จวินจิ่วเฉินนิ่งเงียบ กูเฟยเยี่ยนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเตียงเดียวกัน ขาของกูเฟยเยี่ยนวางพาดอยู่บนขาของจวินจิ่วเฉินมาโดยตลอด
โลกอันเงียบสงบราวกับว่าเวลาได้ยุติการเคลื่อนไหวลง พวกเขาทั้งสองคนดั่งกับคู่สามีภรรยาตัวน้อยที่เพิ่งจะแต่งงานกัน ภายใต้ความเงียบสงบมีความคล้ายคลึงกับภาพวาดรูปหนึ่งที่มีความหมายงดงามลึกซึ้ง
เมื่อจวินจิ่วเฉินช่วยกูเฟยเยี่ยนจัดการาแทั้งหมดแล้ว บรรยากาศภายในห้องก็ยังคงเงียบสงัดเช่นเดิม กูเฟยเยี่ยนมองมือเรียวสวยคู่นั้นที่เต็มไปด้วยยา ภายในใจของนางมีความรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เเม้แต่ตนเองยังคาดไม่ถึง
นางกำลังจะพูดอะไรออกมา ทว่าก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู
จวินจิ่วเฉินรีบทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเตรียมออกไป กูเฟยเยี่ยนจึงเอ่ยถามด้วยความร้อนรน “นี่ เ้าใช่องค์ชายแปดหรือไม่? ”
จวินจิ่วเฉินมาถึงข้างหน้าต่างแล้ว แต่ก็ยังหันหน้ากลับมา ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามนางแต่ถามย้อนกลับมา “เ้าจะค้างที่นี่หรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนไม่ตอบคำถาม แต่ถามย้อนกลับไปเช่นกัน “ทำไม เ้าจะมาอีกหรือ? เ้าคือองค์ชายแปดใช่หรือไม่? ”
จวินจิ่วเฉินไม่สนใจนาง เขาหันหลังข้ามกำแพงหน้าต่างราวกับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กูเฟยเยี่ยนเห็นความเร็วของเขา นางสามารถกล่าวได้ว่าเห็นสิ่งประหลาดจนเริ่มชินชาเสียแล้ว นางคิดว่าชายผู้นี้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก เกรงว่าเขาอาจจะกล้าบุกเข้าไปในจิ้งหวางฝู่ วันหลังจะต้องระมัดระวังเสียแล้ว
ผู้ที่มาจากด้านนอกคือหญิงรับใช้ที่นำผ้าห่มผืนใหม่มาให้กูเฟยเยี่ยน
หญิงรับใช้มีความนอบน้อมเป็อย่างยิ่ง “แพทย์หญิงกู ดึกขนาดนี้แล้วท่านพักผ่อนเสียก่อน เมื่อท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว นู๋ปี้ค่อยปลุกท่าน” กูเฟยเยี่ยนพยักหน้า ทว่านางเพียงแค่พิงเตียงนอนงีบหลับเท่านั้น ไม่ได้หลับอย่างจริงจัง เดิมทีนางคิดว่าเฉิงอี้เฟยจะกลับมาตอนกลางดึกกลางดื่น แต่ผ่านไปแค่หนึ่งชั่วยามเฉิงอี้เฟยก็กลับมาแล้ว
ระยะเวลาอันน้อยนิดคงจะเพียงพอต่อการไปกลับหนึ่งรอบเท่านั้น
กูเฟยเยี่ยนถามด้วยความกังวล “เป็อย่างไรบ้าง? ”
เฉิงอี้เฟยกล่าวด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง “คนและห่อยาถูกส่งไปให้ศาลต้าหลี่แล้ว ข้าไม่ได้พบจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย และไม่ได้เข้าเฝ้าฝ่าา”
