พรรคเทพหมาป่า์ ลานหน้าตำหนักหยั่งรู้กระบี่!
มู่หรงลวี่กวงโกรธจนควันออกหูเมื่อได้ยินหวังเค่อเรียกตนเองเป็พวกชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัว
เมื่อก่อนมันตามตื๊อองค์หญิงไม่ลดละ
แม้ถูกมารดาขวางทางหากนางก็ยังชื่นชมในตัวตนเอง
ตอนนี้ตนเองเชื้อเชิญอาจารย์มาเป็คนกลางเพื่อไกล่เกลี่ยความเข้าใจผิดทั้งหลาย
ที่จริงสมควรไม่ใช่เื่ยาก แต่เพราะเ้าหวังเค่อนั่น! ไอ้ตัวมาร!
“หวังเค่อ
เ้าสะสมวัตถุมีพิษมากมายมหาศาลเพื่อฝึกวิชามาร ใช้วิชามารล่อลวงผู้คน
มอมเมาองค์หญิงโยวเยว่ สมควรรับโทษสถานใด?” มู่หรงลวี่กวงขานโทษทัณฑ์
“ข้าไม่ได้ถูกวิชามารอะไรมอมเมาทั้งนั้น!”
องค์หญิงโยวเยว่ทางด้านข้างโพล่งแย้งขึ้นมาทันควัน
“องค์หญิง ท่านถูกครอบงำจิตใจย่อมไม่รู้ตัวอยู่แล้ว
พวกที่กลายร่างเป็มารทั้งหลาย
ระหว่างการกลายร่างก็ต้องถูกครอบงำจิตใจจนบิดเบี้ยวเช่นกัน
พวกมันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไป!”
“ข้าไม่ได้เปลี่ยนอะไรทั้งนั้น!”
องค์หญิงท้วงเสียงหนัก
หวังเค่อกลับส่งสัญญาณให้องค์หญิงหยุดทุ่มเถียง
มู่หรงลวี่กวงชัดเจนว่าถูกความหึงหวงครอบงำอยู่
“เ้าตำหนักบูรพา
ศิษย์ท่านมู่หรงลวี่กวงเข้าสู่วิถีมารแล้ว สภาวะอารมณ์ของมันเปลี่ยนแปลงมหาศาล
พบเห็นคนเป็ต้องกัด หมดราศีศิษย์พี่ใหญ่แห่งพรรคเทพหมาป่า์สิ้น ขอท่านเ้าตำหนักบูรพากำจัดมารด้วย!”
หวังเค่อพลันหันไปพินอบพิเทาต่อเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยหรี่ตามองหวังเค่อ
ไม่เอ่ยวาจา
“หวังเค่อ เ้ากล้าใส่ร้ายข้า?”
มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงเย็น
“เ้าใส่ความข้าก่อน!”
หวังเค่อผายมือออกด้านข้าง
“ใส่ความ? ข้าพูดความจริงทั้งนั้น!” มู่หรงลวี่กวงแค่นเสียงเย็น
“ข้าเองก็พูดความจริง!”
หวังเค่อยืนกราน
“เ้ามีอะไรมาพิสูจน์
มีแต่คำพูดปากเปล่า!” มู่หรงลวี่กวงเสียงยะเยียบ
“อ้าว แล้วเ้าต่างกันตรงไหน?”
หวังเค่อเอ่ยอย่างสงบ
“อื๋อ?”
“ต่างฝ่ายต่างสาดโคลนใส่กัน
ไม่รู้ว่าจริงหรือหลอก เ้ามีหลักฐานอะไรก็เอาออกมาได้เลย
เ้าตำหนักบูรพาสายตาเฉียบแหลม นางเองยังไม่พูดซักคำว่าข้าฝึกวิชามาร
สายตาเ้าแหลมคมกว่านางอีกงั้นสิ? ยังมี ข้าฝึกวิชามาร
อาจารย์ของข้ามองไม่ออก แต่เ้ากลับมองออกงั้นรึ? เ้านี่ฝีมือเลิศภพจบแดนจริงๆ
แม้แต่เ้าตำหนักบูรพาหรือประมุขพรรคยังไม่อาจทาบติด ข้าว่าไม่สู้เชิญเ้าตำหนักบูรพามาเป็ศิษย์เ้าเสียดีกว่า
ส่วนเ้าก็ไปเป็ประมุขพรรคแทน” หวังเค่อเอ่ยเ็า
“เ้าตำหนักหมาป่าบูรพา
ที่นี่คือยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ โปรดควบคุมศิษย์ท่านด้วย!
