ท่านจวงชื่อจริงๆ คือจวงตงเฟิง ส่วนเสี่ยวเตี๋ยชื่อจวงเมิ่งเตี๋ย*ชื่อนี้ดูเป็ชื่อที่มีความหมายดีเกิดเป็ภาพจินตนาการที่งดงาม แต่ทว่าตอนที่หลินเยว่ได้ยินชื่อนี้ เขากลับรู้สึกเสียดายที่ชื่อเพราะๆแบบนี้กลับต้องสูญเปล่าไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะไปปรากฏบนตัวของผู้หญิงที่แสนหยิ่งยโสคนนั้น
หลินเยว่ไม่ได้เป็คนเ้าคิดเ้าแค้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาไม่คิดจะเอาเื่จากผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ทว่าจวงเมิ่งเตี๋ยใช้สายตาดูถูกมองเขาอยู่หลายครั้งหลายหนคนที่ใจเย็นแค่ไหนก็คงจะรับไม่ได้เหมือนกัน
“สวัสดีครับท่านจวง” หลินเยว่โค้งคำนับเล็กน้อย
“ฮ่าๆ สวัสดี” จวงตงเฟิงพยักหน้ารับ
หลินเยว่ก็หันหน้าไปผงกศีรษะตามมารยาทกับจวงเมิ่งเตี๋ยแต่ทว่าจวงเมิ่งเตี๋ยกลับส่งเสียงหึในลำคอ แล้วก็เมินหน้าหนีไปทางอื่น
หลินเยว่รู้สึกว่ามันน่าไร้สาระมากเขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
เพียงไม่นาน ท่านเจี่ยเหวยเกิ่งและจางฮุยิอาจารย์ลูกศิษย์ทั้งสองก็เดินทางมาถึงในงานประมูลหลังจากทักทายซึ่งกันและกันแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปนั่งที่นั่งของตนเอง
หลังจากนั้นก็มีผู้าุโมาทยอยมาอีกหลายคนและเื้ัก็มีลูกศิษย์ของพวกเขาติดตามมาด้วย ลูกศิษย์แต่ละคนต่างเป็คนวัยกลางคนอายุประมาณ30 - 40 ปี ไม่มีคนรุ่นๆอายุยี่สิบกว่าปีเลย และที่ทำให้หลินเยว่ประหลาดใจที่สุดก็คือหนึ่งในสิบคนนี้ยังมีผู้หญิงด้วย1 คนลูกศิษย์ของเธอเป็คนอายุประมาณ 30 กว่าปีค่อนข้างผอมบาง ดูสูสีกับจางฮุยิ ดวงตามักจะกลอกไปมาเสมอดูฉลาดเ้าเล่ห์ทีเดียว
ท่านเฮ่อฉางเหอทักทายกับพวกเขาเ่าั้ในขณะเดียวกันก็แนะนำหลินเยว่ให้พวกเขารู้จัก พร้อมบอกชื่อนามสกุลและสถานะของอีกฝ่ายให้หลินเยว่รู้จักทีละคนหลินเยว่จะได้รู้ว่าคู่แข่งของเขาเป็อย่างไรบ้าง
มีคนเก่งไม่น้อยเลยล่ะ!
เมื่อหลินเยว่รับรู้ข้อมูลของคู่แข่งมากเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจกับการแข่งขันที่กำลังจะมาถึงมากเท่านั้นนี่เป็การรวมตัวของพวกยอดฝีมือจริงๆ ถึงแม้ว่าจะมีเพียงแค่ 10 คน แต่อีก 9 คนที่เหลือก็ไม่มีใครธรรมดาเลย!
และใน 10 คนนี้ก็รวมถึงจวงเมิ่งเตี๋ยถึงแม้ว่าเธอจะเป็ผู้หญิง แล้วยังมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาแต่หลินเยว่ก็ไม่กล้าประเมินเธอไว้ต่ำจนเกินไป ตอนเช้าวันนั้นเธอสามารถระบุว่าเป็เครื่องเคลือบสีเขียวบ๊วยอีกทั้งยังคิดจะซื้อแจกันเคลือบจากเตาเผาหลงเฉวียนในมือของเขาไปด้วย ซึ่งจุดนี้ก็แสดงว่าสายตาของเธอต้องเฉียบคมอย่างแน่นอน
เขาไม่สามารถมองข้ามใครได้เลย!
