ภายในห้องตอนนี้เงียบยิ่งกว่าป่าช้า
ไม่มีใครกล้าเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยินเมื่อครู่นี้เลย
เ้าชายของอาณาจักรคนนั้นเพิ่งถูกด่าอย่างกับหมูกับหมาไป
หลินหยางดีดตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเฉินเฉาเกอที่กำลังยืนอึ้งอยู่นั่น
“ตระกูลเวินไม่ต้อนรับหมาบ้าที่ไล่กัดคนไปทั่วแบบนี้ ให้เวลาหนึ่งนาที รีบไสหัวออกไปเองเสียไม่อย่างนั้นข้าจะถีบเ้าออกไปแทนพี่ของเ้าเอง!!”
ไอ้หยา
คำพูดนี้ทำเอาหลินเวยถึงกับหน้าถอดสีไปแล้ว
ทำไมเขารู้สึกว่าเ้าหลินอี้นี่ดูสมเป็เ้าชายยิ่งกว่าตัวเขาเองอีกนะแรงกดดันนั่นทำให้เขารู้สึกอีกครั้งว่า หลินอี้นี่เหมือนกับพ่อของเขาหลินเฮ่ายวนเสียจริงๆ
เหล่าผู้าุโทั้งหลายเองก็อึ้งไปเช่นกัน
ผู้าุโหลินผู้นี้อายุน้อยแต่ห้าวหาญสุดแสนสมคำร่ำลือจริงๆตอนงานเทศกาลก็เปิดฉากสังหารอย่างอุกอาจโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงมาแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะถึงขั้นกล้าด่าคนที่มีศักดิ์เป็เ้าชายของอาณาจักรด้วย!!
นั่นมันเป็คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของอาณาจักรชูอวิ๋นเลยนะ!!
ไม่แปลกที่พวกเขาจะคิดว่าท่าทีของหลินหยางนั้นจะดูสามหาวเกินไปเพราะพวกเขายังไม่รู้ว่าตระกูลเวินนั้นมีสุดยอดสมบัติวิเศษเก็บซ่อนเอาไว้อยู่พวกเขาตอนนี้ยังคงคิดแค่ว่าตระกูลเวินเป็แค่ตระกูลที่ได้รับเกียรติจากราชวงศ์โดยบังเอิญเท่านั้น
หลังจากที่เฉินเฉาเกออึ้งไปได้สักพัก ก็ยิ้มขึ้นมาทันที
แต่คราวนี้รอยยิ้มของเขานั้นดูอำมหิตจนไม่ว่าใครก็ดูออก
“หลินอี้...เ้ากล้าลงมือกับข้าหรือ?” น้ำเสียงของเฉินเฉาเกอเริ่มสั่นเล็กน้อย ซึ่งเป็การสั่นที่เกิดจากการที่เขาพยายามสะกดจิตสังหารเอาไว้อย่างสุดกำลังอยู่
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าหลินอี้จะเป็ฝ่ายเริ่มหาเื่ก่อนแบบนี้เป้าหมายหลักของเขาที่มาในวันนี้คือหลินเวย แต่ถ้าหลินอี้มันกล้าลงมือกับเ้าชายจริงๆละก็ อย่างนั้นก็เข้าทางเขาพอดีเขาจะได้ใช้เป็ข้ออ้างในการสังหารศัตรูที่ฆ่าบิดาของตนได้
เขามองไปทางหลินอี้ด้วยสีหน้าหาเื่สุดขีด “หลินอี้ เ้ามันก็แค่ชาวบ้านธรรมดาๆแค่สิทธิที่จะพูดกับข้าเ้ายังไม่มีเลย อย่างเ้านี่นะจะมาทำร้ายข้า? บอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าเ้าบังอาจลงมือทำร้ายข้าแม้แต่ปลายเล็บละก็จะถือว่าเ้าคิดฏต่อราชสำนัก ต้องโทษปะาเจ็ดชั่วโคตร!!”