เช่นนี้จะทำลายความสมัครสมานสามัคคีของพรรคได้!” หวังเค่อมองไปทางเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
มู่หรงลวี่กวงหน้าบิดเบี้ยว
มันไม่เคยเป็แบบนี้มาก่อน ทว่าเจอหน้าหวังเค่อทีไร ตนกลับไม่อาจสะกดโทสะลงได้เลย
เป็ไปได้ว่าเพราะหวังเค่อคือคนที่ได้สตรีของมันไปครองรวมถึงทำลายงานแต่งงานของมันเละเทะ
ความผิดหวังเคียดแค้นจึงทำให้มันกลายเป็เช่นนี้
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยปรายตามองหวังเค่ออย่างไม่ตั้งใจ
หากมิยอมเล่นตามเกมส์ของหวังเค่อ กลับกล่าวว่า “ข้าว่ามู่หรงลวี่กวงพูดมีเหตุผล!”
“หือ?” หวังเค่อมองเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
คำพูดนี้เ้าก็กล้าพูดออกมาหรือ? สายตาสั้นขนาดนั้น?
“ท่านอาจารย์เองก็พูดแล้ว
หวังเค่อ มีอะไรจะแก้ตัว? ” มู่หรงลวี่กวงเสียงเย็น
“เ้าว่าข้าเก็บสะสมวัตถุมีพิษมากมายมหาศาล
งั้นก็ค้นสิ ค้นเลย ถ้าหาเจอ ข้าจะยอมรับ!” หวังเค่อกางแขนออก
ค้น? แน่นอนว่าไม่มีทางหาเจอ พวกนั้นโดนดูดซับไปจนเกลี้ยงแล้ว
ไหนเลยจะยังมีหลักฐานอะไรอีก ที่หวังเค่ออนุญาตให้พวกมันค้นตัวก็เพื่อถ่วงเวลา
เ้ามีอาจารย์คอยคุ้มกะลาหัว
คิดโต้แย้งกับเ้า ข้าไม่โง่ขนาดนั้น!
อีกเดี๋ยวจางเจิ้งเต้าก็จะเชิญอาจารย์ข้ามาแล้ว
ถึงตอนนั้นมีอาจารย์กางปีกปกป้องข้า ไหนเลยจะต้องกลัวพวกเ้าอีก
มู่หรงลวี่กวงตาเป็ประกาย
มันเตรียมทะลวงเข้าสู่ตำหนักด้านในทันที
“ไม่จำเป็ต้องเข้าไปค้น
ข้าใช้พลังตรวจสอบแล้ว ข้างในไม่มีพิษ!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเอ่ยเสียงสงบ
“อาจารย์
มันต้องซ่อนไว้ในกระเป๋ามิติแน่! ไม่งั้นก็กำไลมิติ!” มู่หรงลวี่กวงโพล่งเสียงลั่น
พื้นที่ในกระเป๋ามิติหรือกำไลมิติมีจำกัด
เพราะเหตุนั้นย่อมไม่มีทางบรรจุวัตถุมีพิษมากมายลงไปได้หมดสิ้น
แต่ครั้งนี้มู่หรงลวี่กวงตั้งใจปั้นเื่ใส่ร้ายหวังเค่อให้เป็ตัวแน่แล้ว
ดังนั้น ไม่ว่าต้องทำยังไงก็ต้องค้นกระเป๋ามิติของหวังเค่อให้ได้ ขอเพียงมีพิษแม้แต่เล็กน้อย
ก็สามารถใช้มัดตัวได้แล้ว
ขอเพียงทำเื่ใส่ความหวังเค่อให้เป็จริง
ถึงจะลงโทษหวังเค่อได้ องค์หญิงโยวเยว่จะได้รังเกียจหวังเค่อ เปลี่ยนใจมาหามัน
ครานี้หวังเค่อสีหน้าเปลี่ยน
“”เ้าตำหนักบูรพา ท่านเกินเลยไปหรือไม่ ข้าคือศิษย์ของท่านประมุข เอางี้
รอท่านประมุขมาก่อน ให้ท่านตัดสินใจ เป็อย่างไร?”
“ไม่ต้องแล้ว
กำไลมิติก็ไม่อาจใช้พิสูจน์ยืนยันได้ วิชามารมักปล่อยไอมารออกมา
ไม่จำเป็ต้องค้นหาอย่างอื่น ทดสอบพลังปฐมธาตุของวิชาปราณของเ้าก็รู้แล้ว!”