คนที่มาถึงเป็คนสุดท้ายก็คือเฉินเฟยและหลี่เฉียนโจวลูกศิษย์ของเขาพวกเขาเดินเข้ามา ทำหน้าเชิดอย่างหยิ่งผยอง ดูเหมือนว่าจะไม่เห็นหัวใครเลยสักคนตอนที่พวกเขาเห็นหลินเยว่และเฮ่อฉางเหอนั้นสายตาพวกเขาก็แสดงความเกรี้ยวกราดโหดร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่หลี่เฉียนโจวเดินผ่านหลินเยว่นั้นเขายังสบถเสียงดังออกมาให้ได้ยิน
เมื่อได้ยินเสียงสบถนั้นหลินเยว่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ส่วนจวงเมิ่งเตี๋ยจึงมองหลี่เฉียนโจวด้วยสายตาประหลาดใจหลังจากนั้นเธอจึงมองพวกเขาสองคนกลับไปกลับมา สีหน้าดูกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
เมื่อหลี่เฉียนโจวเห็นใบหน้างามของจวงเมิ่งเตี๋ยเขาก็ทำตาเป็ประกาย สายตาของเขายังแฝงความปรารถนาที่น่ารังเกียจอยู่ชั่วขณะ
และสายตาที่มีความปรารถนานี้ก็อยู่ในสายตาของจวงเมิ่งเตี๋ยพอดีทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงอยู่ลึกๆ แต่ทว่ามันก็หายไปอย่างรวดเร็วและสิ่งที่เข้ามาแทนที่ก็คือความชื่นชมหลงใหล
ความชื่นชมหลงใหลจากหญิงสาว
สายตาของจวงเมิ่งเตี๋ยก็ทำให้หลี่เฉียนโจวรู้สึกคึกคักราวกับกินไวอากร้าเลยทีเดียวตรงบริเวณท้องน้อยราวกับมีเปลวเพลิงคุขึ้นมาหากไม่ได้เป็เพราะตำแหน่งที่นั่งถูกระบุไว้แล้ว ตอนนี้เขาต้องหาที่นั่งข้างๆจวงเมิ่งเตี๋ยอย่างแน่นอน แต่ทว่า สุดท้ายเขาจึงต้องจำใจส่งสายตาที่คิดว่ามีเสน่ห์ที่สุดให้กับจวงเมิ่งเตี๋ยและสะบัดผมเล็กน้อยด้วยความมั่นใจในความหล่อของตน
แหวะ~~
เมื่อหลินเยว่เห็นเหตุการณ์นี้เขาก็เกือบจะคายอาหารเช้าที่เขาทานมาตอนเช้าตรู่ออกมาทั้งหมด
ยี้! น่าขนลุกจริงๆ!
จวงเมิ่งเตี๋ยเห็นสีหน้าหลงตัวเองของหลี่เฉียนโจวเช่นนี้รอยยิ้มของเธอก็เกิดอาการหยุดชะงักไปชั่วขณะ กล้ามเนื้อตรงมุมปากกระตุกขึ้นอย่างไม่ตั้งใจแต่ทว่าใบหน้าของเธอก็กลับมามีสีหน้าของคนกำลังลุ่มหลงอีกครั้งอย่างรวดเร็วดวงตาทั้งสองข้างเป็ประกายระยิบระยับ
เมื่อหลี่เฉียนโจวเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสบายใจ หลังจากนั้นจึงมองหลินเยว่ด้วยสีหน้าหยิ่งผยองสายตาของเขาก็ส่องประกายดูถูกหลินเยว่อีกครั้ง
หลินเยว่ได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจคนที่หลงตัวเองได้จนถึงขนาดนี้ คงไม่มียาอะไรรักษาได้แล้วล่ะ!