ดูภายนอกเหมือนเขากำลังข่มขู่หลินหยางอยู่แต่ภายในใจกลับกำลังร่ำร้องว่า
มาสิหลินอี้ ลงมือเลยสิ!!
ถ้าเ้าลงมือละก็ข้าจะได้ฆ่าแกทิ้งให้คนเหล่านี้ได้เห็นกันซึ่งๆ หน้าไปเลย!!
เหล่าผู้าุโที่อยู่ในห้องตอนนี้กำลังงงกับพฤติกรรมของเฉินเฉาเกอในวันนี้มากเขาดูแตกต่างจากตอนปกติที่เป็องค์ชายเก้าแสนอ่อนโยนและองอาจคนนั้นอย่างกับคนละคน
แต่คงไม่มีใครในที่นี้รู้เลยว่า หลินหยางอยากเปิดศึกยิ่งกว่าเฉินเฉาเกอเสียอีก!!
ในใจของหลินหยางตอนนี้กำลังลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงแห่งการฆ่าฟัน
แม่มันเถอะ
ข้ารอวันนี้มานานแสนนานแล้ว!!
ข้ารู้ว่านี่เป็แผนลวงของเ้า เฉินเฉาเกอคิดจะให้ข้าลงมือก่อนจะได้มีข้ออ้างในการสังหารคนได้อย่างถูกต้องสินะ
ข้ารู้ว่าเ้าแอบซ่อนพลังบางอย่างที่ทรงพลังเอาไว้!!
แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถลงมือฆ่าคนต่อหน้าคนจำนวนมากแบบนี้ได้
แต่ข้าหลินหยางไม่ชอบท่าทางโอหังแบบนั้นของเ้าเสียเลยตระกูลเวินผู้นำหายนะอะไรของเ้า อำนาจของราชสำนักอย่างนั้นหรือ?
ไร้สาระ วันนี้ข้าจะกระทืบเ้าให้ต้องหนีกลับไปนอนซมรอความตายเป็หมาเน่าๆตัวหนึ่ง!!
ในใจของทั้งสองนั้นไม่รู้ว่าฆ่าอีกฝ่ายในจินตนาการไปแล้วกี่หมื่นครั้งเปลวเพลิงแห่งความกระหายการต่อสู้กำลังลุกโชนได้ที่
หลินหยางเดินไปทางประตูของห้องเมฆาร่วงโรยพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเ็าดุจน้ำแข็งว่า“เก็บแรงไว้เถอะไม่ต้องพูดเื่ไร้สาระพรรค์นั้นหรอก ถ้าเ้าไม่คิดจะไสหัวออกไปเอง อย่างนั้นก็มาเถอะข้าจะถีบเ้าออกไปให้เอง!!”
พอพูดจบ หลินหยางก็เดินออกไปนอกห้องก่อนทันที
เฉินเฉาเกอเองก็พยายามเก็บความตื่นเต้นและจิตสังหารของตัวเองเอาไว้สุดชีวิตพร้อมกับเดินตามหลินหยางออกไปข้างนอกห้อง
เขาตอนนี้กำลังร่ำร้องอยู่ในใจว่า ‘ท่านพ่อ ลูกกำลังจะแก้แค้นให้ท่านแล้ว!!’
‘ลูกจะฆ่าไอหลินอี้นี่ซะ!!’
เหล่าผู้าุโที่เหลืออยู่ในห้องมองตามหลังพวกเขาทั้งสองเดินออกไปโดยที่ตัวพวกเขาเองก็ไม่คาดคิดเลยว่าเื่ราวมันจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้
“องค์ชายสอง เื่นี้มัน... ท่านว่า....”
ทุกคนต่างหันสายตากลับมาจับจ้องไปทางหลินเวย อย่างไรเขาก็เป็คนที่มีตำแหน่งสูงสุดในห้องแห่งนี้แล้ว
แววตาของหลินเวยสั่นวูบถึงเขาเองก็อยากจะใช้โอกาสนี้ในการกำจัดท่าทีของหลินหยางที่อยู่ๆ ก็เกิดเป็บ้าขึ้นมาก็ตาม
เขามองไปทางเวินติ่งเทียนพร้อมกับพยักหน้าว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้าุโหลินเป็คนสั่งสอนน้องชายของข้าสักหน่อยก็แล้วกัน”
ซึ่งทุกคนก็ล้วนเห็นด้วยกับความคิดนี้
เวินติ่งเทียนจึงโบกมือสั่งการออกไปว่า “งานเลิกแล้ว ส่งแขก!!”