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเอ่ยเสียงเคร่ง
“เ้าตำหนักบูรพา รอท่านอาจารย์กลับมาก่อนไม่ดีกว่าหรือ?”
หวังเค่อต่อรองอีกครั้ง
“ไม่ต้อง!
ต่อให้ท่านประมุขอยู่ตรงหน้า ข้าก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ
ไม่มีมารตนไหนสามารถตบตาข้าเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยได้! หากเ้ามีวิชามารจริง
ต่อให้เป็ศิษย์ของท่านประมุข ข้าก็จะสะบั้นเ้าให้ตายในดาบเดียว หากเ้าไม่ใช่
ข้าจะให้มู่หรงลวี่กวงชดใช้ให้เ้าเอง!”
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยกลับกล่าวออกมาอย่างแม่นมั่น
“ประเดี๋ยวก่อน!”
หวังเค่อร้องขัด
“ฮ่าฮ่าฮ่า รอ? คำสั่งท่านอาจารย์ใครกล้าขัดขืน? หวังเค่อ
ถ้าเ้าบริสุทธิ์ใจก็ต้องยอมให้ข้าตรวจสอบ แค่นั้นก็เรียบร้อยแล้วนี่?” มู่หรงลวี่กวงเดินส่ายอาดๆ เข้ามา
“ลวี่กวง
ตราบใดที่ไม่อาจยืนยันว่าหวังเค่อเป็มาร ไม่อาจลงมือหักหาญได้!”
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเอ่ยอย่างหนักแน่น
“อาจารย์โปรดวางใจ!”
มู่หรงลวี่กวงสาวเท้าเข้าหาหวังเค่อ
“อย่าเข้ามานะ!”
หวังเค่อสีหน้าปั้นยาก
หวังเค่อไหนเลยจะคาด
สองศิษย์อาจารย์หนึ่งขานหนึ่งรับ ในที่สุดก็จะค้นตัวมันแล้วจริงๆ?
ล้อกันเล่นหรือไง? แต่ไหนแต่ไรมีแต่มันที่ค้นตัวผู้อื่น
ไม่เคยมีใครกล้าค้นตัวมันมาก่อนเลย จะตรวจลมปราณข้า
ถ้าไปเจอกระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญเข้า
แล้วกระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญเกิดอาละวาดฆ่าเ้าขึ้นมาล่ะ?
นั่นมันกระบี่เทพเชียวนะ!
เ้าไม่ต้องรนหาที่ตายขนาดนั้น หากกระบี่ของข้าสำแดงฤทธิ์ออกมา งั้นก็ซวยแล้ว!
“หวังเค่อ ข้าเชื่อเ้า
ยอมให้พวกมันตรวจดูเถอะ!” องค์หญิงโยวเยว่เข้าข้างหวังเค่อเต็มพิกัด
“ผาย...องค์หญิง
ข้าเป็ผู้ชายทั้งแท่งนะ จะให้ชายอื่นมาลูบคลำตามอำเภอใจได้ยังไง?” หวังเค่อคิดหาข้ออ้างทันควัน
“แต่...!”
องค์หญิงโยวเยว่ท่าทางงุนงง
หวังเค่อในใจลนลาน
จางเจิ้งเต้าไอ้หนอนแมลง ไปเชิญอาจารย์ข้านานขนาดนี้ทำไมยังไม่มาอีก?
“หวังเค่อ อาจารย์ไม่ให้ข้าลงมือหนักเกินไป
เ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ใช่อาวุธ แต่หากเ้ายังดึงดัน
ก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่เกรงใจล่ะ!” มู่หรงลวี่กวงเดินเข้าหาหวังเค่อต่อ
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยยืนหรี่ตามองห่างๆ
ดูเหมือนเป้าหมายของนางมิใช่หวังเค่อ สองตากลับสอดส่องไปยังองค์หญิงโยวเยว่
ทุกคนในที่นี้ไม่มีรู้วัตถุประสงค์ของนาง แต่ที่หวังเค่อรู้อย่างชัดเจนแจ่มแจ๋วคือ
นางไม่มีทางบอกให้มู่หรงลวี่กวงหยุดมือแน่
เห็นอีกฝ่ายเข้ามาใกล้
หวังเค่อไหนเลยจะยอมให้ถึงตัว?
หากเกิดความลับของกระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญรั่วไหล
มิใช่ขาดทุนยับเยินหรอกหรือ?