หลังจากนั้น เหล่านักธุรกิจและคนมีเงินต่างทยอยเดินเข้ามาในงานถึงแม้ว่าจะมีคนจำนวนเยอะมากแต่ทว่างานประมูลที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ก็ไม่ได้สร้างความรู้สึกแออัดยัดเยียดเลยสักนิด
เพียงไม่นาน งานประมูลก็ได้เริ่มขึ้น
ผู้ดำเนินการประมูลที่แต่งตัวอยู่ในชุดสูทอย่างเป็ทางการก็ได้เดินขึ้นไปยังบนโพเดียมเขาเป็ผู้ชายอายุประมาณ 40 ปีทรงผมถูกหวียกสูง ให้ความรู้สึกว่าเป็คนคล่องตัวคนหนึ่ง
เมื่อผู้ดำเนินการประมูลเดินขึ้นไปบนโพเดียมแล้วเขาจึงส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับทุกๆ คนและใช้น้ำเสียงดังก้องกังวานและมีน้ำหนักกล่าวต้อนรับขึ้น “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่านสวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่งานประมูลของบริษัทประมูลเต๋อเจีย ผมคือกู้โหย่วหงเป็ผู้ดำเนินการประมูลครับ” เมื่อพูดถึงตรงนี้กู้โหย่วหงผู้ดำเนินการประมูลก็หยุดอยู่ชั่วครู่ และเสียงปรบมือก็ดังขึ้นทันที
“ขอบคุณครับ” ใบหน้าของกู้โหย่วหงยังคงมีเพียงรอยยิ้มน้อยๆเช่นเดิม “ต่อไปนี้ผมขอแนะนำแขกพิเศษทั้ง 10 ท่านที่มาเป็เกียรติในงานวันนี้”
“ปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบที่มีชื่อเสียงระดับประเทศที่ปรึกษาด้านเครื่องเคลือบของจิ่งเต๋อเจิ้น นายกสมาคมวิจัยเครื่องเคลือบโลก......ท่านเฉินเฟย เชิญครับ”
ภายในงานพลันเกิดเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกึกก้องท่ามกลางเสียงปรบมือ เฉินเฟยจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ใบหน้าอิ่มเอิบเขาส่งยิ้มที่ดูอ่อนโยนให้กับคนทางด้านหลังพร้อมทั้งโบกมือเล็กน้อย
หึ! ยศตำแหน่งเยอะจริงๆ!
หลินเยว่มองเฉินเฟยที่กำลังโบกมือทักทายกับผู้คนในงานเขาจึงได้แต่เบะปาก เมื่อสักครู่แค่ผู้ดำเนินการประมูลประกาศฐานะตำแหน่งของเขาก็มีถึงสิบกว่าชื่อไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจำชื่อเยอะแยะขนาดนี้ได้อย่างไร
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนมีอัธยาศัยดีบนใบหน้าเหี่ยวย่นของเฉินเฟยหลินเยว่พลันรู้สึกขนลุกขนพอง ทำไมถึงได้ดูปลอมขนาดนี้วะ!
“ท่านที่สองคือ......”
เมื่อเสียงปรบมือค่อยๆ หายไปผู้ดำเนินการประมูลก็กล่าวถึงแขกพิเศษท่านถัดไป
และเวลานี้เองที่ท่านเฮ่อฉางเหอหันหน้ามายิ้มให้กับหลินเยว่แล้วพูดขึ้น“คุณเชื่อไหมล่ะว่าคนที่ผู้ดำเนินการประมูลแนะนำเป็คนสุดท้ายจะต้องเป็อาจารย์?”