กูเฟยเยี่ยนจึงสอบถามอีก “รับรู้ท่าทีของฝ่าาหรือไม่? ”
“ข้าไปที่พระราชวังจึงทราบว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่ได้เข้าไปในพระราชวังเลย พระองค์ยังคงไต่สวนแพทย์ชายอยู่ที่ศาลต้าหลี่อย่างลับๆ” สีหน้าของเฉิงอี้เฟยเรียกได้ว่าเสียดาย “รู้อย่างนี่ ข้าไม่เข้าไปในพระราชวังหรอก! ”
กูเฟยเยี่ยนประหลาดใจเช่นกัน “แล้ว แล้วองค์ชายใหญ่ล่ะ? ”
เฉิงอี้เฟยตอบกลับไป “องค์ชายใหญ่ทรงรออยู่ที่ด้านหน้าห้องยาสำนักหมอหลวงมากกว่าหนึ่งชั่วยาม ทว่าฝ่าาไม่ประสงค์จะพบเขา หากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่เสด็จไป คาดว่าต่อให้เขารอจนถึงฟ้าสางก็คงจะไม่มีหวัง ตอนที่ข้าออกมาจากพระราชวังได้ยินมาว่าอวิ้นกุ้ยเฟยก็รีบเสด็จไปเช่นกัน”
เมื่อนึกถึงท่าทางรีบร้อนของจวินเย่าเฉิงในขณะที่อยู่ในศาลต้าหลี่ กูเฟยเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะลอบหัวเราะออกมา นางแอบคิดว่าต่อให้องค์ชายใหญ่กับอวิ้นกุ้ยเฟยเข้าเฝ้าฝ่าาก็ไร้ประโยชน์ คดีนี้ยังไม่จบ เมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมายังไงองค์หญิงหวายหนิงก็หนีไม่พ้น!
เฉิงอี้เฟยถามด้วยความสงสัย “แพทย์หญิงตัวน้อย เ้าหัวเราะทำไม?”
กูเฟยเยี่ยนไม่กล้าพูดออกมาทำได้เพียงขายผ้าเอาหน้ารอด “หัวเราะเ้า รีบร้อนขนาดนั้นแต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว”
“ดีเหลือเกิน! เ้ากล้าหัวเราะเยาะเปิ่นเจียงจวิน! ”
ทันใดนั้นเฉิงอี้เฟยก็โน้มตัวลงมาใกล้ มือใหญ่ช้อนปลายคางของกูเฟยเยี่ยนขึ้นมา เพียงแต่ว่าในขณะที่กำลังจะหยอกเย้านาง เขาก็หยุดตัวลงกะทันหันพลันปล่อยออก เขาถึงกับเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “แพทย์หญิงตัวน้อย เปิ่นเจียงจวินจะจดจำบัญชีนี้เอาไว้ก่อน หลังจากสามเดือนผ่านไปข้าจะมาคิดบัญชีกับเ้า! ”
กูเฟยเยี่ยนยิ้มเยาะี้เีตอบเขา
เฉิงอี้เฟยเหมือนจะเป็เด็กดีที่ไม่ตกอยู่ภายใต้การบังคับ ทว่ากลับเป็ผู้ที่มีหลักการหนักแน่น เขาไม่แตะต้องกูเฟยเยี่ยน ั้แ่บนเตียง บนรถเข็น ไปจนกระทั่งบนรถม้า การกระทำทั้งหมดล้วนถูกดำเนินการโดยหญิงรับใช้ เขามาส่งกูเฟยเยี่ยนที่ประตูด้านหลังของจิ้งหวางฝู่ด้วยตนเอง เมื่อแน่ใจว่ารอบข้างไร้ผู้คนจึงให้กูเฟยเยี่ยนลงจากรถม้า
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะเคาะประตูทว่าจู่ๆ เฉิงอี้เฟยก็เข้ามากระซิบที่ด้านหลังของนาง “แพทย์หญิงตัวน้อย เปิ่นเจียงจวินมีเื่จริงจังจะพูดกับเ้าหนึ่งเื่ เ้าต้องฟังทุกคำพูดแล้วจดจำเอาไว้ให้ดี”
เื่อะไรถึงต้องจริงจังถึงเพียงนี้?
