แววตาหนีเจียเอ๋อร์แน่วแน่ น้ำเสียงหนักแน่นไม่ลังเล “ไม่มีเหตุผลใดทั้งสิ้น ข้าแค่ไม่ชอบสวีเพ่ยหรานเท่านั้น ชั่วชีวิตนี้ ข้าจะไม่แต่งงานกับเขา”
นายท่านหนีอ้าปากหมายจะเอ่ยบางอย่าง แต่เว่ยอี๋เหนียงส่งสายตาปรามเอาไว้ จึงได้แต่กลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมลงคอไป แล้วเปลี่ยนเื่ “กินก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
หลังผ่านมื้อเย็นไปอย่างเงียบเชียบ นายท่านหนีก็เรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้มาเก็บสำรับ
หนีเจียเอ๋อร์ลุกขึ้นทำความเคารพ แต่ยังไม่ทันจะเดินกลับเข้าห้องก็ถูกรั้งเอาไว้เสียก่อน “เสี่ยวเอ๋อร์ อย่าเพิ่งไป มาคุยกันก่อนเถอะ”
เว่ยอี๋เหนียงจูงมือนางกลับมานั่งที่เก้าอี้ข้างหน้าต่าง หญิงสาวมองมารดาอย่างเชื่อฟัง พลางถามด้วยรอยยิ้ม “อี๋เหนียง มีอะไรจะพูดกับข้าหรือเ้าคะ?”
ผู้เป็มารดาแตะแก้มนางอย่างทะนุถนอม พลางมองหน้าบุตรสาวด้วยแววตาอ่อนโยน “เวลาช่างเดินเร็วนัก พริบตาเดียว เสี่ยวเอ๋อร์ของข้าก็ถึงวัยออกเรือนแล้ว”
หนีเจียเอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้น พอกลับมามีชีวิตอีกครั้งนางก็กลัวการแต่งงานจับใจ ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ยังไร้ซึ่งเบาะแสของผู้บงการฆ่าล้างครอบครัวในชาติก่อน แล้วตนจะยอมถูกผูกมัดด้วยการแต่งงานได้อย่างไร!
หญิงสาวจึงจับมือเว่ยอี๋เหนียงเบาๆ “อี๋เหนียง ท่านพี่ของข้ายังไม่ออกเรือน ในฐานะน้องสาวจะแต่งงานก่อนพี่ชายได้อย่างไร ผู้คนคงจะหัวเราะเยาะ ว่าข้าอยากแต่งงานจนแทบรอไม่ไหวเป็แน่”
นายท่านหนีเดินเข้ามาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “สมัยก่อน ก็มีน้องสาวแต่งงานก่อนพี่ชายมากมาย ทั้งยามนี้ พี่ของเ้ายังต้องติดตามองค์ชายรัชทายาทไปเป็สหายเล่าเรียน คงไม่อาจแต่งงานได้ในเร็ววัน นอกจากนี้ หว่านเอ๋อร์กับเ้าที่ห่างกันแค่ไม่กี่ปีก็ยังเป็โสดอยู่”
“เดิมทีข้ากับพ่อของเ้าตกลงกันว่า จะจัดงานมงคลระหว่างเ้ากับนายน้อยสวีในฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า ซึ่งในเวลานั้น ท่านพี่ของเ้าก็ออกจากวังมาพอดี แต่ใครจะไปคิดว่าเ้าจะปฏิเสธการแต่งงานเช่นนี้” เว่ยอี๋เหนียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนเปลี่ยนเื่ “แล้วเ้าคิดอย่างไรกับชิงหวา?”