“ข้าผู้นี้ฆ่าได้หยามไม่ได้
มู่หรงลวี่กวง เ้าบังคับข้าเอง!” หวังเค่อส่งเสียงออกมาคำหนึ่ง
ฟุ่บ!
ประกายกระบี่พุ่งวาบออกจากแขนเสื้อ
แสงสีเขียวทะยานใส่มู่หรงลวี่กวงอย่างเร่งร้อน ประกายคมปลาบละลานตา
สีหน้าของมู่หรงลวี่กวงแปรเปลี่ยนทันทีที่กระบี่เผยโฉม
“กระบี่บิน?” มู่หรงลวี่กวงชะงักเท้าทันควัน
“ตูม!”
เสียงบึ้มสนั่น
กระบี่บินชะงักค้างกลางอากาศ ถูกหนีบไว้ระหว่างสองนิ้วของมู่หรงลวี่กวง
มู่หรงลวี่กวงอันยอดเยี่ยม
อย่างไรเสียมันก็เป็ถึงศิษย์พี่ใหญ่พรรคเทพหมาป่า
ไหนเลยจะถูกการโจมตีขั้นเซียนเทียนของหวังเค่อทำร้ายได้? ไหนเลยจะเกรงกลัวกระบี่บิน
“นี่มันกระบี่ของซุนซงนี่?
ยังกล้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับพวกมารอยู่อีก?” มู่หรงลวี่กวงยิ้มเย็น ตามองกระบี่บินที่คีบอยู่ระหว่างสองนิ้ว
“ข้าพิฆาตมารซุนซง
นี่ย่อมกลายเป็ของรางวัลของข้า!” หวังเค่อพยายามขยับกระบี่ด้วยสีหน้าเหยเก
“รางวัล? ไม่ใช่ ผิดแล้ว กระบี่นี่เป็ข้ามอบให้ซุนซงแต่แรก
นี่เป็รางวัลที่ข้าปะามารได้เมื่อครั้งก่อน กระบี่นี้เคยเป็ของข้ามาก่อน!
ยามนี้นับว่าคืนกลับสู่นายที่แท้จริง!” มู่หรงลวี่กวงแสยะยิ้ม
หวังเค่อเบิกตากว้าง
เ้าหมอนี่อยู่ๆ ก็กลายเป็ยืดหยุ่นขึ้นมา? หน้าไม่อายก็เป็หรือ? อย่างงั้นไม่สู้บอกว่าเ้ามีวาสนากับกระบี่นี้ไปเลยก็สิ้นเื่?
กลับกล้าคิดฮุบสมบัติของข้า?
หวังเค่อมองไปทางเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยนิ่งสงบไม่สั่นไหว ชัดเจนว่าสนับสนุนท่าทีของมู่หรงลวี่กวง
สองศิษย์อาจารย์ หนึ่งทารกแกนิญญา
หนึ่งดวงธาตุทองคำ สองคนสุมหัวรวมกันฮุบเอาของจากไก่อ่อนขั้นเซียนเทียนผู้หนึ่ง? บ้านเมืองนี้ยังมีขื่อมีแปอยู่อีกหรือ?
พวกเ้า พวกเ้ารังแกคนเกินไปแล้ว
จากสายตา
มู่หรงลวี่กวงกำลังจะตัดสายสัมพันธ์ของหวังเค่อและกระบี่ ก่อนเก็บใส่แขนเสื้อตนเอง
หวังเค่อตาแดงก่ำ ล้อกันเล่นหรือไง? ไม่มีใครในโลกมาเอาเปรียบข้าคนนี้ได้
ของๆ ข้า เ้าอยากเอาไป?
