิน ข้างในนี้มีห้องขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสิ่งของที่เก็บสะสมอีกเป็จำนวนมาก
กลิ่นอายที่คุ้นเคยได้พัดมาตามกระแสลม ทำให้หลินเฟิงถึงกับสั่นเทา
“นี่มัน…?”
รูม่านตาของหลินเฟิงหดลงและหันไปมองผู้าุโเป่ย
“ใช่เ้ารู้สึกไม่ผิด มันเป็กลิ่นอายของหนานกงหลิง ตอนที่ยังมีชีวิตแหวนหินวงนี้เป็ของเขา ตอนนี้เ้าเป็เ้าของแหวนหินนี้แล้ว” ผู้าุโเป่ยมีสีหน้าเคร่งขรึมและจ้องมองไปที่หลินเฟิง “หลินเฟิง ตอนนี้เ้าคือประมุขคนใหม่ของนิกายหยุนไห่”