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะหันกลับมาทว่าถูกเฉิงอี้เฟยสกัดกั้นไว้ก่อน เสียงกระซิบของเขามีความเอาจริงเอาจัง “แพทย์หญิงตัวน้อย เปิ่นเจียงจวิน้าเ้า ข้าไม่สนใจสัญญาหมั้นหมายของตระกูลฉีนั่น หลังจากสามเดือนผ่านไปข้าจะไปที่ตระกูลกูเพื่อสู่ขอเ้า! ”
อันที่จริงแล้วเขาไม่แน่ใจว่าเหตุใดตนเองจึง้านาง แต่ทราบว่าตนเองจะต้องได้ บางทีตอนที่เขาพูดคุยกับมารดาที่ค่ายทหารว่า้านาง เขาก็อาจจะมีความคิดนี้อยู่แล้วก็เป็ได้?
เขาไม่เคยเป็ห่วงหญิงสาวคนไหนมาก่อน เขาคิดว่าหากให้สถานะฟูเหรินท่านแม่ทัพแก่นาง และให้เหล่าทหารนับแสนนายคอยหนุนหลัง นางก็ไม่จำเป็ต้องทนทุกข์ทรมานแล้วใช่หรือไม่?
เมื่อเฉิงอี้เฟยพูดจบก็เคาะไปที่ประตูด้านหลังของจิ้งหวางฝู่ทันที “ปัง ปัง ปัง”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงอย่างมาก นานทีเดียวกว่านางจะหันกลับมา
เฉิงอี้เฟยกลับไปบนรถม้าแล้ว เขานั่งอย่างไม่ยี่หระ มือข้างหนึ่งถือแส้ขนาดสั้นเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งวางไว้บนหัวเข่าที่งอขึ้นมา ลักษณะท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย ทันทีที่เห็นว่ากูเฟยเยี่ยนหันมามอง เขาก็หัวเราะด้วยความกำเริบเสิบสานไม่ยับยั้งชั่งใจ
กูเฟยเยี่ยนมองดูแล้วก็รู้สึกว่าเขากำลังล้อเล่นกับนาง เพียงแต่ว่าน้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมาเมื่อสักครู่นี้มันชัดเจนว่าเขาตั้งใจและเอาจริงเอาจัง
“เฉิงอี้เฟย เ้าล้อ…”
กูเฟยเยี่ยนยังพูดไม่จบประตูด้านหลังก็ถูกเปิดออก แทบจะในเวลาเดียวกันเฉิงอี้เฟยก็สะบัดแส้ขับรถออกไป
ผู้ที่มาเปิดประตูคือเซี่ยเสี่ยวหม่าน แน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนไม่้าพูดอะไรออกมามาก
หลังจากที่เซี่ยเสี่ยวหม่านมองดูรถม้าที่ห่างออกไปไกลแล้วเขาจึงหันมาทางกูเฟยเยี่ยน ใบหน้าเล็กอ่อนวัยนั้นเต็มไปด้วยความดุร้ายน่าหวาดกลัวเป็อย่างยิ่ง กูเฟยเยี่ยนใมาก “เ้าทำอะไร? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านจ้องมองมาที่นางครู่หนึ่ง ก่อนจะเค้นคำพูดออกมาตามร่องฟัน “นังหนู ครั้งหน้าหากเ้ายังไม่เชื่อฟังเปิ่นกงกง อีกทั้งยังออกไปจากจวนโดยพลการ เปิ่นกงกงจะทำให้เ้าได้เจอดีอย่างแน่นอน! ”
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนเกิดความประหลาดใจ “เกิดเื่อะไรขึ้นกัน? ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านเชิดใส่นางและไม่ตอบอะไร เขานำมือไพล่หลัง ก้าวเท้าออกไปไม่ช้าหมางจ้งก็ปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ ก่อนจะเข็นกูเฟยเยี่ยนเข้ามาด้านใน
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยถาม “หม่านกงกงเป็อะไรไป? ”
ในตอนแรกหมางจ้งไม่กล้าเอ่ยออกมา แต่เมื่อกูเฟยเยี่ยนถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจึงแอบบอกนาง “เตี้ยนเซี่ยเสด็จกลับมาแล้วหาเ้าไม่เจอจึงลงโทษหักเงินเขาไปครึ่งปี”
“นี่ นี่ นี่มัน…”
กูเฟยเยี่ยนพูดไม่ออกอย่างกะทันหัน เซี่ยเสี่ยวหม่านเป็คนที่ตระหนี่ขี้เหนียวละเอียดอ่อนและประณีตมาก เมื่อถูกหักเงินเช่นนี้จะไม่ราวกับว่าขูดเนื้อเขาหรือ? มิน่าล่ะเขาถึงได้มีลักษณะที่ดุร้ายเช่นนั้น
เพียงแต่ว่าเตี้ยนเซี่ยจะไม่ลงโทษหนักเกินไปหน่อยหรือ?