“ไม่มีทางหรอกครับ อย่างน้อยอาจารย์ก็มีตำแหน่งปรมาจารย์แห่งหยกและปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบที่เป็ชื่อเสียงโด่งดังตั้งสองอย่างแล้วยังมีตำแหน่งกิตติมศักดิ์อื่นๆ อีก ไม่ว่าใครจะเป็ผู้แนะนำก็ไม่มีทางที่จะจัดอาจารย์ไว้ลำดับสุดท้ายหรอกครับ”
หลินเยว่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอาจารย์ของตนถึงได้พูดแบบนี้
“เหอๆ เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง หากเป็สถานการณ์ปกติอาจารย์ก็ไม่ถูกจัดไว้เป็ลำดับสุดท้ายหรอก แต่ตาแก่เฉินเฟยกล้าขึ้นไปอยู่ลำดับที่1 ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ก็ต้องอยู่ลำดับสุดท้ายเพราะนี่ต้องเป็การจัดโดยตาแก่คนนั้นแต่ว่าไม่รู้ว่าเขาจะต้องติดสินบนผู้ดำเนินการประมูลไปเท่าไร ถึงทำได้แบบนี้ก็แค่อุบายเด็กๆ หึ!”
ท่านเฮ่อฉางเหอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกโกรธกับการกระทำแย่ๆ ของเฉินเฟยเลยสักนิดบางทีอาจเป็เพราะต้องทนมาหลายปีแล้ว เขาจึงรู้สึกชินชา!
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้จึงรีบมองไปทิศทางที่เฉินเฟยนั่งอยู่เขาพบว่าเฉินเฟยก็กำลังมองมาทางนี้เช่นกัน มุมปากกำลังยิ้มเยาะ เมื่อเห็นเช่นนี้หลินเยว่จึงเริ่มเชื่อคำพูดของอาจารย์ของเขาบ้างแล้ว
และเป็ไปตามคาดคนสุดท้ายที่ได้รับการแนะนำคือท่านเฮ่อฉางเหอ
“ท่านสุดท้ายคือผู้เชี่ยวชาญด้านการพิสูจน์เครื่องเคลือบระดับประเทศ คุณเฮ่อฉางเหอ เชิญครับ!”
ไม่มีปรมาจารย์แห่งหยก และส่วนด้านเครื่องเคลือบแม้กระทั่ง “ปรมาจารย์” ก็ไม่มี เหลือเพียงผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น!
รังแกกันเกินไปแล้ว!
เมื่อหลินเยว่ฟังจนจบก็รู้สึกโกรธจัดเขาคิดจะลุกขึ้นยืนแล้วพูดโต้แย้งผู้ดำเนินการประมูลคนนั้นแต่กลับถูกท่านเฮ่อฉางเหอยกมือขึ้นห้าม เขาเห็นเพียงท่านเฮ่อฉางเหอค่อยๆลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มจางๆ ให้กับคนรอบๆ พร้อมกับกุมมือคารวะ หลังจากนั้นก็ค่อยๆนั่งลง
ทุกอากัปกิริยาของท่านดูสง่างามเป็ธรรมชาติเห็นได้ชัดว่าท่านเป็คนที่มีความรู้ความสามารถและผ่านการฝึกฝนมาเป็อย่างดี
หลังจากนั่งลงแล้ว ท่านเฮ่อฉางเหอจึงได้แต่พูดกับหลินเยว่ที่กำลังโกรธจัดด้วยสีหน้าราบเรียบ“ก็แค่ชื่อเสียงภายนอกเท่านั้น บางครั้งการที่มีชื่อเสียงมากจนเกินไปก็ทำให้รู้สึกเหนื่อยอยู่เหมือนกันบางทีอาจารย์ก็อยากจะเป็แค่ผู้เชี่ยวชาญด้านการพิสูจน์เครื่องเคลือบเท่านั้นเองเหอๆ......”
หลินเยว่มองอาจารย์ของตนด้วยสายตาประหลาดใจหากเป็แต่ก่อน อาจารย์ของเขาจะต้องโมโหแล้วสิหลังจากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกจากงาน แต่วันนี้กลับแสดงออกอย่างใจเย็น
วันนี้อาจารย์ของเขาเป็อะไรกันแน่?
* เมิ่งเตี๋ย (梦蝶) : เมิ่ง (梦)หมายถึง ความฝัน / เตี๋ย (蝶) หมายถึง ผีเสื้อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้