“เื่อื่นเ้าอย่าเพิ่งคิดมากเลย ตอนนี้สุขภาพของเ้าต่างหากที่สำคัญที่สุด” กู้เจิงเอ่ย
“ข้ารู้เ้าค่ะ แต่เสด็จแม่ นางรังแกกันมากเกินไป” กู้อิ๋งโมโหมาก
“เื่นี้น้องสามพูดกับข้าที่นี่ก็พอแล้ว ห้ามไปพูดข้างนอกเด็ดขาด” กู้เจิงรู้ว่ากู้อิ๋งในตอนนี้เชื่อใจนางมาก
“ข้าทราบเ้าค่ะ” กู้อิ๋งกำมือแน่น นางยิ้มเจื่อน “เื่นี้ ข้าก็เล่าแค่กับพี่ใหญ่ ส่วนทางท่านพ่อท่านแม่ ข้าไม่กล้าเล่าแม้แต่คำเดียว กับคนอื่น ข้ายิ่งไม่กล้าเล่า” กู้อิ๋งหัวเราะอย่างฝืดเฝื่อน “ช่างน่าขันเสียจริง เสียแรงที่ข้าคิดมาตลอดว่าพระสนมซูปฏิบัติต่อข้าอย่างดี แต่ข้าเข้าจวนอ๋องมายังไม่ถึงปี นางก็ประทานนางกำนัลให้เสียแล้ว”
กู้เจิงเองก็รู้สึกว่าพระสนมซูกระทำไม่เหมาะสม แม้นางจะมีอะไรไม่พอใจกู้อิ๋ง แต่ก็ไม่ควรประทานนางกำนัลมาให้ในเวลานี้ “พระสนมซูเป็พระมารดาของท่านอ๋อง น้องสามอย่าถือโทษโกรธนางเลยจะดีกว่า” กู้เจิงกล่าวเตือนสติ
“นับั้แ่ข้าแต่งเข้าจวนอ๋อง เสด็จแม่ก็ไม่พอใจข้ามาก ขอเพียงตระกูลกู้เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ไม่ว่าเื่เล็กเื่ใหญ่ล้วนโทษข้า แม้แต่เื่ที่องค์ชายสามก่อฏคราก่อนก็ยังโทษข้า” กู้อิ๋งเสียงดังขึ้นอีกเล็กน้อย “ข้าจะทำอันใดได้? เพราะเื่นี้ ข้าถึงได้เสียลูกไป”
กู้เจิงทอดถอนใจ นางรู้ว่าวันนี้กู้อิ๋งมาก็เพราะอยากจะพูดระบายให้คนอื่นฟัง นางจึงนั่งฟังอย่างเงียบๆ
หนึ่งชั่วยามต่อมา เมื่อกู้อิ๋งพูดจนพอใจแล้วนางถึงค่อยสงบลง
“อารมณ์ดีขึ้นบ้างไหม?” กู้เจิงถาม
“ดีขึ้นบ้างแล้วเ้าค่ะ ขอบคุณพี่ใหญ่มากที่ทนฟังข้าบ่น” หลังกู้อิ๋งระบายปัญหาทุกอย่างจนจบ นางก็รู้สึกสบายขึ้น แม้จะรู้สึกอับอายขายหน้าอยู่บ้าง แต่นางเห็นพี่ใหญ่ตั้งใจฟังด้วยความเป็ห่วง นางก็นึกซึ้งใจ
“เ้าเป็น้องสาวของข้า หากเ้ามีเื่ในใจก็ควรมาหาข้าเพื่อระบายออกมา” กู้เจิงพูดยิ้มๆ
แม่เฒ่าซุนอมยิ้มน้อยๆ เมื่อได้เห็นทั้งสองพี่น้องดูรักใคร่กัน
“พี่ใหญ่ ข้าต้องไปแล้ว ยังต้องแวะไปส่งของขวัญให้บุตรชายคนโตของหลู่อ๋องที่จวนหลู่อ๋องด้วย”
“หลู่อ๋อง? องค์ชายรองออกมาแล้วหรือ?” กู้เจิงประหลาดใจ
“ที่องค์ชายสามเสี่ยนอ๋องพ่ายแพ้ เื่ในปีนั้นก็พลิกคดีแล้ว ฮ่องเต้ทรงรู้สึกผิด จึงปรับปรุงจวนให้องค์ชายรองใหม่ ทั้งยังแต่งตั้งสาวใช้ที่ให้กำเนิดบุตรชายเป็พระชายารอง” พูดจบ กู้อิ๋งก็แค่นเสียงเย็น “พระชายารองที่แต่งตั้งใหม่นั้น ข้าเคยพบในวังหลวงมาก่อน เทียบกับพี่สะใภ้รองคนเดิมแล้วยังเทียบไม่ติด คนหนึ่งเป็เมฆบนท้องนภา อีกคนเป็โคลนตมในดิน ไม่คู่ควรกับการมาเป็พี่สะใภ้รองจริงๆ”
กู้เจิงรู้ว่ากู้อิ๋งกับพี่สะใภ้รองคนเดิมมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน นางนึกถึงพระชายารองที่ยิ้มแย้มงดงามราวกับดอกท้อคนนั้น ซึ่งสุดท้ายก็เลือกจบชีวิตตัวเองด้วยน้ำมือของตนเอง
กู้เจิงเดินไปส่งกู้อิ๋งถึงหน้าประตู แล้วจึงกลับห้องเพื่อพักผ่อน
เมื่อนางลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าก็มืดแล้ว นางเห็นแผ่นหลังสูงโปร่งของเสิ่นเยี่ยนกำลังนั่งเขียนพู่กันอยู่