..................................
หลังจากผ่านไปไม่นาน
ณ ลานกว้างด้านหน้าห้องเมฆาร่วงโรยแห่งนี้เหลือแค่เพียงขุนนางข้าราชการระดับที่สูงที่สุดสองคนกับเ้าชายลำดับที่สองหลินเวยเท่านั้น
แม้แต่รัฐมนตรีทั้งหกหน่วยยังต้องถูกเชิญให้กลับไปไม่มีโอกาสได้เห็นการประลองอันแสนดุเดือดที่กำลังจะเกิดขึ้นเลย
ผู้าุโตระกูลเวินผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองอวิ๋นเฉิงในตอนนี้หลินอี้
เ้าชายผู้เป็บุตรของโอรส์แห่งราชสำนักอาณาจักรชูอวิ๋นหลินหยาง
ตอนที่ทั้งสองกำลังยืนอยู่บนสนามประลองพร้อมกันนั้น ภาพที่เห็นราวกับเทพแห่งแสงสว่างและอสูรแห่งความมืดมิดกำลังยืนเผชิญหน้าอยู่ก็มิปานทั้งสองนั้นดูคล้ายกันเป็อย่างมาก ต่างกันแค่กลิ่นอายและบรรยากาศรอบตัวเท่านั้น
เทพแห่งการสังหารอันเืเย็น
อสูรโลหิตสุดโเี้ไร้เมตตา
หลินหยางที่ได้รับสืบทอดพลังอำนาจสูงสุดของจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วมาด้วยนั้นหลักจางฝึกฝนอย่างหนักหนาสาหัส ในที่สุดก็ได้มีโอกาสประมือกับศัตรูคู่อาฆาตของตัวเองแล้ว
จิตสังหารอันเยือกเย็นอำมหิตของเขานั้นถึงขนาดทำให้บรรยากาศรอบตัวเขาประมาณสิบกว่าเมตรแทบจะจับตัวเป็น้ำแข็ง
ส่วนในใจของเฉินเฉาเกอนั้นเต็มไปด้วยความแค้นที่อีกฝ่ายฆ่าพ่อ ล้างตระกูลของเขาทำให้เขามีความคิดที่อยากจะฆ่าหลินอี้ได้มากขนาดนี้
ความกระหายเืของเขานั้นราวกับจะสามารถเปลี่ยนบรรยากาศโดยรอบให้กลายเป็ทะเลเืที่้าจะกลืนกินใส่หลินหยาง
ถึงแม้คนที่ยืนอยู่ในลานกว้างตอนนี้จะเป็เพียงเด็กหนุ่มสองคนที่มีอายุยังไม่ถึงสิบหกปีดีแต่พวกเขากลับสามารถะเิแรงกดดันอันรุนแรงออกมาได้มหาศาลมากจนแม้แต่เหล่ายอดฝีมือระดับสูงสุดของอาณาจักรชูอวิ๋นยังต้องเปลี่ยนสีหน้า
แม้แต่หลินเวยที่ถูกเรียกว่าเป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่วัยรุ่นและเป็คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มสี่ยอดัน้อยนั้นยังต้องรู้สึกใจสั่น
ที่แท้น้องเก้าคนนี้มีพลังมากขนาดนั้นซ่อนอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือนี่!!
ส่วนหลินอี้ผู้าุโตระกูลเวินคนนี้เองก็เป็ยอดฝีมือที่ร้ายกาจไม่แพ้ผู้ใดเลยเหมือนกัน!!
จิตสังหารของทั้งสองคนได้พุ่งไปถึงจุดสูงสุดแล้ว หลินหยางและเฉินเฉาเกอไม่พูดอะไรไร้สาระอีกเปิดฉากเข้าปะทะกันทันที
“ตาย!!”