ั์ตาหวังเค่อแปรเปลี่ยนเป็ดุดัน
คนกลืนน้ำลายเฮือก
“เ้าทำอะไร? จะะเิกระบี่บิน? บ้าไปแล้วหรือไง?” มู่หรงลวี่กวงสีหน้าเปลี่ยน
ััได้ถึงพลังิญญาบนกระบี่ระหว่างปลายนิ้วของตนเองกำลังปะทุ
ตูมมมมมมมมมม
เสียงะเิลั่นก้องไปทั่วทั้งลานยอดเขาหยั่งรู้กระบี่
ลูกน้องของหวังเค่อหลบลี้หนีภัยไปนานแล้ว
มีเพียงองค์หญิงโยวเยว่ที่ยืนอยู่ข้างหวังเค่อ ทันทีที่กระบี่บินะเิกระจาย
หวังเค่อก็เข้าปกป้ององค์หญิง พร้อมกันนั้นปรากฏโล่ป้องกันขึ้นพิทักษ์เบื้องหน้า
พฤติการณ์ที่เอาตัวเข้าปกป้ององค์หญิงโยวเยว่นี้
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยที่ยืนออกไปไม่ห่างต้องเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย แสดงออกถึงความชื่นชมยินยอม
ทว่าไม่นานก็ต้องขมวดคิ้วอีกครา
แรงะเิมหาศาลสั่นะเืไปทั่วพรรคเทพหมาป่า
สานุศิษย์ทั่วทิศพลันหันหน้ามามาทางยอดเขาเป็ตาเดียว
ตรงศูนย์กลางการะเิ
มู่หรงลวี่กวงที่ใช้สองนิ้วคีบกระบี่บินตอนแรกรับแรงกระแทกไปเต็มรัก
เสื้อผ้าหน้าผมปลิวกระจัดกระจายเป็ชิ้นๆ หัวหูฟูฟ่อง
หากมิใช่มันมีพื้นฐานพลังฝีมือแข็งแกร่ง กระบี่บินะเิครานี้
สามารถคร่าชีวิตชนชั้นดวงธาตุทองคำธรรมดาทั่วไปได้
แม้แต่หวังเค่อที่อยู่หลังโล่ปราการห่างออกไปยังต้องเสียหายใหญ่หลวง
โล่ในมือแตกกระจายเป็เศษชิ้นส่วน โชคดีที่ได้มันดูดซับแรงะเิเอาไว้
หวังเค่อเลยไม่เป็ไร
ท่ามกลางฝุ่นผงควันโขมง
มู่หรงลวี่กวงทั้งอับอายทั้งโมโห หวังเค่อเ้าลูกเต่า
ยอมะเิกระบี่ทิ้งดีกว่าคืนกลับมาให้ข้างั้นหรือ? ะเิกระบี่ทิ้งก็แล้วไป
แต่ดันทำตัวเป็วีรบุรุษปกป้องหญิงงามอีก ตอนนี้สายตาขององค์หญิงที่มองมันยิ่งทวีความชื่นชมกว่าเดิม
องค์หญิงโยวเยว่มีพลังฝึกตนชั้นดวงธาตุทองคำ
ยังต้องให้ระดับเซียนเทียนกระจอกมาปกป้องหรือยังไง? เ้าจงใจหลอกลวงองค์หญิงชัดๆ
“บัดซบ!”
มู่หรงลวี่กวงคำรามใส่หวังเค่อด้วยเพลิงโทสะ
“หยุดมือ!”
เสียงดังมาจากเหนือฟ้า
“ท่านอาจารย์ ช่วยด้วย!”
หวังเค่อเร่งร้องให้ช่วย
เสียงของเฉินเทียนหยวน
ท่านอาจารย์มาแล้ว? เยี่ยมไปเลย!
มู่หรงลวี่กวงยามนี้โทสะครอบงำจิตใจ
ตนเองเป็ถึงดวงธาตุทองคำแท้ๆ
กลับถูกเซียนเทียนกระจอกนี่เล่นงานเอาครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งกว่านั้น
มันยังกล้าผยองมาเป็คู่แข่งความรักของตน? แล้วจะไม่ให้มู่หรงลวี่กวงหัวเสียได้อย่างไร?
ดังนั้น
แม้ได้ยินเสียงห้ามปรามอย่างชัดเจนจากเฉินเทียนหยวน มันยังคงไม่หยุดมือ
ทั้งยังเร่งความเร็วพริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าหวังเค่อ
ต่อให้มันต้องถูกอาจารย์ดุด่า มันก็ต้องระบายแค้นนี้ออกมาให้ได้
“พอแล้ว!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยตวาดเสียงเข้ม
ทว่าสายไปแล้ว กำปั้นของมู่หรงลวี่กวงรวดเร็วเกินไป มันกระแทกเข้าใส่หน้าท้องของหวังเค่ออย่างรุนแรง
หวังเค่อสีหน้าหวาดหวั่นพรั่นพรึง กระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญของมันกำลังจะถูกเปิดโปง? มู่หรงลวี่กวงจอมเ้าเล่ห์ ต่อให้เ้าอยากถูกกระบี่ข้าปะา ก็ไม่อาจเปิดโปงสมบัติของข้า! แย่แล้ว ความลับของข้าถูกเปิดเผยแล้ว!