“ตื่นแล้วหรือ?” เสิ่นเยี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาทางด้านหลัง “ดูจากท่าทางของเ้า น่าจะไม่เป็ไรแล้ว”
“หลายวันมานี้ทำให้ท่านเป็ห่วงแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงถอนหายใจ
“อากาศไม่ปกติ ต่อไปในบ้านต้องเตรียมยาไว้ถึงจะดี” เขาชี้ไปที่ยาบนโต๊ะที่ไปเอามาจากหมอหลวงจาง
พอกู้เจิงเห็นยาห้าชุดบนโต๊ะ ใบหน้าเล็กๆ ก็ยับยู่ยี่ทันที
เห็นท่าทางของภรรยาแล้ว เสิ่นเยี่ยนก็ยิ้มขำ “พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อผลไม้แช่อิ่มมาให้เ้า จะได้เอามากินล้างปาก หลังกินยา”
กู้เจิงยิ้มรับ “จริงสิ เมื่อกลางวันน้องสามแวะมา นางบอกว่าองค์ชายรองออกมาจากสุสานหลวงแล้ว และวันนี้ก็เป็วันอายุครบหนึ่งปีของลูกชายคนโตขององค์ชายรอง นางจึงต้องไปมอบของขวัญให้ แล้วท่านไม่ต้องไปหรือเ้าคะ?”
“่หลายวันนี้คาดว่าในจวนขององค์ชายรองจะมีผู้คนหลั่งไหลมาเป็สาย ยังไม่ถึงคราวของบัณฑิตสำนักราชเลขาเล็กๆ อย่างข้าจะไปคารวะ” เสิ่นเยี่ยนตอบเรียบๆ
กู้เจิงสวมเสื้อคลุมตัวนอกก่อนก้าวขาลงจากเตียงเดินเข้าไปใกล้เขา เพื่อดูว่าเขากำลังเขียนอะไรอยู่ แม้นางจะไม่เข้าใจตัวอักษรทุกตัว แต่นางดูรู้ว่าฝีพู่กันของเสิ่นเยี่ยนสวยมาก “นี่คือสาส์นกราบทูลที่เปิดโปงความผิดของขุนนางในราชสำนักหรือเ้าคะ?”
“นี่คือคนที่องค์รัชทายาท้าเปิดโปง” เสิ่นเยี่ยนพูดเสียงเรียบ
“ดังนั้นองค์รัชทายาทจึงให้ท่านออกหน้างั้นหรือเ้าคะ?”
เสิ่นเยี่ยนฟังออกถึงเสียงที่เป็ห่วงของกู้เจิง เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าแค่ร่างเท่านั้น คนออกหน้าจะเป็อีกคนหนึ่ง”
“คนที่องค์รัชทายาท้าจัดการดูเหมือนว่าไม่ได้มีเพียงคนเดียวนะเ้าคะ” กู้เจิงนั่งลงอ่านเนื้อหาตรงหน้า แม้จะรู้ตัวอักษรหลายตัวแล้ว แต่บางตัวนางก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
“คนเหล่านี้ล้วนเป็ขุนนางเก่าขององค์ชายสาม” เสิ่นเยี่ยนบอก
“นี่้าตัดรากถอนโคนแล้วสินะเ้าคะ” กู้เจิงเอนศีรษะพิงไหล่สามี ในใจก็ทอดถอนใจ ั้แ่สมัยโบราณจนถึงทุกวันนี้ ต่อให้เป็ยุคสมัยที่เปิดกว้างรุ่งเรือง หากยืนผิดฝั่ง จุดจบก็ย่อมไม่สวยงาม นับแต่โบราณมาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง “ท่านว่า พวกเราอยู่บนเรือลำนี้ถูกแล้วใช่ไหมเ้าคะ?”
“พวกเราแค่อาศัยเรือนี้ข้ามแม่น้ำเท่านั้น”
กู้เจิงเงยหน้ามองเขา หมายความว่าอย่างไร?
เสิ่นเยี่ยนยกยิ้ม “ต่อไปเ้าก็จะรู้เอง”
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น มีฝนตกลงมาอย่างหนัก
ตอนที่กู้เจิงตื่นนอน เสิ่นเยี่ยนก็ออกไปทำงานแล้ว
ซู่หลันคอยปรนนิบัติกู้เจิงให้ทานอาหารเช้า “นายหญิง วันนี้จะมีคนงานสองคนเข้ามาในจวน พวกเขาจะมารับผิดชอบดูแลสวนด้านนอกและในสวนดอกไม้เ้าค่ะ”
กู้เจิงพยักหน้ารับรู้ “จริงสิ ถ้าในจวนต้องทำพวกงานไม้หรือตีเหล็ก เ้าก็ไปหาบ้านหญาติที่เป็ลูกพี่น้องของนายท่านได้”
“เ้าค่ะ วันนี้นายหญิงจะออกไปข้างนอกไหมเ้าคะ?”
