เป็เช่นนี้แล้วยังคิดจะเข้าร่วมการสอบระดับอำเภออยู่หรือ?
ถ้อยคำที่เ้าพนักงานนำกลับมาเหนือความคาดหมายของเ้าเมืองอวี๋ ทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดีไปชั่วขณะ
มองเฉิงชิงแล้วนึกไปถึงบุตรชายในบ้านที่เกียจคร้านผู้นั้นแล้ว เ้าเมืองอวี๋พลันรู้สึกขยะแขยง
หากอวี๋ซานมีความใฝ่ดีสักครึ่งของเฉิงชิง เขายังมีอะไรที่ต้องกังวลอีกเล่า?
แต่ที่เฉิงชิงโตเป็ผู้ใหญ่ทั้งที่ยังอายุน้อย เป็เพราะบิดาด่วนจากไป บุตรที่บิดาเสียชีวิตถึงจะทุ่มสุดชีวิตขนาดนี้——
ถุยๆๆ !
เ้าเมืองอวี๋ลอบถ่มน้ำลาย ใกล้จะสิ้นปีแล้ว เขามีความคิดอัปมงคลเช่นนี้ได้อย่างไร
“ใต้เท้า…”
“สามารถรับปากเขาได้ แต่ตำราก็ต้องส่งมาให้ข้าดูผ่านตาให้มั่นใจว่าไม่มีโพยจึงจะได้!”
เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเกิดเื่ใหม่ขึ้นมา ที่จริงแล้วเ้าเมืองอวี๋สามารถไม่รับปากได้
แต่ตัวเขาเองก็ก้าวข้ามหลุมในใจไปไม่ได้ ที่เฉิงชิงและบุตรชายของเขาเป็ไม้เบื่อไม้เมากันเป็เื่ที่ทุกคนล้วนรู้ดี อวี๋ซานถูกสถานศึกษาสั่งกลับบ้าน เขาก็หันไปกักบริเวณครอบครัวเฉิงชิง ผู้ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงก็อาจคิดไปว่าเขาใช้อำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตน ระบายความโกรธแค้นแทนลูกชาย
เป็เพราะอวี๋ซานไม่ได้เรียน เลย้าให้เฉิงชิงไม่มีตำราให้ท่องไปด้วยจริงๆ น่ะหรือ?
เ้าเมืองอวี๋ถามตนเองว่ายืนตรงไม่กลัวเงาเอียง ผู้อื่นจะมองอย่างไรนั้นไม่ต้องสนใจ เขากลับชื่นชมความเยือกเย็นของเฉิงชิงอยู่หลายส่วน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังไม่ละทิ้งความคิดที่จะเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอในปีหน้า เฉิงชิงยืนกรานเชื่อมั่นว่าเฉิงจือหย่วไร้ความผิด... แต่ถึงจะเยือกเย็นอย่างไรก็ยังเป็เป็เด็กหนุ่มครึ่งตัววัยสิบสามสิบสี่ปีผู้หนึ่ง จะสามารถยึดมั่นในการเล่าเรียนภายใต้สภาพแวดล้อมที่กดดันได้จริงหรือ?
เ้าเมืองอวี๋วางแผนจะช่วยเหลือเฉิงชิงให้ประสบความสำเร็จ เป็การให้โลกภายนอกเห็นถึงความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ไร้ประโยชน์ส่วนตนของเขา
ข่าวบ้านโลงศพถูกปิดตาย ส่วนเฉิงชิงและคนในครอบครัวถูกกักบริเวณแพร่กลับไปยังสถานศึกษาหนานอี๋นานแล้ว เ้าสถานศึกษาถอนหายใจ บรรดาอาจารย์ต่างรู้สึกเสียดายแทนเฉิงชิง
“เหตุใดถึงต้องเป็ยามนี้ด้วย?”