เฉินเฉาเกอเป็ฝ่ายเริ่มลงมือก่อน
ความแค้นที่ฝังลึกเข้าไปในกระดูกดำของเขานั้นจะต้องใช้กระบวกท่าสังหารที่อำมหิตที่สุดในการฆ่าไอ้สวะนี่เพื่อเป็เครื่องเซ่นไหว้ให้ิญญาของเฉินเย่เซิงผู้เป็พ่อของเขาที่อยู่บนสรวง์
ดาบยาวเล่มหนึ่งโผล่ขึ้นมาอยู่บนมือของเฉินเฉาเกอราวกับัวารีที่โผล่พ้นออกมาจากทะเลเื
“นั่นมัน ‘ดาบัโลหิต’!!” หลินเวยะโขึ้นด้วยความใ
หนึ่งในสมบัติชาติของอาณาจักรชูอวิ๋น ดาบัโลหิตเล่มนี้เป็อาวุธระดับิญญาขั้นสูง หลินเฮ่ายวนกลับมอบมันให้กับเฉินเฉาเกอ
ดาบเล่มนี้เป็ดาบเลื่องชื่อของอาณาจักรชูอวิ๋นเป็ดาบที่หลินเฮ่ายวนเคยใช้ในสมัยที่ยังเป็ผู้สืบทอดราชบัลลงก์อยู่ ซึ่งดาบเล่มนี้เคยทิ่มแทงอริร้ายบนสนามรบมานับหมื่นคนแล้วคมดาบของมันถึงกับถูกคราบเืเปรอะเปื้อนจนกลายเป็สีแดงส่องประกายแวววับ
ซึ่งตอนนี้ดาบัโลหิตเล่มนั้นได้กลับมาโลดแล่นอยู่บนสนามต่อสู้อีกครั้งราวกับหลินเฮ่ายวนมาเองผลจากการฝึกวิชานับครึ่งปีของเฉินเฉาเกอถูกเผยออกมาโดยที่มันไม่คิดจะปิดบัง ประกายแสงสีแดงฉานดุจโลหิตพุ่งทะลวงเข้าใส่หลินหยาง
เพลงดาบยอดเยี่ยม!!!!
ถึงแม้ว่าพฤติกรรมของเฉินเฉาเกอในวันนี้จะดูโอหังจนเป็ที่น่ารังเกียจของผู้คนก็ตามแต่พวกเขาก็ไม่อาจสะกดความรู้สึกชื่นชมที่มีต่อเพลงดาบนี้ได้เลยแม้แต่หลี่จิ้งยังรู้สึกยกย่อง
ส่วนหลินเวยนั้นถึงกับแอบดีใจอยู่เื้ัรู้สึกโชคดีที่ตัวเขาไม่ได้เป็คนลงไปประลองกับน้องชายลำดับที่เก้าของตัวเองเพราะลำพังแค่เพลงดาบกระบวนท่านี้ก็มีพลังระดับเซียนเทียนขั้นท้ายแล้วถ้าหากตัวเองต้องไปรับดาบนี้เกรงว่าคงต้องทุ่มพลังสุดตัวถึงจะรับไหว
แล้วผู้าุโหลินอี้จะรับมือมันอย่างไรเล่า?