“ไม่ได้ไปหอสมุดมาหลายวันแล้ว วันนี้ว่าจะออกไปดูสักหน่อย”
“เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมรถม้าเ้าค่ะ”
รถม้าที่นางได้มากับจวนหลังใหม่มีขนาดใหญ่กว่ารถม้าคันเดิมมาก และยังมีการสลักคำว่า ‘จวนเสิ่น’ ไว้ด้วย
กู้เจิงแวะไปที่บ้านตระกูลเสิ่นก่อน หลายวันมานี้นางไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่สามีเลย แต่พอรถม้าของนางเพิ่งจะเลี้ยวเข้าตรอก รถม้าของตระกูลเสิ่นก็ขับสวนออกมาพอดี
กู้เจิงที่กำลังเลิกม่านมองไปด้านนอกพอดี จึงรีบเอ่ยทักทายพ่อสามีที่กำลังขับรถม้าอยู่ “ท่านพ่อ”
นายหญิงเสิ่นเลิกม่านขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคย “อาเจิง ร่างกายของเ้าดีขึ้นแล้วหรือ?”
“ดีขึ้นแล้วเ้าค่ะ พวกท่านจะไปไหนันเ้าคะ?” กู้เจิงเห็นพวกเขาแต่งตัวอย่างดี คงจะออกไปข้างนอก
“จะไปไหนได้ ก็ไปหาเ้าน่ะสิ ชุนหงบอกว่าเ้าไม่สบาย ข้ากับสามีเป็ห่วง จึงจะไปหาเ้า” นายท่านเสิ่นมองลูกสะใภ้ “เ้าผอมลงนะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
กู้เจิงก้าวขึ้นรถม้าของพ่อแม่สามี พอถึงบ้านตระกูลเสิ่น นางก็อธิบายสาเหตุที่ป่วยให้พวกเขาฟัง
“ตอนแรกหมอหลวงจางเคยบอกไว้ว่าอาการปวดหัวของเ้าต้องดูแลให้ดี อาเยี่ยนก็สะเพร่าเหลือเกิน ทั้งๆ ที่รู้ว่าเวลาอากาศเปลี่ยนอาการจะยิ่งหนักขึ้น ทำไมไม่รู้จักจะเตรียมยาให้เ้าไว้ก่อน” นายหญิงเสิ่นรู้สึกปวดใจนัก
“ท่านพี่ได้ช่วยเตรียมไว้ให้ข้าแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงรีบเอ่ยช่วยสามี
“จะกินอาหารเที่ยงที่บ้านไหม?” นายหญิงเสิ่นถาม
“ไม่ล่ะเ้าค่ะ ข้ายังต้องไปดูที่ที่จะเปิดหอสมุดใหม่ทางทิศตะวันออกของเมืองกับลุงหม่าเ้าค่ะ” กู้เจิงบอก
“อย่าหักโหมเกินไปล่ะ”
“ท่านแม่วางใจได้ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเ้าค่ะ”
“ท่านยังยืนอยู่ตรงนี้เอาแต่ฟังพวกเราคุยกันอีก” นายหญิงเสิ่นหันไปพูดกับสามี “เอาเส้นหมี่ หน่อไม้ และผักจี้ไช่* ที่เพิ่งเก็บมาใหม่ทั้งหมดไปไว้ในรถม้าของอาเจิงสิเ้าคะ”
“ดูข้าสิ ลืมเื่นี้ไปเสียได้ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” นายท่านเสิ่นรีบออกไปทำตามคำสั่ง
นายท่านเสิ่นที่เพิ่งจะก้าวออกไปจากห้องร้องทักทายเสียงดัง “พี่รอง พี่สะใภ้รอง พวกท่านมาได้ยังไง?”
“น้องสี่ เ้าอยู่บ้านสินะ? เรามีเื่จะคุยกับเ้าและน้องสะใภ้สี่” ทั้งสามคนก้าวเข้ามาในบ้าน
ป้ารองเมื่อเห็นกู้เจิงก็ยิ้มทัก “อาเจิงก็อยู่ด้วยหรือ พอดีเลย พอดีเลย”
นายหญิงเสิ่นรีบไปหยิบถ้วยชามาต้อนรับแขก
“ท่านป้ารองมีธุระอะไรหรือเ้าคะ?” กู้เจิงถาม
“บางที ข้ารู้สึกเกรงใจที่จะเอ่ยปากจริงๆ” ป้ารองยิ้มอย่างกระดากอายอยู่บ้าง
“มีอะไรน่าเกรงใจ พวกเราล้วนเป็คนในครอบครัวเดียวกัน” นายท่านเสิ่นกล่าว