เดิมคดีถูกเตะถ่วง เช่นนั้นก็เตะถ่วงให้นานอีกหน่อยสิ
ปีหน้าเฉิงชิงมีความหวังที่จะสอบผ่านซิ่วไฉมาก มีคุณวุฒิ ‘ซิ่วไฉ’ แล้ว เมื่อพบและกล่าวคำต่อขุนนางก็มีความมั่นใจขึ้นแล้ว
เมื่อล่าช้าเช่นนี้ เฉิงชิงก็ทำใจสงบไม่ได้แล้ว
เมื่อแรกเริ่มบรรดาอาจารย์ต่างก็ไม่ได้มองเฉิงชิงในแง่ดีนัก ยามนางสอบเข้าสถานศึกษา คะแนนก็อยู่ในระดับกลาง ไม่โดดเด่นเลยแม้แต่น้อย
แต่ผ่านไปได้ครึ่งปี เฉิงชิงสามารถติดสิบอันดับแรกของห้องเรียนตัวอักษรติงแล้ว บรรดาอาจารย์เห็นถึงศักยภาพของนาง และยิ่งยอมรับท่าทีการศึกษาของนาง
เหล่าสหายร่วมเรียนพูดคุยถึงเื่นี้อย่างต่อเนื่อง เพราะชุยเยี่ยนสนิทกับเฉิงชิง พวกเขาต่างก็หาตัวชุยเยี่ยนเพื่อสอบถามข่าวคราว
ตัวชุยเยี่ยนเองก็ร้อนใจ
วันนั้นเขาเองก็ไปจุดธูปที่บ้านโลงศพ เฉิงชิงขอลาหยุดหนึ่งวัน ส่วนเขาลาแค่ครึ่งวัน กล่าวได้ว่ารีบไปรีบกลับ
ใครจะไปรู้ว่าหลังจากเขาไปแล้ว เ้าเมืองอวี๋จะพาคนมาปิดตายบ้านโลงศพ อีกทั้งขังครอบครัวเฉิงชิงเอาไว้
หลายวันนี้ชุยเยี่ยนคอยสอบถามข่าวคราว เ้าหน้าที่เ่าั้ไม่กล้ารับเงิน จึงกลายเป็เื่ที่ค่อนข้างยุ่งยากแล้ว
หากให้ที่บ้านช่วยล่ะ?
แม้ตระกูลชุยจะเป็พ่อค้า ทำการค้าใหญ่โตจะไม่มีความสัมพันธ์กับทางการไปได้อย่างไร ทุกปีต้องใช้เงินก้อนโตเพื่อรักษามิตรภาพ ดังนั้นตระกูลชุยจึงพอมีเส้นสายอยู่บ้าง
เขาเพิ่งจะตัดสินใจยืมกำลังของที่บ้านมาช่วยเหลือ โชคดีที่เ้าเมืองอวี๋สั่งให้คนมายังสถานศึกษาเพื่อเก็บตำราที่เฉิงชิงใช้เป็ประจำไปพอดี
ชุยเยี่ยนตระหนักถึงโอกาสอันดีนี้ในทันที อาสาจะไปช่วยส่งหนังสือให้เฉิงชิง
อาจารย์ผู้สอนก็ไม่ได้ขัดขวาง รีบฉวยโอกาสจัดบทเรียนให้เฉิงชิงไม่น้อย
สหายร่วมห้องพักของชุยเยี่ยนดึงเขามาด้านข้าง
“เ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร เวลาแบบนี้ทุกคนต่างหลีกเลี่ยง เ้ากลับจะเดินขึ้นหน้าเข้าไปใกล้ ข้ายอมรับว่าเฉิงชิงไม่เลวเลย เป็สหายร่วมห้องเรียนเขาสบายใจนัก แต่มลทินของบิดาเขานั้นชัดเจน คิดจะเป็สหายร่วมห้องเรียนกับพวกเราก็ไม่ได้แล้ว อีกอย่าง เ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าในนี้ไม่มีการล้างแค้นของตระกูลอวี๋รวมอยู่ด้วย... ชุยเยี่ยน ครอบครัวเ้าส่งเ้ามายังสถานศึกษาหนานอี๋เพื่อให้เ้าทำสิ่งใด?”
ครอบครัวส่งเขามายังสถานศึกษาหนานอี๋เพื่อให้ทำสิ่งใด?