สายตาของผู้คนล้วนจับจ้องไปที่หลินอี้
ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถด้านการต่อสู้ของหลินอี้ที่พวกคนรอบข้างรู้นั้นมีแค่เื่ที่หลินอี้สามารถเอาชนะหัวหน้าองครักษ์แห่งเชื้อพระวงศ์ซูิชุนได้แค่นั้นส่วนรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้กันในคฤหาสน์เวินนั้นทั้งหมดล้วนถูกปกปิดเป็ความลับอย่างแ่าดังนั้นพวกเขาจึงคาดเดากันว่าความสามารถของหลินหยางน่าจะอยู่ในระดับประมาณเซียนเทียนขั้นท้าย
เพลงดาบกระบวนท่านี้ หลินหยางไม่น่าจะรับไหว
แต่หลินหยางกลับไม่ได้คิดแบบนั้น
คนอื่นล้วนคิดว่าการต่อสู้ระหวังเขาและเฉินเฉาเกอจะต้องเป็ไปอย่างยากลำบากแน่นอนแต่วันนี้หลินหยางยังไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นกับเ้าโจรชั่วนี่หรอก
สิ่งที่เขา้าก็คือการทำให้มันอับอายจนถึงที่สุด
เมื่ออยู่ต่อหน้าเพลงดาบอันร้ายกาจของเฉินเฉาเกอนั่นหลินหยางเพียงแค่ยกมือข้างซ้ายของตัวเองขึ้นมา จากนั้นก็พูดออกมาเบาๆ ว่า
“วิชาอัญเชิญ... มหาภูผา!!”
กระบวนท่าอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
วิชาอัญเชิญภูผาั์ที่เคยเกือบจะทำให้เฉินผิงคลั่งตายไปแล้วนั่นปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าครั้งนี้หลินหยางได้ทำการจัดเตรียมอุปกรณ์เอาไว้พร้อมกว่าครั้งก่อนมากูเาั์ที่ถูกเรียกออกมานั้นจึงทั้งใหญ่กว่าและหนักกว่าจนน่าสิ้นหวัง
ตูม
ตรงเบื้องหน้าของหลินหยางพลันมีก้อนหินสีดำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นขนาดของมันเท่ากับบ้านสองชั้น หินก้อนนี้คือวัตถุดิบระดับสามสุดแข็งแกร่ง “เหล็กไหลนิลกาฬ”โดยมันมีทั้งความแข็งและน้ำหนักที่มากจน่าใจหาย
ทั่วทั้งสนามถึงกับตกตะลึง
ไม่มีใครรู้เลยว่านี่มันคือวิชามารสุดพิสดารของสำนนักไหน มีแค่คนจำนวนน้อยเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของ“แหวนพระสุเมรุ” เท่านั้นถึงจะรู้ว่าหลินหยางกำลังใช้ความสามารถของอุปกรณ์เสริมในการกลั่นแกล้งผู้คน
เกร้ง
เสียงเหล็กกระทบเสียดสีกันดังขึ้น
เฉินเฉาเกอยืนมองดาบัโลหิตของตัวเองที่เสียบเข้าไปในูเาขนาดย่อมที่อยู่ๆก็โผล่พรวดออกมานี่ ในสมองพลันสับสนมึนงงไปหมด
นี่มันเื่บ้าอะไรกัน!!
มีวิธีต่อสู้กันแบบนี้ด้วยหรือ!!
นี่กะจะเล่นให้ตายเลยใช่ไหม!!
หลินหยางมองเข้าไปในดวงตาของเฉินเฉาเกอที่ตอนนี้กำลังจ้องเขม็งมาทางเขาจนลูกตาแทบจะถลนออกมาแล้วจากนั้นเขาก็ยิ้มมุมปากอย่างเ็า
ใช่แล้ว วันนี้จะเล่นเ้าให้ตายไปเลย
มหาภูผา เก็บ!!
วูบ
เหล็กไหลนิลกาฬขนาดมหึมานั่นถูกเรียกเก็บเข้าไปในแหวนพระสุเมรุแม้แต่ดาบัโลหิตที่เฉินเฉาเกอยังไม่ทันดึงออกไปนั่นก็ถูกเก็บเข้าไปด้วย
โอ้
ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง
เฉินเฉาเกอะเิความโมโหออกมาทันที
“หลินอี้!!!! ไอ้หน้าไม่อาย!!!!”
หลินหยางใช้คางชี้ไปที่เฉินเฉาเกอ พร้อมกับยิ้มอย่างดูถูก “แค่นี้ก็เรียกว่าหน้าไม่อายแล้วหรือ ยังมีหนักกว่านี้อีกนะถ้าเ้ายังไม่ไสหัวไปอีกละก็ ข้าจะทุบเ้าให้ตายเสีย!!”
“ไสหัวแม่เ้าสิ!!”