ริ้วสีแดงพาดผ่านแก้มนวลของหญิงสาว หนีเจียเอ๋อร์ใจเต้นรัว ไม่อาจตอบคำถามไปชั่วขณะ
ใบหน้าของนายท่านหนีมืดครึ้ม “มิได้ ชิงหวามีภูมิหลังต่ำต้อย ทั้งยังเป็เพียงพ่อค้า ไม่คู่ควรกับบุตรสาวสกุลหนี ข้าคิดว่าสวีเพ่ยหรานยังเหมาะสมกว่า เพราะเป็ถึงเสนาบดีผู้ร่ำรวยและมีอำนาจในเมืองหลวง”
หญิงสาวอึดอัดใจที่บิดาของตนดูแคลนโจวชิงหวา แม้เขาจะมีภูมิหลังต้อยต่ำไม่คู่ควร แต่ก็ยังดีกว่าสวีเพ่ยหราน คนหน้าซื่อใจคด ตีหน้ายิ้มหลังซ่อนดาบเป็ไหนๆ
นางจึงลุกขึ้นโต้ “ท่านพ่อ แม้ภูมิหลังของชิงหวาจะไม่สูงส่งเช่นสวีเพ่ยหราน แต่ก็มีความมุมานะพยายาม จนไต่เต้าไปเป็พ่อค้าผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง ฝีมือการต่อสู้ก็นับว่าเป็หนึ่งไม่มีสอง ในสายตาข้า สวีเพ่ยหรานต่างหาก ที่ไม่อาจเทียบเขาได้”
เว่ยอี๋เหนียงก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน ที่นายท่านหนีจะมีอคติกับโจวชิงหวา “ดูเพียงผิวเผิน อาจเห็นว่าชิงหวามีนิสัยขี้เล่น แต่แท้จริงแล้ว เขาเป็คนดีมาก ตอนน้ำท่วมแคว้นคราวก่อน ก็ช่วยบริจาคเงินถึงห้าพันตำลึงให้แก่ผู้ยากไร้ ถือว่ามีความดีความชอบ จนฮ่องเต้พระราชทานป้ายอนุญาต ให้สามารถเข้าออกวังหลวงได้”
แต่นายท่านหนียังคงลังเล “ข้าก็มิได้ปฏิเสธในเื่นั้น แต่ไม่อาจยอมรับได้ หากบุตรสาวของข้าจะไปตกลงปลงใจกับเขา”
หนีเจียเอ๋อร์สูดหายใจลึก “ท่านพ่อ อี๋เหนียง พวกท่านพักผ่อนเถอะ ข้าขอตัวก่อน”
พูดจบ ก็หันหลังจากไป โดยไม่รอคำอนุญาตของนายท่านหนี
...
สองวันต่อมา ณ จวนสกุลหนีในเมืองหลวง
ค่ำคืนพ้นผ่าน แสงยามเช้าส่องลอดหมู่เมฆออกมา ปลุกให้ทุกชีวิตตื่นขึ้นรับวันใหม่
หนีเจียเอ๋อร์ผุดลุกขึ้นจากที่นอนั้แ่เช้าตรู่ และเข้าไปดูแลสวนดอกไม้พร้อมเสี่ยวเสวียน ก่อนออกมายังแปลงกุหลาบที่ปลูกเองกับมือ
พอมองต้นกุหลาบซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อใดจะผลิดอกมาให้ยล ในใจนางก็พลันรู้สึกดั่งตกหลุมรักจนไม่อาจบรรยายได้
แต่ก็อารมณ์ดีได้ไม่นาน เพราะบ่าวรับใช้เข้ามารายงานว่านายท่านสวีพาสวีเพ่ยหรานมาขอพบ เพื่อขอโทษอย่างเป็ทางการ หญิงสาวจึงมองไปที่ประตูจวนด้วยสายตาเ็า
บรรดาบ่าวรับใช้ต่างพูดคุยกันถึงเื่นี้ “เห็นคุณหนูว่านายท่านสวีเป็คนหยิ่งยโส แล้วเหตุใดถึงพานายน้อยสวีมาขอโทษได้ หากต้องมีการขออภัยจริงๆ ก็ควรจะเป็คนตระกูลหนี ที่ไปแสดงท่าทีสำนึกผิดต่อนายท่านสวีและตระกูลมากกว่า”
หนีเจียเอ๋อร์ดุเบาๆ “ทำงานของพวกเ้าไป ไม่ต้องมาสนใจเื่ของผู้อื่น!”
แน่นอนว่าที่นายท่านสวีมาในวันนี้ หาใช่เพื่อขอโทษแต่อย่างใด ทว่า น่าจะ้าสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่า ทำไมหญิงสาวจะไม่ทราบ ว่าคนผู้นี้หวงแหนบุตรชายแค่ไหน ขอเพียงสวีเพ่ยหรานเอ่ยปาก ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็พยักหน้าสนับสนุนแล้ว
จากนั้นครู่หนึ่ง พ่อบ้านก็มาถึงเรือนของนาง พร้อมแจ้งเสียงนอบน้อม “คุณหนูรอง นายท่านสวีและนายน้อยสวีมาพบ นายท่านจึงให้ข้ามาเชิญท่านกับเสี่ยวเสวียนไปยังเรือนรับรองขอรับ”
หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้ว พลางบอกปัด “ช่วยแจ้งท่านพ่อที ว่าเช้านี้ ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย”
พ่อบ้านย่อมรู้ดี ว่านางแค่หาข้ออ้างมาบ่ายเบี่ยง จึงพูดอย่างประนีประนอมว่า “เช่นนั้น ข้าจะไปเชิญคุณหนูใหญ่แทน คุณหนูรองพักผ่อนเถิดขอรับ”
เมื่อพ่อบ้านจากไป เสี่ยวเสวียนก็ส่ายหน้าอย่างอดมิได้ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเสียดาย “คุณหนู อันที่จริงนายน้อยสวีก็เป็คนดีมากนะเ้าคะ แต่หากคุณหนูไม่ชอบก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้คุณหนูใหญ่คงได้แต่งงานแทนแล้วละ”
หนีเจียเอ๋อร์เหยียดยิ้ม “จบอย่างสวยงามเช่นนั้นหรือ? เกรงว่าจะเป็ไปมิได้!”