แน่นอนว่าฝากความหวังให้เขาสอบเข้ารับราชการเป็ขุนนาง!
แม้เขาจะเป็บุตรชายภรรยาเอกของตระกูลชุย เกิดมาต้องสืบทอดกิจการครอบครัว แต่บิดาเขาก็มีอนุหน้าตางดงามอยู่ไม่น้อย เพิ่มพี่ชายน้องชายต่างมารดาให้เขามากมาย
บุตรชายอนุต้องเป็ดั่งแขนขาของบุตรชายภรรยาเอก บุตรชายภรรยาเอกมีความสามารถจึงจะดี
กลับกันหากบุตรชายภรรยาเอกไร่สมองและขี้ขลาด บุตรชายอนุก็จะแย่งชิงทรัพยากรของบุตรชายภรรยาเอกไป
เื่ได้ประโยชน์เสียประโยชน์เหล่านี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจ
เขาเข้าใจกว่าผู้อื่นนัก ดังนั้นเมื่อมาถึงสถานศึกษาจึงทำตัวดี ไม่กล้าออกความคิดเห็น ผู้อื่นจะมองเขาว่าเป็คนโง่ที่มีเงินเยอะก็ไม่เป็ไร รอเขาสอบได้คุณวุฒิซิ่วไฉแล้วจึงจะเป็เวลาปลดปล่อยตนเอง——แต่ถึงจะเข้าใจเื่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ เขาก็ยังอยากเข้าใกล้เฉิงชิงอยู่ดี
ถ้อยคำที่สหายร่วมห้องพักโน้มน้าวเขานั้นถูกต้องแล้ว ตระกูลชุยเป็เพียงตระกูลพ่อค้า ราชสำนักจะตรวจสอบตระกูลเฉิงก็ดี เ้าเมืองอวี๋้าอำนาจส่วนรวมแก้แค้นส่วนตนจัดการเฉิงชิงก็ช่าง เื่นี้ไม่ใช่เื่ที่เขาจะไปยุ่งได้
แต่ถ้าจะให้เขาไม่ทำอะไรเลย ชุยเยี่ยนก็ทำไม่ได้จริงๆ
“เ้าคอยดูสิ เฉิงชิงไม่มีทางที่จะล้มอย่างง่ายดายเพียงนี้ พวกเราสัญญากันไว้แล้วว่าปีหน้าจะไปเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอด้วยกัน!”
ช่างเถอะ ชุยเยี่ยนมีคุณธรรมน้ำมิตร ผู้ที่มีเจตนาดีโน้มน้าวจะกลายเป็คนถ่อย สหายร่วมห้องพักไม่ขัดขวางแล้ว ปล่อยให้เฉิงชุยไปทรมานเอง
ชุยเยี่ยนลงเขาไปพร้อมกับเ้าหน้าที่ ได้พบกับเ้าเมืองอวี๋
“เ้าเป็ใคร?”
“ศิษย์คือสหายร่วมห้องเรียนของเฉิงชิงขอรับ ได้รับการฝากฝังจากท่านเ้าสถานศึกษาและอาจารย์ให้ไปพบเฉิงชิงด้วยตนเองสักครั้ง เหล่าอาจารย์มีถ้อยคำจะฝากถึงเขาขอรับ”
เ้าเมืองอวี๋ส่งเสียงฮึ่ม ขุนนางผู้มีอำนาจเหลือล้นไม่กล่าวคำ
ชุยเยี่ยนไม่ได้ค้อมตัวลงด้วยความเกรงกลัว
ก็แค่เ้าเมืองไม่ใช่หรือ?