เฉินเฉาเกอคลั่งขึ้นมาแล้ว
แต่เดิมเขาก็อยากจะฆ่าไอ้หลินอี้นี่เต็มทนอยู่แล้วตอนนี้ยังถูกมันยั่วโมโหอีก
เขาเร่งความเร็วของตัวเองขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดท่าร่างรวดเร็วดุจสายลม ะโสูงขึ้นไปบนฟ้า
เมื่อครู่เขากะขนาดของูเาที่หลินหยางเรียกออกได้แล้วจึงสามารถข้ามเขาลูกนี้ได้สบายๆ พร้อมกับพุ่งเข้าไปหมายจะสังหารศัตรู
ทวนยาวเล่มหนึ่งถูกเรียกออกมาอยู่ในมือเขา แน่นอนว่ามันเป็อาวุธิญญาขั้นสูงเช่นเดียวกัน
สมกับเป็ผู้ที่มีฐานะของเ้าชายจริงๆอาวุธิญญาชั้นสูงที่คนปกติแทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นเลยในชีวิตของพวกเขามันกลับมีในมากกว่าหนึ่งชิ้น
และที่ยิ่งน่าใกว่าก็คือ เพลงทวนกระบวนท่าที่เฉินเฉาเกอใช้ออกมานั้นเป็ท่าที่หลินหยางคุ้นเคยกลับมันมาก...
เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ระดับล่าง กระบวนท่า คลื่นั์!!
หนึ่งในวิชาทวนสุดแข็งแกร่งของหัวหน้าองครักษ์ซูิชุนแม้มันถูกใช้ออกโดยเฉินเฉาเกอ แต่พลังอำนาจของมันก็ไม่ได้ด้อยกว่าซูิชุนเลยหรือบางทีอาจจะเหนือกว่าไปแล้วด้วยซ้ำ
เฉินเฉาเกอนี่นับเป็ผู้มีพร์ด้านวรยุทธ์โดยแท้จริงนอกจากจะมีฝีมือดาบที่ยอดเยี่ยมแล้ว เพลงทวนของมันเองก็น่ากลัวไม่แพ้กันเลย
ผู้คนต่างก็รู้สึกหวั่นเกรงในความสามารถของเฉินเฉาเกออีกครั้งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจักรพรรดิหลินเฮ่ายวนถึงได้รักใคร่เอ็นดูเขาขนาดนี้เพราะเขาเป็คนที่มีความสามารถมากพอที่จะฝากความหวังไว้ได้จริงๆ
แต่ว่า คู่ต่อสู้ที่มันเจออยู่ตอนนี้ดันเป็หลินหยาง
หลินหยางผู้ที่ถูกกำหนดให้เป็คนกระทืบเฉินเฉาเกอ
ที่ขาของเขาตอนนี้สวมใส่รองเท้าคู่หนึ่งเอาไว้แล้วเป็รองเท้าที่มาจากส่วนหนึ่งของชุดเกราะิญญาเหล็กทมิฬโดยรองเท้านี้มีความสามารถที่จะทำให้แรงะโของหลินหยางเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมถึงห้าเท่าพอออกแรงถีบ พื้นเบื้องล่างของเขาก็พันแหลกเละทันทีจากนั้นหลินหยางก็พุ่งขึ้นไปอยู่บนฟ้าที่สูงยิ่งกว่าเฉินเฉาเกอเสียอีก
เขามองลงมาที่เฉินเฉาเกอด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่กลับลงมือด้วยวิธีสุดอำมหิตจนชวนให้สิ้นหวัง
บนมือของเขานั้นสวมแหวนพระสุเมรุเอาไว้สามวงแล้วเรียบร้อย
จำนวนหินแร่ขนาดั์ที่เก็บเอาไว้ในแหวนนั้นมีมากพอที่จะทำให้เฉินเฉาเกอร้องไห้งอแงเรียกหาแม่แน่นอน
หลินหยางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุดเ็าว่า “ยกระดับวิชาอัญเชิญ... อัญเชิญมวลมหาภูผา!!”