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยถามอย่างรีบร้อน “เตี้ยนเซี่ยเสด็จกลับมาแล้วใช่หรือไม่? พระองค์ตามหาข้าเพราะมีเื่ด่วนหรือ? เกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่? ทำไมไม่ส่งคนไปที่จวนตระกูลเฉิง? ” หมางจ้งจึงตอบว่า “เตี้ยนเซี่ยไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้คงจะบรรทมไปแล้ว”
กูเฟยเยี่ยนประหลาดใจมาก “เตี้ยนเซี่ยไม่เสด็จไปที่พระราชวังแล้วหรือ? ”
องค์ชายใหญ่ยังคงรออยู่ แต่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงกลับมาบรรทม? นี่มันไม่เอาแต่ใจไปหน่อยหรือ?
“บัดนี้ฝ่าาก็ทรงบรรทมแล้ว เกรงว่าจะเสียงดังไม่ได้” หมางจ้งอธิบายไป พลางพึมพำในใจ “เป็เพราะเตี้ยนเซี่ยรีบร้อนไปหาเ้าอย่างไรล่ะ ไม่อย่างนั้นจะล่าช้าจนถึงดึกดื่นหรือ? ”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนยังอยากจะถามว่าวันพรุ่งนี้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงตื่นขึ้นเมื่อใด แต่เมื่อนึกได้ว่าอู๋กงกงถูกส่งไปที่ศาลต้าหลี่แล้ว นางจึงเลิกคิดไป ในวันพรุ่งนี้คนของศาลต้าหลี่จะมารายงานเอง นางเเสร้งทำเป็โง่ต่อไปและรอคอยถึงการเปลี่ยนแปลงของคดีในวันพรุ่งนี้อย่างเงียบๆ
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องิเย่วจวี หมางจ้งก็อดไม่ได้ที่จะโน้มน้าว “แพทย์หญิงกู เตี้ยนเซี่ยไม่โปรดปรานให้คนในจวนวิ่งวนไปทั่ว หากเ้าไม่มีเื่ใหญ่อะไร ทางที่ดีอย่าได้ออกไป เตี้ยนเซี่ยไม่โปรดปราน เสี่ยวหม่านก็ให้คำอธิบายออกมาไม่ได้”
กูเฟยเยี่ยนมีความสงสัยมากทีเดียว ในตอนที่นางเข้ามาในจิ้งหวางฝู่ เซี่ยเสี่ยวหม่านเพียงแค่กล่าวเตือนว่าที่ตรงนั้นตรงนี้ที่นางไม่อาจย่างก้าวเข้าไปได้ แต่ไม่ได้บอกนางว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่โปรดปรานให้พวกเขาออกไปข้างนอกนี่นา!
เพียงแต่ว่านางก็รับปากไป “ข้าจะจำไว้”
หลังจากที่เอ่ยจบจู่ๆ เซี่ยเสี่ยวหม่านก็เปิดประตูออกมาจากด้านในห้องจนทำให้ทั้งกูเฟยเยี่ยนและหมางจ้งใกันหมด
กูเฟยเยี่ยนถามด้วยความหวาดกลัว “เ้า เ้า…”
เซี่ยเสี่ยวหม่านพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ “สองวันนี้ข้าพเ้าจะมาดูแลเ้า เตี้ยนเซี่ยบอกว่าจะมอบรางวัลให้เ้าเป็หญิงรับใช้หนึ่งรายเพื่อไว้เรียกใช้งาน ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะมา”
เมื่อเห็นถึงท่าทางอัดอั้นตันใจของเซี่ยเสี่ยวหม่าน กูเฟยเยี่ยนยังไม่ทันจะได้หัวเราะ หมางจ้งก็อดที่จะปิดปากไม่ได้แล้ว…