เพราะหนีจวิ้นหว่าน อาจจะตายภายใต้เงื้อมมือของสวีเพ่ยหราน
เสี่ยวเสวียนยังคงไม่เข้าใจคำพูดของนาง จึงได้แต่เกาศีรษะด้วยความงุนงง “คุณหนู หมายความว่าอย่างไรหรือเ้าคะ?”
หนีเจียเอ๋อร์มองไปที่สาวใช้ พร้อมยกยิ้มเยือกเย็น “ไม่ต้องใส่ใจหรอก!”
จากนั้น ก็หันไปถอนวัชพืชที่ขึ้นรอบๆ ต้นกุหลาบ
เสี่ยวเสวียนมองคุณหนูของตนด้วยความมึนงง พลางบ่นพึมพำ “คุณหนูหมายความว่าอย่างไรกัน? ช่างแปลกคนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ไม่เข้าใจเลย!”
หลังจัดการกับสวนดอกไม้เสร็จ หนีเจียเอ๋อร์ก็ล้างมือ แล้วก้าวเข้าไปในห้อง แต่ก็ได้ยินเสียงของสวีเพ่ยหรานเล็ดลอดเข้ามา “เสี่ยวเสวียน ข้าได้ยินว่าคุณหนูของเ้าปวดหัวไม่สบาย ข้ามาเยี่ยมนาง ช่วยไปแจ้งให้หน่อยได้หรือไม่?”
พอเขาพูดจบ เ้าของเรือนก็กระแทกประตูปิดดังปัง จนกรอบประตูสั่นคลอน
สวีเพ่ยหรานตัวแข็งทื่อ ไม่อาจระงับอารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าได้
ส่วนเสี่ยวเสวียน ก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ “นายน้อยสวี คุณหนูของข้าไม่สบาย จึงไม่อยากพบผู้ใด โปรดกลับไปก่อนเถอะเ้าค่ะ”
สวีเพ่ยหรานมองไปยังประตูที่ปิดสนิท แล้วพูดเสียงหนักแน่น “ไม่เป็ไร ข้าจะรออยู่ที่นี่”
เสี่ยวเสวียนไม่กล้าเชิญอีกฝ่ายเข้ามาโดยพลการ จึงได้แต่ภาวนา ให้คุณหนูเห็นใจเขา ก่อนเดินหายเข้าไปในเรือน
ไม่นานนัก โจวชิงหวาก็เดินเข้ามากล่าวเสียงเย็น “คุณชายสวีมิใช่หรือนั่น! ทำไมถึงมาตากแดดอยู่ที่นี่ ไม่กลับไปนั่งในร่มดีๆ เล่า?”
ทั้งสองไม่ชอบหน้ากันมาแต่ครั้งเยาว์วัย ทั้งมักจะทะเลาะกันลับหลังผู้อื่น ซ้ำยังเชือดเฉือนกันด้วยวาจาเสมอ หากแต่วันนี้ สวีเพ่ยหรานไม่อยากจะเปิดศึก ด้วยเกรงจะถูกครหาว่าเป็คนใจแคบ จึงได้แต่ลอบกำหมัดแน่นเท่านั้น “คุณชายโจว ไม่ได้พบกันเสียนาน”
โจวชิงหวายิ้มยียวน พลางเอ่ย “คุณชายสวี ยินดีที่ได้พบ”
ว่าแล้ว ก็เดินวนรอบตัวอีกฝ่าย ก่อนถาม “นี่ท่านจะยืนตากแดดอีกนานแค่ไหน? อา... น่าเบื่อเกินไปแล้ว เช่นนั้นเรามาพนันกันดีกว่า ว่าเสี่ยวเอ๋อร์จะยอมเปิดประตูต้อนรับท่านหรือไม่ เอาละ วางเงินเดิมพันกันเถอะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้