ยามเขาอยู่บ้านได้เคยไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับบิดามาก่อน มีอะไรน่ากลัวกัน ก็เป็คนมีหนึ่งปากสองตาเหมือนคนทั่วไป
เ้าเมืองอวี๋พลิกอ่านตำราที่สถานศึกษาส่งให้เฉิงชิง ไม่ปรากฏโพย แต่การจดหมายเหตุนี้ละเอียดดีจริงๆ
เ้าเมืองอวี๋เองก็มีพื้นเพเป็บัณฑิตจิ้นซื่อ ลืมสิ่งเหล่านี้ไปนานแล้ว ทว่าสายตายังดีอยู่ สถานศึกษาหนานอี๋สามารถโด่งดังขึ้นมาได้ใน่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปีก็เพราะสามารถสั่งสอนศิษย์ได้ ข้อโต้แย้งพื้นฐานของตำราขงจื๊อสอนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เขาด่วนตัดสินไปว่าเป็เพราะอาจารย์ที่เชิญมาสอนบุตรชายมีระดับความรู้ไม่พอ
เมื่อคิดถึงท่าทางเกียจคร้านของบุตรชายแล้วเ้าเมืองอวี๋ก็ไม่มีความสนใจที่จะพลิกตำราอีก ลั่นกลองประกาศออกไป ยินยอมให้ชุยเยี่ยนไปตรอกหยางหลิ่วเพื่อส่งตำราให้เฉิงชิงพร้อมเ้าหน้าที่
ชุยเยี่ยนมักจะเป็ผู้ที่เมื่อผู้อื่นถอยหลังหนึ่งฉื่อ เขาก็จะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งจั้ง เมื่อเดินไปบนถนนถูกลมพัด นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้มือของเฉิงชิงมีอาการหิมะกัด
“ไม่รู้เหมือนกันว่าภายในบ้านของเฉิงชิงจะมียาทารักษาอาการหิมะกัดหรือไม่…”
ฤดูหนาวของอำเภอหนานอี๋ไม่มีหิมะตก ความหนาวเหน็บอึมครึมยากที่จะทานทนได้กว่ามีหิมะตกนัก
ชุยเยี่ยนเก็บรวบรวมของรอบหนึ่ง ไม่เพียงซื้อยาทาแก้อาการหิมะกัด ยังมียาสามัญประเภทเม็ด ยาสลายนิ่ว ทั้งยังซื้อเสื้อผ้าฝ้ายหนาๆ อีกหลายตัว หากไม่ใช่ว่าเ้าหน้าที่ขัดขวาง เขาก็ยังอยากจะให้ร้านถ่านไฟส่งถ่านเงินน้ำค้างแข็งไปให้ตระกูลเฉิงสักหลายร้อยจิน
เขาซื้อของเหล่านี้แต่ก็ไม่ได้แตะต้องเองเลย ร้านค้าเป็เ้าหน้าที่เลือก สิ่งของก็เป็เ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีปัญหาจึงจะได้
เ้าอ้วนนี่ช่างน่ารำคาญเสียจริง!
ยังจะซื้อถ่านเงินน้ำค้างแข็ง ไม่พูดไปเลยล่ะว่าจะซื้อสาวใช้สองคนไปปรนนิบัติรับใช้... ครอบครัวเฉิงชิงเป็ครอบครัวขุนนางต้องโทษ ถูกกักบริเวณ ไม่ได้มีชีวิตอย่างสะดวกสบายที่ตรอกหยางหลิ่วเข้าใจไหม?
รอเฉิงชิงได้พบชุยเยี่ยนแล้วก็ได้ยินเ้าอ้วนบ่นว่า
“แม้แต่ถ่านก็ไม่ให้ส่ง เช่นนี้้าให้พวกเ้าแข็งกันหมดแล้ว!”
การพบกันของทั้งสองคน ข้างกายยังมีเ้าหน้าที่พกดาบยืนอยู่หลายนาย เื่ที่ไม่ควรเอ่ยก็ห้ามเอ่ยแม้แต่ประโยคเดียว
ที่จริงแล้ว เฉิงชิงก็ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดี
พ่อค้าไล่ตามผลประโยชน์ย่อมเข้าใจที่จะวิ่งหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงภัยอันตราย
คาดไม่ถึงว่ายามนี้ชุยเยี่ยนยังกล้ามายืนอยู่ต่อหน้านาง... สหายผู้นี้ไม่ใช่เพื่อนกินธรรมดาแล้ว
